สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวพันทิป เรื่องที่จะมารีวิวให้ฟังเป็นเรื่องความประทับใจที่เกิดขึ้นที่ตลาดนัดพระนครเหนือเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเรียกว่าประสบการณ์ใหม่แบบสดๆ ร้อนๆ และมาจากประสบการณ์ตรงของแม่ค้ามือใหม่ ที่เพิ่งออกจากงานมา และคิดจะฝากผีฝากไข้กับการขายของตามตลาดนัดเหมือนกับใครๆ อีกหลายๆ คนที่เพิ่งจะตกงานหรือลาออกมาจากงานในช่วงนี้กันเลยทีเดียว

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่า ดิฉันโชคดีมาก ที่บังเอิญมีเพื่อนดี ก็ลากๆ พาๆ กันไปออกตลาด ซึ่งก็เจอแต่ตลาดนัดที่ดีมาโดยตลอด บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าตลาดนัดที่ดีมันหน้าตายังไง ในความหมายของดิฉัน คือ ตลาดที่มีคนมาเดินดูข้าวของ และ เลือกซื้อสินค้า (หรือจะไม่ซื้อไม่หาก็ไม่ว่ากัน ขอแค่ชะโงกดูของกันนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นกำลังใจก็ยังดี อิอิ) พ่อค้าแม่ค้าที่มาค้าขายต่างพูดจาดีมีน้ำใจไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน และอีกส่วนที่สำคัญจะเป็นเรื่องของผู้ดูแลพื้นที่ซึ่งจะต้องจัดการจัดสรรพื้นที่ กำหนดราคาค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาดิฉันโชคดี เจอแต่ตลาดที่ค่อนข้างจะเป็นธรรม ตรงไปตรงมาไม่มีการหมกเม็ด ฟังดูเริ่ดใช่มั้ยล่ะคร้า... อยากลาออกมาขายของกันรึยังเอ่ย...555

แต่เพราะความที่เป็นผู้ค้ารายใหม่ ตลาดที่ได้ไปออกจึงยังน้อย และต้องมองหาวันและสถานที่ขายของเพิ่ม จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ดิฉันได้รับใบปลิวมา เป็นใบปลิวที่ทำให้ดิฉันตาโต และรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยราคาค่าเช่าที่ค่อนข้างถูก แถมพื้นที่การขายก็อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ทำให้ดิฉันกับเพื่อนตัดสินใจจะมาขายของที่ตลาดนัดแห่งนี้ ถึงขนาดที่คิดจะฝากผีฝากไข้ไว้กับตลาดนัดแห่งนี้กันเลยทีเดียว

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเรามาถึงสถานที่จริง อุแม่เจ้า..... ล็อกพื้นที่มันช่างกว้างขวางเสียจนวางเก้าอี้ 1 ตัวยังแทบจะไม่พอ พ่อค้าแม่ค้าที่นั่งหันหลังจนกันนี่เก้าอี้แทบจะเกยกันไปเลยนะคร้า สองสาวมองหน้ากันเลิกลัก เอาไงกันดีละหว่า??? ในที่สุดเราก็พยายามจัดแผงให้ลงล็อกจนได้ โดยต้องเพิ่มล็อกเป็น 2 ล็อก  ยังค่ะ... ยังไม่หมด เนื่องจากโซนที่ดิฉันได้รับการจัดสรรที่มา เป็นโซนด้านนอกจึงมีเต็นท์สำหรับบังแดด แต่ขอโทษเถอะ ขนาดว่าบังแล้ว ก็ยังร้อนจนตับแทบแตก เท่านั้นไม่พอ นั่งๆ ไป ซักพัก ได้เวลาเหมาะๆ ลมพัดแรงก็จะมีน้ำไหลลงมาจากหลังคาเต็นท์ราวกับน้ำตก ดิฉันกับเพื่อนถึงขนาดต้องคว้ากระป๋องปีนขึ้นไปทำการดันน้ำออกมา จะเรียกว่าทำลายบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติได้มั้ย??

จบจากเรื่องสภาพแวดล้อมแล้ว คราวนี้มาพูดถึงความสามารถในการจัดแผงของผู้จัดกัน บ้าง บอกเลยว่าฝีมือขนาดนี้ มืออาชีพระดับเทพมหัศจรรย์กันเลยทีเดียว เพราสามารถจับเอาแผงของใช้กับเครื่องประดับของสตรี มาอยู่คู่กับกระทะทอดหมี่กรอบได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อแบบสุดๆ ไม่เพียงแค่นั้น ด้านหลังถัดออกไปไม่ไกลคือแผงข้าวขาหมูขนาดใหญ่ เกาะติดสถานการณ์ด้วยแผงแปรงและยาสีฟัน ประหนึ่งว่าหลังจากกินข้าวขาหมูแล้วเกิดติดฟัน จะได้เดินเข้าแผงแปรงพร้อมยาสีฟันได้ทันที (ไม่ใช่ผู้จัดขั้นเทพ คิดไม่ออกนะเนี่ย 55555)

หลังจากจัดแผงกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลานั่งสังเกตการณ์ รอลูกค้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างใจจดจ่อ (รอเปิดบิล อิอิ) ทว่ารอแล้วรอเล่า.... ก็ต้องรอต่อไป จนชักสงสัย เอ๊ะหรือว่านี่มันจะยังเช้าเกินไป!!!! เหตุใดผู้คนจึงห่างหายบางตาขนาดนั้น (ก็ไหนก่อนมาผู้จัดบอกว่าวันนี้เด็กๆ กับผู้ปกครองจะมากันเยอะไงคร้า... เง้อ...) ด้วยความสงสัยจึงพลิกนาฬิกาขึ้นมาดู ขุ่นพระ... นี่มันปาไปสิบเอ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ใกล้เวลาเก็บแผงแล้วสิเนี่ย (ปกติตลาดนัดตอนกลางวันจะเก็บแผงราวๆ บ่ายโมงถึงบ่ายโมงครึ่ง ไม่เกินบ่ายสองโมง) ... ทำไงดีหว่า และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อมีคนเดินมาหยุดที่หน้าร้าน เอาละเว้ย... ได้เปิดบิลแน่แล้ว!!!

ทว่าในความเป็นจริงคือ... มือสวยๆ ได้ยื่นออกมา แต่ไม่ใช่เพื่อเลือกดูสินค้า แต่มาพร้อมกับคำพูดที่ว่า "เก็บค่าแผงคร่า....250 นะคร้า..."

กึก!!!! อารายอ้ะ.... ก็ไหนในใบปลิวบอกว่า 130 ไงคร้า!!!! แง๊....คุณหลอกดาว....

ด้วยความสงสัยเราจึงถามออกไปว่า "ทำไมในใบปลิวบอกว่าแค่ 130 อ่า... "
และคำตอบของนางคือ "อ๋อ... นั่นมันใบเก่า"
...ง่ะ... เก่าตรงไหนฟระ ตรูเพิ่งได้มาเมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง กระดาษและหมึกพิมพ์งี้ยังใหม่กิ๊ก ด้วยความอัดอั้นตันใจเราเลยแซวออกไปว่า "พี่คร้า... เปิดแผงมาตั้งแต่เช้า ยังเปิดบิลขายไม่ได้ซักใบเลยนะคร้า..."
คุณเธอก็ตอบกลับมา "รอเที่ยงก่อนคร่า ใจเย็นๆ 250 บาทคร่า..." เสร็จแล้วนางก็เอาตังค์มาตบๆ แผงเรา แล้วบอกว่า เฮงๆ ขายดีๆ แล้วก็เก็บตังค์ใส่กระเป๋า เดินจากไปส่วนเราที่ควักสตางค์จ่ายไปด้วยความงุนงง ได้แต่มองตามหลังนางแล้วเริ่มทำใจ เพราะหลังจากนั้นเราก็ขายกันได้คนละนิดคนละหน่อย ชนิดที่รวมรายรับกันสองแผงแล้วยังไม่พอจ่ายค่าที่เลยนะคร้า... เหอๆๆๆๆ

ทีเด็ดมันอยู่อีตอนที่เราเก็บแผง มีพี่คนหนึ่งเดินมาถามว่า ทำไมเก็บแผงกันเร็ว แล้วเค้าจะอยู่กับใคร (เพราะทุกคนเก็บของกันหมด) เราก็บอกว่าไปหาขายที่อื่นดีกว่าค่ะพี่ นั่งต่อไปไม่ไหวแระ... เมื่อยด้วย แถมกำลังใจยังหดหายอีกต่างหาก (ระหว่างวันมีลูกค้าเดินมาถามซื้อสินค้าอยู่บ้าง จับๆ แล้วก็วาง บ้างก็ต่อราคาของที่เราเอามาขายเคลียร์ จากราคาเต็ม 600 เราลดเหลือ 390 คุณลูกค้าก็ยังไม่วายต่อให้เหลือ 300 พอบอกว่าขายไม่ได้นางก็วางของแล้วเดินจากไป ทำให้เราหวนคิดถึงบทความแสนสะท้อนใจที่เพิ่งจะอ่านเจอมา คนเราเวลาซื้อของในห้างสรรพสินค้า ไม่เห็นต่อราคากับคนรวยๆ เหล่านั้นซักคำ แต่ทีกับแม่ค้าตลาดนัด หรือแม้แต่ข้างทาง ละต่อกันจัง... ไม่คิดบ้างเลยว่าเรานั่งตากแดด ตัวดำ ร้อนแสนร้อน แบกหาม ยกข้าวของมาตั้งแผง รอคนมาซื้อ ต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างยิ่งยวด กลับไม่นึกเห็นใจเรากันบ้างเลยสักนิด คิดแล้วให้น่าน้อยใจนัก)

กลับมาเรื่องทีเด็ดของเราต่อ ตอนที่พี่ผู้ค้าประจำมาถาม เราก็บอกว่าเราไม่ไหวล่ะ ไปหาขายที่อื่นดีกว่า กับที่นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว มันคงไม่ใช่ที่ๆ เราจะมาขายได้จริงๆ แต่ที่เราเคืองคือ ในใบปลิวบอกราคาค่าแผง 130 บาท แล้วทำไมตอนมาเก็บจึงถึงขึ้นเป็น 250 บาท (ทุกคนที่มาตั้งแผงต่างทำตาปลิบๆ แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องจ่าย ทำไงได้ มันที่ของเขานี่เนอะ!) พี่เขาบอกว่า  ปีที่แล้วเขาก็ได้เคยท้วงไปหลายหนแล้ว ว่าทำไมไปหลอกผู้ค้าแบบนั้น ทำไมไม่บอกความจริง ทำไมไม่แก้ไขเอกสารเสีย คนมาขายของเขาจะได้รู้แต่เนิ่นๆ ว่าต้องเสียค่าแผงเท่าไหร่ จะได้เตรียมใจถูก แต่นางก็ทำเฉย และปล่อยมาเป็นปีๆ ตรงนี้แหละที่เราฉุนขาด เพราะนอกจากเรา ยังมีอีกหลายๆ คนที่โดนแบบเดียวกันกับเรา ลองคิดดูว่าถ้าเป็นคนที่ไม่มีเงิน หรือเตรียมค่าแผงมาพอดี แล้วระหว่างวันก็ขายไม่ได้ เค้าจะทำยังไงกัน

หลังจากเก็บของเราก็ปรึกษากับเพื่อน และตัดสินใจกันว่า เราจะต้องมาเล่า มาบอกสิ่งที่เราเจอกมา ให้กับคนที่คิดจะไปออกนัดที่ตลาดนี้เหมือนกับเรา ให้ได้รับรู้ถึงข้อมูลที่แท้จริง และคิดทบทวนดีๆ ก่อนจะไปออก

ออกจะยาวนิดหนึ่งนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ ขอเรียนอีกครั้งว่าเราไม่ได้ต้องการจะแฉใคร แค่อยากให้ข้อมูลก่อนการตัดสินใจกับเพื่อนๆ ที่กำลังหาหนทางทำมากินบนทางสุจริตอย่างตั้งใจ จะได้ไม่ต้องมาเสียกำลังใจ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ แค่นั้นจริงๆ

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ท่านใดเคยได้รับใบปลิวแบบนี้มาแล้วตัดสินใจไปออกตลาดเพราะราคาค่าแผงถูก เหมือนอย่างเรากันบ้างหรือเปล่า????

ราคาใน brochure คือ 130 บาท แต่ที่เก็บจริงๆ คือ 250 บาท โดยได้รับการชี้แจงมาว่า 200 คือเค่าเช่าแผง แต่เนื่องจากทางมหาลัยมีกิจกรรมรับรายงานตัวนักศึกษาใหม่ จึง0ต้องใช้พื้นที่ ทางผู้จัดจึงจัดพื้นที่ใหม่ โดยการเอาเต๊นท์มากาง แล้วเก็บค่าเช่าแผงเพิ่มอีก 50 บาท รวมเงินที่ต้องจ่ายคือ 250 บาทค่ะ
ถ้ามี อย่าลืมมาแชร์ มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ....