รายได้จาก casino ของสิงคโปร์ และ รวมของทั่วโลก
เรียนรู้ประสบการณ์การเปิดคาสิโนของสิงคโปร์
โดย ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีทรัพยากรจำกัด รัฐบาลเห็นว่า รายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นรายได้สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงตัดสินใจเปิดบ่อนการพนันภายใต้โครงการคาสิโนรีสอร์ท (Casinos Integrated Resort : IRs) ขึ้นในปี 2005 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท
ในช่วงก่อสร้าง รัฐบาลสิงคโปร์ดำเนินกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และในช่วงปี 2009-2010 ได้อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายสองแห่ง คือ เซนโทซ่า (Sentosa) และมารีนาเบย์ (Marina Bay) โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
มองในแง่ผลประโยชน์ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 35,000 อัตรา มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี และผลอันเกิดจากการทำงานของตัวทวีคูณ (Multiplier effect) จะทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆขยายตัวตามไปด้วย เช่น โรงแรม สายการบิน ค้าปลีก ห้องพัก และเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมเหล่านี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3-1.3 ต่อปี
มองในแง่ผลกระทบ การเปิดบ่อนการพนันอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆทางสังคม ได้แก่ ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ปัญหาการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลในแง่ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาลและรัฐสภาต่อทิศทางในการกำหนดเกมการพนันของประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาพลวงตาของโครงการ IRs รวมทั้งการกำหนดแนวทางในการนำเงินที่ได้จากธุรกิจการพนันไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรเพื่อให้สังคมได้ประโยชน์สูงสุด เช่นด้านการศึกษาและสาธารณสุขรวมถึงการรณรงค์เพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจการพนัน
ข้อกังวลอีกประการหนึ่งสำหรับการเปิดบ่อนการพนันในสิงคโปร์คือ ปัญหาการเสพติดการพนันของชาวสิงคโปร์เอง ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมา ได้แก่ ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักถึงผลกระทบทางสังคม จึงได้ถอดบทเรียนและประสบการณ์ของเมืองหรือประเทศที่ได้มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายมาเป็นกรณีตัวอย่าง เช่น เมืองแอตแลนติกซิตี้ บาฮามาส และเมืองเวเนเซีย ลาสเวกัสในรัฐเนวาดา
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกมาตรการทางสังคม กฎระเบียบในการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์และคนที่มีถิ่นพำนักอยู่ถาวรในสิงคโปร์จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 24 ชั่วโมง และ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ส่วนชาวต่างชาติสามารถเข้าได้ฟรี ทั้งนี้ผู้เข้าไปเล่นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป การเข้าไปใช้บริการในแต่ละครั้งจะต้องแสดงหลักฐานตัวตนอย่างชัดเจน เช่น บัตรประชาชนใบขับขี่ ส่วนชาวต่างชาติก็แสดงหลักฐาน เช่น หนังสือเดินทาง เป็นต้น
Pricewaterhouse Coopers LLP และ Wilkofsky Gruen Associates (2011) ประเมินว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตในธุรกิจนี้รวดเร็วมาก ในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดบ่อนคาสิโน สิงคโปร์มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 8.2 มูลค่า 2,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองจากมาเก๊าและออสเตรเลียเท่านั้น สูงกว่าตลาดเก่าที่เปิดให้บริการอยู่แล้วทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และเวียดนาม ในช่วงปี 2011-2015 ตลาดสิงคโปร์มีแนวโน้มเติบโตสูงมาก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 20.5 ต่อปี กลายเป็นตลาดใหญ่อันดับสองทั้งในแง่มูลค่าและอัตราการเติบโต เป็นรองเพียงมาเก๊าที่เดียวเท่านั้น โดยในปี 2015 มีมูลค่าสูงถึง 7,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า การพนันโดยรวมของคนสิงคโปร์ลดลง แต่ผลการสำรวจสะท้อนว่า ประชาชนที่มีรายได้ต่ำทุ่มเงินไปกับการพนันมากขึ้น วางเดิมพันก้อนใหญ่ขึ้น นักพนันหน้าเดิมเล่นพนันบ่อยขึ้น และมีคนขอคำปรึกษาเกี่ยวเนื่องกับปัญหาการพนันมากขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการห้ามผู้ล้มละลายหรือผู้ที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐเข้าคาสิโน เพิ่มโทษทางวินัยแก่ผู้ดำเนินงานคาสิโนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงจำกัดสินเชื่อสำหรับนักพนัน และกำลังพิจารณามาตรการอื่นๆเพิ่มเติมจากกฎที่เคยห้ามคาสิโนโฆษณาพุ่งเป้าไปที่คนท้องถิ่น และจำกัดหน้าม้าที่หานักพนันกระเป๋าหนักเข้าคาสิโน
ชาวจีนลูกค้ารายใหญ่
ถ้ามองแค่ในเชิงเศรษฐกิจ ( แค่อ้างอิง )
ตัวเลขที่กล่าวข้างบนเป็นเพียงรายได้ที่ casino หลักๆในย่านนี้
ไม่นับตัวตัวเลขอีกมหาศาลที่คนไทยเสียให้กับตามชายแดน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา
ในความเป็นจริง ประเทศเรายอมรับอะไรบ้างที่เกิดในบ้างเมืองนี้
การพนัน หวย การค้าประเวณี มาเฟีย รีดไถตามถนน สิ่งพวกนี้ไม่ได้ไกลเราตัวเลย
คนที่มันไม่เล่นพนันมันก็ไม่เล่น คนที่มันเล่นมันก็ดิ้นรนอยู่ดีที่จะเล่น
จะเพิ่มความอยากไหม ถ้าไม่ตั้งแบบ 7/11 คงไม่เป็นปัญหา เพราะทุกวันนี้ online เพียบ
การควบคุมให้อยู่ใน zone เศรษฐกิจ พิเศษ พวกจังหวัดแล้งซ้ำซาก เมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก
ดึงรายได้จาก casino รายล้อมเรากลับมาให้เป็นภาษีที่พัฒนาสังคมบ้างดีกว่าให้เพื่อนบ้านเอาไปหมด
นี่เป็นเพียงมุมมองของ จขกท ที่เดินทางไปที่ต่างๆและก็เล่นเป็นการ entertain เท่านั้นครับ
ยินดีรับฟังปัญหา มุมมองจากสมาชิกทุกท่านครับ
💰💰💰คาสิโน เมืองไทยพร้อมหรือไม่ รายได้เข้าระบบ กับปัญหาสังคม(มีตัวเลขรายได้ casinoประกอบ)💰💰💰
เรียนรู้ประสบการณ์การเปิดคาสิโนของสิงคโปร์
โดย ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีทรัพยากรจำกัด รัฐบาลเห็นว่า รายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นรายได้สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงตัดสินใจเปิดบ่อนการพนันภายใต้โครงการคาสิโนรีสอร์ท (Casinos Integrated Resort : IRs) ขึ้นในปี 2005 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท
ในช่วงก่อสร้าง รัฐบาลสิงคโปร์ดำเนินกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และในช่วงปี 2009-2010 ได้อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายสองแห่ง คือ เซนโทซ่า (Sentosa) และมารีนาเบย์ (Marina Bay) โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
มองในแง่ผลประโยชน์ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 35,000 อัตรา มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี และผลอันเกิดจากการทำงานของตัวทวีคูณ (Multiplier effect) จะทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆขยายตัวตามไปด้วย เช่น โรงแรม สายการบิน ค้าปลีก ห้องพัก และเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมเหล่านี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3-1.3 ต่อปี
มองในแง่ผลกระทบ การเปิดบ่อนการพนันอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆทางสังคม ได้แก่ ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ปัญหาการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลในแง่ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาลและรัฐสภาต่อทิศทางในการกำหนดเกมการพนันของประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาพลวงตาของโครงการ IRs รวมทั้งการกำหนดแนวทางในการนำเงินที่ได้จากธุรกิจการพนันไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรเพื่อให้สังคมได้ประโยชน์สูงสุด เช่นด้านการศึกษาและสาธารณสุขรวมถึงการรณรงค์เพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจการพนัน
ข้อกังวลอีกประการหนึ่งสำหรับการเปิดบ่อนการพนันในสิงคโปร์คือ ปัญหาการเสพติดการพนันของชาวสิงคโปร์เอง ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมา ได้แก่ ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักถึงผลกระทบทางสังคม จึงได้ถอดบทเรียนและประสบการณ์ของเมืองหรือประเทศที่ได้มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายมาเป็นกรณีตัวอย่าง เช่น เมืองแอตแลนติกซิตี้ บาฮามาส และเมืองเวเนเซีย ลาสเวกัสในรัฐเนวาดา
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกมาตรการทางสังคม กฎระเบียบในการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์และคนที่มีถิ่นพำนักอยู่ถาวรในสิงคโปร์จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 24 ชั่วโมง และ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ส่วนชาวต่างชาติสามารถเข้าได้ฟรี ทั้งนี้ผู้เข้าไปเล่นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป การเข้าไปใช้บริการในแต่ละครั้งจะต้องแสดงหลักฐานตัวตนอย่างชัดเจน เช่น บัตรประชาชนใบขับขี่ ส่วนชาวต่างชาติก็แสดงหลักฐาน เช่น หนังสือเดินทาง เป็นต้น
Pricewaterhouse Coopers LLP และ Wilkofsky Gruen Associates (2011) ประเมินว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตในธุรกิจนี้รวดเร็วมาก ในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดบ่อนคาสิโน สิงคโปร์มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 8.2 มูลค่า 2,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองจากมาเก๊าและออสเตรเลียเท่านั้น สูงกว่าตลาดเก่าที่เปิดให้บริการอยู่แล้วทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และเวียดนาม ในช่วงปี 2011-2015 ตลาดสิงคโปร์มีแนวโน้มเติบโตสูงมาก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 20.5 ต่อปี กลายเป็นตลาดใหญ่อันดับสองทั้งในแง่มูลค่าและอัตราการเติบโต เป็นรองเพียงมาเก๊าที่เดียวเท่านั้น โดยในปี 2015 มีมูลค่าสูงถึง 7,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า การพนันโดยรวมของคนสิงคโปร์ลดลง แต่ผลการสำรวจสะท้อนว่า ประชาชนที่มีรายได้ต่ำทุ่มเงินไปกับการพนันมากขึ้น วางเดิมพันก้อนใหญ่ขึ้น นักพนันหน้าเดิมเล่นพนันบ่อยขึ้น และมีคนขอคำปรึกษาเกี่ยวเนื่องกับปัญหาการพนันมากขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการห้ามผู้ล้มละลายหรือผู้ที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐเข้าคาสิโน เพิ่มโทษทางวินัยแก่ผู้ดำเนินงานคาสิโนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงจำกัดสินเชื่อสำหรับนักพนัน และกำลังพิจารณามาตรการอื่นๆเพิ่มเติมจากกฎที่เคยห้ามคาสิโนโฆษณาพุ่งเป้าไปที่คนท้องถิ่น และจำกัดหน้าม้าที่หานักพนันกระเป๋าหนักเข้าคาสิโน
ถ้ามองแค่ในเชิงเศรษฐกิจ ( แค่อ้างอิง )
ตัวเลขที่กล่าวข้างบนเป็นเพียงรายได้ที่ casino หลักๆในย่านนี้
ไม่นับตัวตัวเลขอีกมหาศาลที่คนไทยเสียให้กับตามชายแดน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา
ในความเป็นจริง ประเทศเรายอมรับอะไรบ้างที่เกิดในบ้างเมืองนี้
การพนัน หวย การค้าประเวณี มาเฟีย รีดไถตามถนน สิ่งพวกนี้ไม่ได้ไกลเราตัวเลย
คนที่มันไม่เล่นพนันมันก็ไม่เล่น คนที่มันเล่นมันก็ดิ้นรนอยู่ดีที่จะเล่น
จะเพิ่มความอยากไหม ถ้าไม่ตั้งแบบ 7/11 คงไม่เป็นปัญหา เพราะทุกวันนี้ online เพียบ
การควบคุมให้อยู่ใน zone เศรษฐกิจ พิเศษ พวกจังหวัดแล้งซ้ำซาก เมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก
ดึงรายได้จาก casino รายล้อมเรากลับมาให้เป็นภาษีที่พัฒนาสังคมบ้างดีกว่าให้เพื่อนบ้านเอาไปหมด
นี่เป็นเพียงมุมมองของ จขกท ที่เดินทางไปที่ต่างๆและก็เล่นเป็นการ entertain เท่านั้นครับ
ยินดีรับฟังปัญหา มุมมองจากสมาชิกทุกท่านครับ