ขอพื้นที่ในพันทิป เพื่อระบายความรู้สึกนะครับ
เพราะในชีวิตจริง เราคงไปบอกใครไม่ได้
เรื่อง คือ พ่อแม่ของภรรยา ซึ่งก็คือ พ่อตา แม่ยาย ของผม แล้วก็เป็น ตา ยาย ของลูกผม
(ตอนนี้ลูกผมอายุขวบกว่า วัยกำลังซน)
พ่อแม่ภรรยาผม เค้าก็ประกอบธุรกิจขนาดเล็กภายในครอบครัวของเค้า
โดยมีน้องชายของภรรยาผม ช่วยงานในธุรกิจครอบครัวนี้ด้วย
ส่วนผมกับภรรยาต่างคนก็ต่างทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทใครบริษัทมัน
ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ ผมกับภรรยาก็อาศัยอยู่ที่บ้านพ่อตาแม่ยายนี่แหล่ะ
ของมีค่าต่าง ๆ เช่น ทองหมั้น ทองรับไว้ แหวนแต่งงาน ก็ฝากไว้ที่พ่ธุรกิจแม่ของเค้า
เพราะว่าเค้าจะอยู่ที่บ้านกันตลอดเวลา โดยที่ผมก็ไว้ใจ และไม่เคยมีปัญหาอะไร
เนื่องจากบ้านพ่อแม่เค้าทำธุรกิจ ก็มีบางครั้งที่จะหมุนเงินไม่ทันบ้าง
ผมก็จะคอยให้ยิม ห้าหมื่นบ้าง แสนนึงบ้าง ผ่านไปเดือนสองเดือนก็จะได้คืนตลอด ไม่เคยมีปัญหา
พอแต่งงานได้เกือบครบปี ผมกับภรรยา ก็ตั้งใจจะมีลูก
จึงได้ไปซื้อบ้านแยกอยู่ต่างหาก แต่ก็ยังอยู่ในละแวกบ้านพ่อแม่ของเค้า
ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ซื้อใหม่หมด ไม่ได้มีการนำของมาจากที่เก่า
รวมถึงของมีค่า คือ ทอง และ แหวนแต่งงาน (รวมทั้งสร้อยพร้อมพระที่ผมเห็นพ่อแขวนมาตั้งแต่จำความได้ พ่อก็ถอดรับขวัญสะใภ้)
น้ำหนักทองที่ส่วนใหญ่เป็นสร้อย อยู่ที่ประมาณ 8 บาท ทองมีทั้งทองหมั้น 3 บาท (ตอนนั้นทองแพงมากบาทละเกือบ 24,000)
ทองรับขวัญของภรรยาผมอีก 2 บาท ทองส่วนตัวของผมอีกประมาณ 2 บาท
และแหวนแต่งงานอีกประมาณ 150,000 เป็นทองชุมแพลตทินัม
รวมถึงทองเล็ก ทองน้อย ที่ได้มาตอนรับขวัญลูกผมจากญาติๆก็น่าจะมีอีก 1 บาท
ช่วงที่ซื้อบ้านใหม่ ซื้อของเข้าบ้าน มีลูกคนแรก
เป็นช่วงที่ผมใช้เงินเยอะมาก ถึง มากที่สุด
เพราะเป็นช่วงที่ต้องสร้างครอบครัว ก็จำเป็น ถึงเงินเก็บจะเกือบหมด ก็ต้องทำใจ
ผมเหลือเงินสดติดตัว แค่ 2แสนบาท เผื่อเหลือเผื่อขาด ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เช่น ลูกผมป่วย หรือ พ่อแม่ของผมเองไม่สบาย
หลังจากซื้อบ้าน มีลูก เงินเดือนของผมก็ไม่เคยมีเหลือเก็บ รวมถึงของภรรยาด้วย
แต่เราก็มีความสุขกันดี เนื่องจากเราสองคนไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอะไร
เรื่องมันเริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว
ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ภรรยาผม เริ่มจะหมุนเงินไม่ทันอีกครั้ง
ผมเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากมายเหมือนก่อนซื้อบ้าน มีลูก
แต่ก็เต็มใจให้ยืมไป 1แสนบาท เพราะแม่เค้าเองเค้าก็เลี้ยงลูกผมบ้างช่วงเวลาที่ปู่กับย่ากับบ้านเค้า
(ปกติวันธรรมดาพ่อแม่ผมจะเป็นคนเลี้ยงหลาน เว้นแต่เค้ามีธุระต้องไปหาหมอที่บ้าน ก็จะไปฝากตายายเลี้ยง)
แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้คืน แต่ผมก็ไม่เคยทวง
จนกระทั่งสิ้นปี ภรรยาผม ก็คุยว่าที่บ้านพ่อแม่ธุรกิจยังแย่อยู่เลย
เธอเองก็ไม่มีศักยภาพที่จะช่วย ร้องไห้ เพราะสงสารพ่อกับแม่
ผมเองมองว่าสิ้นปีก็จะได้เงินโบนัสแล้ว
จึงตัดสินใจเปิดบัญชีให้เธอดูว่า ผมเหลือเงินอีกแค่ 1แสน
ซึ่งเป็นก้อนสุดท้ายแล้ว และผมให้พ่อกับแม่ของเธอไป
ชีวิตผม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองวิกฤตทางการเงินขนาดนี้
คือ ไม่มีเงินสดติดตัวเลย
ถ้ามีเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมา คงไม่สามารถหันไปพึ่งพาใครได้
แต่ผมก็ตัดสินใจให้ยืมไป รวมเป็นเงินที่ยืมก็ 2แสนแล้ว
ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับเงินโบนัส
ผมเห็นว่า ราคาทองลงมาอยู่ที่ประมาณ 18,000
ผมจึงตัดสินใจนำเงินโบนัสไปซื้อทองแท่ง 5บาท
เพื่อออมไว้ให้ลูกผม โดยผมนำไปให้ภรรยา และบอกว่า ให้เก็บทองนี้ไว้ให้ลูก
โดยที่ ภรรยาผมก็นำทองไปฝากเก็บไว้ที่พ่อ แม่ของเธอ
และ พ่อแม่ของเธอก็ทราบดีว่านี่คือทองที่ผมซื้อไว้ให้ลูกของผม
แล้วเรื่องก็มาเกิดขึ้นอีก
ภรรยาผมมาบอกผมว่า พ่อของเธอขอยืมทองหมั้นไปจำนำ เพื่อนำเงินมาหมุนก่อน
ผมก็ไม่ได้ว่า อะไร เพราะถือว่าเป็นทองหมั้น ผมให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว
แม้ว่าในตอนแรก พ่อแม่เค้าจะคืนมาเพื่อให้เราไปทำทุนในการเริ่มชีวิตครอบครัว
แต่ผมก็เอะใจ ถามไปว่า เอาไปจำนำแค่ 3 บาทใช่ไหม
แล้วทองกับพระที่พ่อเราให้ยังอยู่หรือเปล่า
ภรรยาผมก็ร้องไห้บอกว่า พ่อเอาไปจำนำทั้งหมด 8 บาทแต่ถอดพระไว้
ผมโกรธมาก บอกกับภรรยาว่า แต่ทองนั้นมีของลูก กับของผมด้วยนะ
ทองของเธอมีแค่ 5บาทเท่านั้น ถ้าจะนับที่พ่อผมให้เธอด้วย ผมก็ไม่ว่า เพราะคิดว่าให้แล้ว
เธอก็ได้แต่ร้องไห้ ผมโกรธมาก แต่ก็พยายามทำใจถือซะว่าเราทำให้พ่อแม่เค้าแล้วกัน
ผมก็เลยถามว่า แล้วทองแท่งอีก 5บาทของลูกล่ะ
เธอบอกว่า พ่อแม่เธอไม่ได้ยุ่ง และทอง 8 บาทก็แค่จำนำ ไม่ได้ขายขาด
พ่อของเธอก็ยังส่งดอกอยู่
ถ้ามีเงินก็จะไปไถ่คืน
ผมเริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ผมไม่มีวันได้ทั้งเงินและทองคืนแน่ๆๆ
รวมเป็นยอดเงิน ก็ประมาณ 3.4แสนบาทแล้ว
แต่สิ่งที่ผมพลาด และคาดไม่ถึงว่า มันจะเกิดคือ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ภรรยาผมร้องไห้มาบอกผมว่า
แม่ของเธอ เอาทองแท่งของลูกผมอีก 5 บาทไปจำนำ
ผมโกรธมาก โกรธจนถึงขั้นเกลียด
เงินของผม ผมให้จนหมด
ทองของผม ที่เป็นสร้อยทอง ก็เอาไปแม้จะบอกขอยืมก็ตาม หรือจเหมาว่าเป็นของหมั้น ผมก็ยังพอจะตัดใจได้
แต่ทองของลูกผม ทองของหลาน อนาคตของหลาน
เค้ายังทำได้ลงคอ ไม่ได้ขอผม
ผมรู้สึกว่า เค้าเป็นขโมย คนที่เอาของของคนอื่นไป
โดยที่เจ้าของไม่อนุญาต คนนั้นก็คือขโมย
ภรรยาผมก็ได้แต่ร้องไห้
ทุกวันนี้ ผมโกรธ ผมเกลียด พ่อแม่ของเธอ ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากพูดคุยด้วย
แต่ผมบอกใครไม่ได้
พูดต่อว่า ภรรยาผม ก็ไม่ได้ของคืนมา ทำให้ครอบครัวมีปัญหาเปล่าๆ
ผมโกรธ เกลียด พ่อแม่เธอ แต่เค้าก็ยังเลี้ยงลูกผมอยู่
ผมผิดเองที่ไว้ใจ มากเกินไป ผมอยากจะถามภรรยาผมเหลือเกิน
ว่าแหวนแต่งงาน พ่อแม่เธอ เอาไปจำนำ เอาไปขายหรือยัง
แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว
ตอนนี้ผมอยากจะขอแค่พระของพ่อผมคืน
ผมควรจะทำอย่างไร ที่ไม่เป็นการหักหาญน้ำใจ ภรรยาผม
เงินที่เค้าเอาของลูกผมไป ผมพยายามจะอโหสิกรรมให้ แม้ตอนนี้ผมจะยังเกลียดอยู่ก็ตาม
อยากทวงคืน พระ ที่พ่อให้รับขวัญภรรยาตอนแต่งงาน
เพราะในชีวิตจริง เราคงไปบอกใครไม่ได้
เรื่อง คือ พ่อแม่ของภรรยา ซึ่งก็คือ พ่อตา แม่ยาย ของผม แล้วก็เป็น ตา ยาย ของลูกผม
(ตอนนี้ลูกผมอายุขวบกว่า วัยกำลังซน)
พ่อแม่ภรรยาผม เค้าก็ประกอบธุรกิจขนาดเล็กภายในครอบครัวของเค้า
โดยมีน้องชายของภรรยาผม ช่วยงานในธุรกิจครอบครัวนี้ด้วย
ส่วนผมกับภรรยาต่างคนก็ต่างทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทใครบริษัทมัน
ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ ผมกับภรรยาก็อาศัยอยู่ที่บ้านพ่อตาแม่ยายนี่แหล่ะ
ของมีค่าต่าง ๆ เช่น ทองหมั้น ทองรับไว้ แหวนแต่งงาน ก็ฝากไว้ที่พ่ธุรกิจแม่ของเค้า
เพราะว่าเค้าจะอยู่ที่บ้านกันตลอดเวลา โดยที่ผมก็ไว้ใจ และไม่เคยมีปัญหาอะไร
เนื่องจากบ้านพ่อแม่เค้าทำธุรกิจ ก็มีบางครั้งที่จะหมุนเงินไม่ทันบ้าง
ผมก็จะคอยให้ยิม ห้าหมื่นบ้าง แสนนึงบ้าง ผ่านไปเดือนสองเดือนก็จะได้คืนตลอด ไม่เคยมีปัญหา
พอแต่งงานได้เกือบครบปี ผมกับภรรยา ก็ตั้งใจจะมีลูก
จึงได้ไปซื้อบ้านแยกอยู่ต่างหาก แต่ก็ยังอยู่ในละแวกบ้านพ่อแม่ของเค้า
ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ซื้อใหม่หมด ไม่ได้มีการนำของมาจากที่เก่า
รวมถึงของมีค่า คือ ทอง และ แหวนแต่งงาน (รวมทั้งสร้อยพร้อมพระที่ผมเห็นพ่อแขวนมาตั้งแต่จำความได้ พ่อก็ถอดรับขวัญสะใภ้)
น้ำหนักทองที่ส่วนใหญ่เป็นสร้อย อยู่ที่ประมาณ 8 บาท ทองมีทั้งทองหมั้น 3 บาท (ตอนนั้นทองแพงมากบาทละเกือบ 24,000)
ทองรับขวัญของภรรยาผมอีก 2 บาท ทองส่วนตัวของผมอีกประมาณ 2 บาท
และแหวนแต่งงานอีกประมาณ 150,000 เป็นทองชุมแพลตทินัม
รวมถึงทองเล็ก ทองน้อย ที่ได้มาตอนรับขวัญลูกผมจากญาติๆก็น่าจะมีอีก 1 บาท
ช่วงที่ซื้อบ้านใหม่ ซื้อของเข้าบ้าน มีลูกคนแรก
เป็นช่วงที่ผมใช้เงินเยอะมาก ถึง มากที่สุด
เพราะเป็นช่วงที่ต้องสร้างครอบครัว ก็จำเป็น ถึงเงินเก็บจะเกือบหมด ก็ต้องทำใจ
ผมเหลือเงินสดติดตัว แค่ 2แสนบาท เผื่อเหลือเผื่อขาด ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เช่น ลูกผมป่วย หรือ พ่อแม่ของผมเองไม่สบาย
หลังจากซื้อบ้าน มีลูก เงินเดือนของผมก็ไม่เคยมีเหลือเก็บ รวมถึงของภรรยาด้วย
แต่เราก็มีความสุขกันดี เนื่องจากเราสองคนไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอะไร
เรื่องมันเริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว
ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ภรรยาผม เริ่มจะหมุนเงินไม่ทันอีกครั้ง
ผมเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากมายเหมือนก่อนซื้อบ้าน มีลูก
แต่ก็เต็มใจให้ยืมไป 1แสนบาท เพราะแม่เค้าเองเค้าก็เลี้ยงลูกผมบ้างช่วงเวลาที่ปู่กับย่ากับบ้านเค้า
(ปกติวันธรรมดาพ่อแม่ผมจะเป็นคนเลี้ยงหลาน เว้นแต่เค้ามีธุระต้องไปหาหมอที่บ้าน ก็จะไปฝากตายายเลี้ยง)
แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้คืน แต่ผมก็ไม่เคยทวง
จนกระทั่งสิ้นปี ภรรยาผม ก็คุยว่าที่บ้านพ่อแม่ธุรกิจยังแย่อยู่เลย
เธอเองก็ไม่มีศักยภาพที่จะช่วย ร้องไห้ เพราะสงสารพ่อกับแม่
ผมเองมองว่าสิ้นปีก็จะได้เงินโบนัสแล้ว
จึงตัดสินใจเปิดบัญชีให้เธอดูว่า ผมเหลือเงินอีกแค่ 1แสน
ซึ่งเป็นก้อนสุดท้ายแล้ว และผมให้พ่อกับแม่ของเธอไป
ชีวิตผม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองวิกฤตทางการเงินขนาดนี้
คือ ไม่มีเงินสดติดตัวเลย
ถ้ามีเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมา คงไม่สามารถหันไปพึ่งพาใครได้
แต่ผมก็ตัดสินใจให้ยืมไป รวมเป็นเงินที่ยืมก็ 2แสนแล้ว
ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับเงินโบนัส
ผมเห็นว่า ราคาทองลงมาอยู่ที่ประมาณ 18,000
ผมจึงตัดสินใจนำเงินโบนัสไปซื้อทองแท่ง 5บาท
เพื่อออมไว้ให้ลูกผม โดยผมนำไปให้ภรรยา และบอกว่า ให้เก็บทองนี้ไว้ให้ลูก
โดยที่ ภรรยาผมก็นำทองไปฝากเก็บไว้ที่พ่อ แม่ของเธอ
และ พ่อแม่ของเธอก็ทราบดีว่านี่คือทองที่ผมซื้อไว้ให้ลูกของผม
แล้วเรื่องก็มาเกิดขึ้นอีก
ภรรยาผมมาบอกผมว่า พ่อของเธอขอยืมทองหมั้นไปจำนำ เพื่อนำเงินมาหมุนก่อน
ผมก็ไม่ได้ว่า อะไร เพราะถือว่าเป็นทองหมั้น ผมให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว
แม้ว่าในตอนแรก พ่อแม่เค้าจะคืนมาเพื่อให้เราไปทำทุนในการเริ่มชีวิตครอบครัว
แต่ผมก็เอะใจ ถามไปว่า เอาไปจำนำแค่ 3 บาทใช่ไหม
แล้วทองกับพระที่พ่อเราให้ยังอยู่หรือเปล่า
ภรรยาผมก็ร้องไห้บอกว่า พ่อเอาไปจำนำทั้งหมด 8 บาทแต่ถอดพระไว้
ผมโกรธมาก บอกกับภรรยาว่า แต่ทองนั้นมีของลูก กับของผมด้วยนะ
ทองของเธอมีแค่ 5บาทเท่านั้น ถ้าจะนับที่พ่อผมให้เธอด้วย ผมก็ไม่ว่า เพราะคิดว่าให้แล้ว
เธอก็ได้แต่ร้องไห้ ผมโกรธมาก แต่ก็พยายามทำใจถือซะว่าเราทำให้พ่อแม่เค้าแล้วกัน
ผมก็เลยถามว่า แล้วทองแท่งอีก 5บาทของลูกล่ะ
เธอบอกว่า พ่อแม่เธอไม่ได้ยุ่ง และทอง 8 บาทก็แค่จำนำ ไม่ได้ขายขาด
พ่อของเธอก็ยังส่งดอกอยู่
ถ้ามีเงินก็จะไปไถ่คืน
ผมเริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ผมไม่มีวันได้ทั้งเงินและทองคืนแน่ๆๆ
รวมเป็นยอดเงิน ก็ประมาณ 3.4แสนบาทแล้ว
แต่สิ่งที่ผมพลาด และคาดไม่ถึงว่า มันจะเกิดคือ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ภรรยาผมร้องไห้มาบอกผมว่า
แม่ของเธอ เอาทองแท่งของลูกผมอีก 5 บาทไปจำนำ
ผมโกรธมาก โกรธจนถึงขั้นเกลียด
เงินของผม ผมให้จนหมด
ทองของผม ที่เป็นสร้อยทอง ก็เอาไปแม้จะบอกขอยืมก็ตาม หรือจเหมาว่าเป็นของหมั้น ผมก็ยังพอจะตัดใจได้
แต่ทองของลูกผม ทองของหลาน อนาคตของหลาน
เค้ายังทำได้ลงคอ ไม่ได้ขอผม
ผมรู้สึกว่า เค้าเป็นขโมย คนที่เอาของของคนอื่นไป
โดยที่เจ้าของไม่อนุญาต คนนั้นก็คือขโมย
ภรรยาผมก็ได้แต่ร้องไห้
ทุกวันนี้ ผมโกรธ ผมเกลียด พ่อแม่ของเธอ ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากพูดคุยด้วย
แต่ผมบอกใครไม่ได้
พูดต่อว่า ภรรยาผม ก็ไม่ได้ของคืนมา ทำให้ครอบครัวมีปัญหาเปล่าๆ
ผมโกรธ เกลียด พ่อแม่เธอ แต่เค้าก็ยังเลี้ยงลูกผมอยู่
ผมผิดเองที่ไว้ใจ มากเกินไป ผมอยากจะถามภรรยาผมเหลือเกิน
ว่าแหวนแต่งงาน พ่อแม่เธอ เอาไปจำนำ เอาไปขายหรือยัง
แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว
ตอนนี้ผมอยากจะขอแค่พระของพ่อผมคืน
ผมควรจะทำอย่างไร ที่ไม่เป็นการหักหาญน้ำใจ ภรรยาผม
เงินที่เค้าเอาของลูกผมไป ผมพยายามจะอโหสิกรรมให้ แม้ตอนนี้ผมจะยังเกลียดอยู่ก็ตาม