เคยคิดบ้างมั๊ยว่าทำไมทุ่มเทความรักให้หมดใจแล้วยังเลิกกัน? คำถามนี้เคยวนเวียนฝังใจถึงขนาดเก็บไปนอนฝันอยู่หลายปีทีเดียว แต่เมื่อผ่านวันเวลาไปจนถึงจุดหนึ่งคำตอบนั้นมันง่ายๆสั้นๆเท่านั้นเอง
ผมเคยมีความรักที่ทุ่มเทหมดใจตอนสมัยเรียนมหาลัยเมื่อหลายสิบปีก่อน เราทั้งคู่อยู่ต่างมหาลัยแต่มาพบเจอกันด้วยกิจกรรมระหว่างมหาลัย แม้เป็นเวลาสั้นๆแต่เราก็รู้สึกดีต่อกันอย่างมาก แม้กิจกรรมจะจบลงแล้ว เราสองคนก็ยังติดต่อพูดคุยโทรหากันจนเกิดเป็นความรักผูกพันคบหากันมานานหลายปี
ตลอดระยะเวลาที่คบกันเราเจอกันแทบทุกวันหลังเลิกเรียน ผมไปหาไปรอที่มหาลัยบ้าง วันไหนวันหยุดวันว่างก็ไปเที่ยวกันไปรับไปส่ง ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรักแลความจริงใจจนทางบ้านเธอเองก็ไว้ใจผมให้มาไหนไปไหนตลอดหลายปีที่คบกันมา ระหว่างผมและเธอนั้นเราแทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะอะไรกันเลย เพราะเวลามีเรื่องขัดใจอะไรกันตัวผมมักจะเป็นฝ่ายที่ฟังและตามใจเธอซะมากกว่า แม้ครั้งหนึ่งระหว่างที่เราคบหากันช่วงต้นๆ เรามีห่างกันไปเพราะผมมาทราบจากเพื่อนสนิทเธอว่าเธอไปชอบเพื่อนชายในกลุ่มของเธออีกคนและเหมือนๆลองคบกันอยู่ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เสียใจมากที่รู้ แต่ก็เป็นฝ่ายยอมถอยห่างออกจากเธอเองเงียบๆ แต่เวลาไม่นานนักเธอก็กลับมาขอปรับความเข้าใจขอเริ่มต้นกับผมใหม่อีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่เธอบอกผมว่าเพื่อนชายคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด และเมื่อทบทวนตัวเธอก็เกิดความเข้าใจและรู้สึกผิดในสิ่งที่เธอทำกับผม ตอนนั้นผมเองดีใจมากที่เธอกลับมาและคิดในใจด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่านับจากนี้เธอคงเข้าใจและรักผมมากขึ้นและเราก็จะคบกันไปอย่างนี้ตลอดไป
จนเวลาคบหาของเราผ่านไปได้ 3 ปี เธอก็สำเร็จจบการศึกษา(เธอเข้าเรียนมหาลัยเร็วกว่าผมปีนึง) เธอได้ออกไปใช้ชีวิตการทำงาน ส่วนผมก็ยังเรียนมหาลัยปีสุดท้าย แต่ความรักของเราก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเดิมไปเปลี่ยนแปลง จนมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่เธอต้องไปเรียนต่อต่างประเทศประมาณ 2-3 ปี
ตอนนั้นผมเองแอบมีกังวลใจกลัวว่าความเหินห่างจะทำให้ใจเธอเปลี่ยนไป อย่างที่คนเค้าว่าไว้ "รักแท้แพ้ใกล้ชิด" แต่ความเป็นจริงในชีวิตคนเรามันไม่ต้องรอให้ห่างไกลกันก่อนด้วยซ้ำ เพราะเมื่อใกล้กำหนดวันเวลาที่เธอจะไปมากเท่าไร ผมรู้สึกเธอยิ่งทำตัวเหินห่างจากผมไปมากเท่านั้น การพูดการจาก็เปลี่ยนไป ไม่ห่วงไม่สนใจไม่โทรหาหรือเป็นอย่างที่เคยเป็น เมื่อหนักเข้าจนเป็นความสงสัยผมก็ลองโทรไปถามเพื่อนของเธอจนทราบว่ามีผู้ชายชื่อ......เข้ามาคบหากับเธอและคบกันมาซักพักใหญ่แล้ว ผมเองเมื่อได้รู้ได้แต่นั่งนิ่งน้ำตานองหน้า สติสตังขาดผึงไป มันเป็นความรู้สึกเคว้งคว้างอยากจะทรุดลงนอนมันตรงนั้นไม่อยากลุกขึ้นมาอีกเลย แต่ก็ทำได้เพียงพยายามเก็บกดความรู้สึกเสียใจนั้นไว้ในใจ
จนวันนึงผมมีโอกาสไปที่บ้านเธอไปช่วยจัดการงานบางอย่างให้ ผมสังเกตมีเสียงโทรเข้ามือถือเธอตลอดเวลาที่เธอนั่งอยู่กับผม แต่เธอไม่รับสาย จนจังหวะพ่อเธอเรียกเธอมารับโทรศัพท์บ้าน เธอรีบเร่งลงไปรับสายจนเผลอลืมมือถือตัวเอง ผมรีบกดดูเป็นชื่อผู้ชาย....คนนั้นโทรมาซ้ำๆเป็นสิบๆ miss calls ผมใช้เวลาตัดสินใจเพียงชั่ววูบด้วยความอึดอัดอยากรู้โทรกลับไปทันที เสียงปลายสายทักเรียกชื่อเธอขึ้นมา ผมเอ่ยถามว่าคุณเป็นใคร ทำไมคุณมาคบกับเธอซึ่งเป็นคนรักของผม เสียงปลายสายเงียบไปซักพักและสวนกลับมาด้วยประโยคที่ผมแทบล้มทั้งยืน
"ก็เธอบอกผมว่าเลิกกับคุณแล้วนิ!"
ผมถือสายนิ่งเงียบไม่พูดตอบอะไรกลับ สติสัมปชัญญะทุกอย่างมืดดับลง ทำได้เพียงกดวางสายและเดินออกจากบ้านของเธออย่างเงียบๆ แล้วซักพักเธอก็โทรกลับมาพร้อมต่อว่าที่ผมแอบโทรไปหาผู้ชายคนนั้น ผมนั่งนิ่งฟังเธอต่อว่าอยู่ในรถ ได้แต่ถามว่าทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับผม ทำไม ทำไม ทำไม แต่ไม่มีคำตอบกลับ มีแต่เสียงวางสายอย่างเงียบๆ จากนั่นผมก็ได้แต่นั่งอยู่ในรถอย่างนั้นข้างๆบ้านเธอทั้งคืนจนถึงเช้า เพราะไม่มีแรงที่จะขับรถกลับบ้าน โลกทั้งโลกมันหมุนเคว้งถล่มลงมาที่หัวผมจนผมแทบไม่มีความรู้สึกใดๆอีกเลย
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมเองก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับไปหาเธออีกเลย แม้วันเวลาที่เธอใกล้เดินทางไปเรียนต่อใกล้เข้าทุกๆทีแล้วก็ตาม จนช่วงอาทิตย์สุดท้ายเธอก็โทรมาหา มาเล่าเหตุผลต่างๆมากมายในสิ่งที่เธอทำลงไป เธอให้เหตุผลว่าเธอยังรักผมเหมือนเดิมและรักมาก แต่ที่เธอทำเพราะเธอไปเรียนคนเดียวไม่มีใครช่วยดูแลเธอ และผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่จะไปเรียนกับเธอที่นั่น เธอแค่ต้องการคนดูแลเธอเท่านั้น และขอให้ผมเชื่อใจเธอ อดทนรอเธอกลับมาในเวลาสองปีต่อจากนี้ เวลานั้นผมเหมือนกับเด็กเล็กๆที่เวลาโดนใครแกล้งจนร้องไห้ แล้วมีคนปลอบใจหลอกล่อด้วยคำพูดดีๆหวานๆ ความเสียใจก็หายไป เพราะเชื่อในทุกคำพูดทุกคำ ซ้ำยังมองเธอในแง่ดีและพยายามเข้าใจในสิ่งที่เธอทำที่ผ่านมาทั้งหมด
ในคืนที่เธอออกเดินทางไปเรียนต่อนั้น ผู้ชายคนนั้นได้ออกเดินทางล่วงหน้าเธอไปก่อนแล้ว ทำให้ผมได้มาส่งเธอที่สนามบินโดยไม่ต้องอึดอัดใจอะไร ก่อนเธอไปเธอกอดผมด้วยน้ำตาและเอ่ยขอบคุณในทุกสิ่งที่ผมทำให้เธอตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมาและยืนยันความรู้สึกตัวเองและบอกรักผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเข้าประตูผู้โดยสายไป ผมจำตัวผมในคืนนั้นได้ดีว่าผมขับรถกลับด้วยน้ำตาอาบแก้ม เริ่มนับวันเวลาย้อนหลังตั้งแต่วันที่เธอจะไปด้วยซ้ำ
เรื่องราวข้างบนนี้เป็นเพียงครึ่งทางของคำถามกระทู้นี้เท่านั้น แต่จุดสิ้นสุดของคำถามมันนับจากนี้
เคยคิดบ้างมั๊ยว่าทำไมทุ่มเทความรักให้หมดใจแล้วยังเลิกกัน?
ผมเคยมีความรักที่ทุ่มเทหมดใจตอนสมัยเรียนมหาลัยเมื่อหลายสิบปีก่อน เราทั้งคู่อยู่ต่างมหาลัยแต่มาพบเจอกันด้วยกิจกรรมระหว่างมหาลัย แม้เป็นเวลาสั้นๆแต่เราก็รู้สึกดีต่อกันอย่างมาก แม้กิจกรรมจะจบลงแล้ว เราสองคนก็ยังติดต่อพูดคุยโทรหากันจนเกิดเป็นความรักผูกพันคบหากันมานานหลายปี
ตลอดระยะเวลาที่คบกันเราเจอกันแทบทุกวันหลังเลิกเรียน ผมไปหาไปรอที่มหาลัยบ้าง วันไหนวันหยุดวันว่างก็ไปเที่ยวกันไปรับไปส่ง ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรักแลความจริงใจจนทางบ้านเธอเองก็ไว้ใจผมให้มาไหนไปไหนตลอดหลายปีที่คบกันมา ระหว่างผมและเธอนั้นเราแทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะอะไรกันเลย เพราะเวลามีเรื่องขัดใจอะไรกันตัวผมมักจะเป็นฝ่ายที่ฟังและตามใจเธอซะมากกว่า แม้ครั้งหนึ่งระหว่างที่เราคบหากันช่วงต้นๆ เรามีห่างกันไปเพราะผมมาทราบจากเพื่อนสนิทเธอว่าเธอไปชอบเพื่อนชายในกลุ่มของเธออีกคนและเหมือนๆลองคบกันอยู่ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เสียใจมากที่รู้ แต่ก็เป็นฝ่ายยอมถอยห่างออกจากเธอเองเงียบๆ แต่เวลาไม่นานนักเธอก็กลับมาขอปรับความเข้าใจขอเริ่มต้นกับผมใหม่อีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่เธอบอกผมว่าเพื่อนชายคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด และเมื่อทบทวนตัวเธอก็เกิดความเข้าใจและรู้สึกผิดในสิ่งที่เธอทำกับผม ตอนนั้นผมเองดีใจมากที่เธอกลับมาและคิดในใจด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่านับจากนี้เธอคงเข้าใจและรักผมมากขึ้นและเราก็จะคบกันไปอย่างนี้ตลอดไป
จนเวลาคบหาของเราผ่านไปได้ 3 ปี เธอก็สำเร็จจบการศึกษา(เธอเข้าเรียนมหาลัยเร็วกว่าผมปีนึง) เธอได้ออกไปใช้ชีวิตการทำงาน ส่วนผมก็ยังเรียนมหาลัยปีสุดท้าย แต่ความรักของเราก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเดิมไปเปลี่ยนแปลง จนมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่เธอต้องไปเรียนต่อต่างประเทศประมาณ 2-3 ปี
ตอนนั้นผมเองแอบมีกังวลใจกลัวว่าความเหินห่างจะทำให้ใจเธอเปลี่ยนไป อย่างที่คนเค้าว่าไว้ "รักแท้แพ้ใกล้ชิด" แต่ความเป็นจริงในชีวิตคนเรามันไม่ต้องรอให้ห่างไกลกันก่อนด้วยซ้ำ เพราะเมื่อใกล้กำหนดวันเวลาที่เธอจะไปมากเท่าไร ผมรู้สึกเธอยิ่งทำตัวเหินห่างจากผมไปมากเท่านั้น การพูดการจาก็เปลี่ยนไป ไม่ห่วงไม่สนใจไม่โทรหาหรือเป็นอย่างที่เคยเป็น เมื่อหนักเข้าจนเป็นความสงสัยผมก็ลองโทรไปถามเพื่อนของเธอจนทราบว่ามีผู้ชายชื่อ......เข้ามาคบหากับเธอและคบกันมาซักพักใหญ่แล้ว ผมเองเมื่อได้รู้ได้แต่นั่งนิ่งน้ำตานองหน้า สติสตังขาดผึงไป มันเป็นความรู้สึกเคว้งคว้างอยากจะทรุดลงนอนมันตรงนั้นไม่อยากลุกขึ้นมาอีกเลย แต่ก็ทำได้เพียงพยายามเก็บกดความรู้สึกเสียใจนั้นไว้ในใจ
จนวันนึงผมมีโอกาสไปที่บ้านเธอไปช่วยจัดการงานบางอย่างให้ ผมสังเกตมีเสียงโทรเข้ามือถือเธอตลอดเวลาที่เธอนั่งอยู่กับผม แต่เธอไม่รับสาย จนจังหวะพ่อเธอเรียกเธอมารับโทรศัพท์บ้าน เธอรีบเร่งลงไปรับสายจนเผลอลืมมือถือตัวเอง ผมรีบกดดูเป็นชื่อผู้ชาย....คนนั้นโทรมาซ้ำๆเป็นสิบๆ miss calls ผมใช้เวลาตัดสินใจเพียงชั่ววูบด้วยความอึดอัดอยากรู้โทรกลับไปทันที เสียงปลายสายทักเรียกชื่อเธอขึ้นมา ผมเอ่ยถามว่าคุณเป็นใคร ทำไมคุณมาคบกับเธอซึ่งเป็นคนรักของผม เสียงปลายสายเงียบไปซักพักและสวนกลับมาด้วยประโยคที่ผมแทบล้มทั้งยืน
"ก็เธอบอกผมว่าเลิกกับคุณแล้วนิ!"
ผมถือสายนิ่งเงียบไม่พูดตอบอะไรกลับ สติสัมปชัญญะทุกอย่างมืดดับลง ทำได้เพียงกดวางสายและเดินออกจากบ้านของเธออย่างเงียบๆ แล้วซักพักเธอก็โทรกลับมาพร้อมต่อว่าที่ผมแอบโทรไปหาผู้ชายคนนั้น ผมนั่งนิ่งฟังเธอต่อว่าอยู่ในรถ ได้แต่ถามว่าทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับผม ทำไม ทำไม ทำไม แต่ไม่มีคำตอบกลับ มีแต่เสียงวางสายอย่างเงียบๆ จากนั่นผมก็ได้แต่นั่งอยู่ในรถอย่างนั้นข้างๆบ้านเธอทั้งคืนจนถึงเช้า เพราะไม่มีแรงที่จะขับรถกลับบ้าน โลกทั้งโลกมันหมุนเคว้งถล่มลงมาที่หัวผมจนผมแทบไม่มีความรู้สึกใดๆอีกเลย
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมเองก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับไปหาเธออีกเลย แม้วันเวลาที่เธอใกล้เดินทางไปเรียนต่อใกล้เข้าทุกๆทีแล้วก็ตาม จนช่วงอาทิตย์สุดท้ายเธอก็โทรมาหา มาเล่าเหตุผลต่างๆมากมายในสิ่งที่เธอทำลงไป เธอให้เหตุผลว่าเธอยังรักผมเหมือนเดิมและรักมาก แต่ที่เธอทำเพราะเธอไปเรียนคนเดียวไม่มีใครช่วยดูแลเธอ และผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่จะไปเรียนกับเธอที่นั่น เธอแค่ต้องการคนดูแลเธอเท่านั้น และขอให้ผมเชื่อใจเธอ อดทนรอเธอกลับมาในเวลาสองปีต่อจากนี้ เวลานั้นผมเหมือนกับเด็กเล็กๆที่เวลาโดนใครแกล้งจนร้องไห้ แล้วมีคนปลอบใจหลอกล่อด้วยคำพูดดีๆหวานๆ ความเสียใจก็หายไป เพราะเชื่อในทุกคำพูดทุกคำ ซ้ำยังมองเธอในแง่ดีและพยายามเข้าใจในสิ่งที่เธอทำที่ผ่านมาทั้งหมด
ในคืนที่เธอออกเดินทางไปเรียนต่อนั้น ผู้ชายคนนั้นได้ออกเดินทางล่วงหน้าเธอไปก่อนแล้ว ทำให้ผมได้มาส่งเธอที่สนามบินโดยไม่ต้องอึดอัดใจอะไร ก่อนเธอไปเธอกอดผมด้วยน้ำตาและเอ่ยขอบคุณในทุกสิ่งที่ผมทำให้เธอตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมาและยืนยันความรู้สึกตัวเองและบอกรักผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเข้าประตูผู้โดยสายไป ผมจำตัวผมในคืนนั้นได้ดีว่าผมขับรถกลับด้วยน้ำตาอาบแก้ม เริ่มนับวันเวลาย้อนหลังตั้งแต่วันที่เธอจะไปด้วยซ้ำ
เรื่องราวข้างบนนี้เป็นเพียงครึ่งทางของคำถามกระทู้นี้เท่านั้น แต่จุดสิ้นสุดของคำถามมันนับจากนี้