เนื่องจาก ตัวกระผม ได้รับข้อมูลเก่าๆ จากทาง pantip มากมาย เพื่อรุ่นถัดไปที่มีความตั้งใจที่จะสอบ เลยอยากแชร์ข้อมูลเป็นข้อมูลพื้นฐาน ให้แก่ผู้สนใจครับ หรือมีท่านอื่นมีประสบการณ์ยังไง ก็แชร์กันได้ครับ ถือว่าเป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจในปีถัดๆไปฮะ
…บันทึกข้อความ เท่าที่จำได้ การสอบทุนรัฐบาลไทย…
บทความนี้ถูกเขียนขึ้น เพื่อจะได้ให้ข้อมูลแก่บุคคลที่มีความตั้งใจจะสอบทุนรัฐบาล ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ข้อมูลควรจะใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ขึ้นอยู่กับผู้จัดสอบ โดยถ้ามีการนำไปคัดลอก ควรจะให้เครดิตผู้เขียนด้วย
แบ่งเป็น 3 part ใหญ่ๆ
1.สอบข้อเขียน
2.ทุน กพ
3.ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์
สอบข้อเขียน
จะแบ่งเป็น2 part 1.ภาษาอังกฤษ 2.ความรู้ความสามารถทั่วไป
ซึ่งรูปแบบลักษณะจะเหมือนการสอบเป็นข้าราชการ ภาค ก แต่มีความยากมากกว่า
ในส่วนภาษาอังกฤษ จะเหมือนกับ TOEFL และ TU-GET ความยากระดับนั้น สิ่งยากกว่า TOEIC แต่เอาเข้าจริงไม่เหมือนกัน แนะนำให้เตรียมตัวโดยใช้ข้อสอบ TOEFL และ TU-GET เป็นตัวอ้างอิง มีทั้ง reading และ multiple choice
โดยในส่วนนี้ จะสอบตอนเช้า
หลังจากพักกินข้าวเที่ยง
ตอนบ่ายจะเป็นการสอบความรู้ความสามารถทั่วไป เท่าที่ได้อ่านมาและดูคนอื่น เขาจะแนะนำให้ใช้คู่มือสอบภาค ก มาลองทำ ซึ่งเขาบอกว่าเหมือนกัน โดยส่วนตัว ไม่ได้เตรียมตัวpartนี้เลย เพราะคิดว่าไม่ยาก แต่เอาจริง ยากมาก โดยเฉพาะอนุกรม แถมส่วนใหญ่ทำกันไม่ทันด้วย แนะนำว่า ถ้าติดอนุกรม ให้รีบข้ามเลย เก็บข้อหลังๆก่อน เพราะตอนหลัง อ่านล้วนๆเยอะมาก
ทุน กพ (ทุนไทยพัฒน์ฯ)
หลังจากได้ประกาศเป็นผู้เข้าสัมภาษณ์(ผ่านรอบแรก) ถ้าเป็นส่วนทุน กพ หรือ ทุนไทยพัฒน์ จะมีการแบ่ง กิจกรรมที่ต้องทำออกมาเป็น 2 วัน 1.วันทำกิจกรรม 2.วันสัมภาษณ์
วันทำกิจกรรม
วันนี้มีกิจกรรมให้ทำ 5 กิจกรรมด้วยกัน โดยอาจจะแตกต่างไปแต่ละปี
แต่ก่อนทำกิจกรรม จะมีกิจกรรมบรรยายโดยนักเรียนทุนที่ได้กลับมาเป็นราชการแล้ว
แนะนำให้ฟังและจด อย่างน้อยก็จะได้ไอเดียว่า ข้าราชการตอนนี้เป็นยังไง ใช่ภาพที่เราคิดรึเปล่า แต่บอกตรงๆว่าฟังแล้วมีได้แรงบัลดาลใจ (คิดเหมือนตัวเราหลายข้อเหมือนกันฮ่าๆ) แนะนำให้จด แล้วอ่านก่อนสัมภาษณ์ เพื่อคณะกรรมการจะถาม หลังจากนั้นจะพักเบรก ขนมอร่อย เป็นโตเกียว import จากญี่ปุ่น หลังจากทานเสร็จ ก็จะเริ่มทำกิจกรรม
กิจกรรมแรก เป็น แบบทดสอบตอบคำถาม สถานการณ์ ประมาณ40ข้อ ก็ตอบตามที่คิด 30นาที
กิจกรรมที่2 เป็นแบบทดสอบทางEQ แล้วก็นำมาพลอตกราฟ. 20 นาที
กิจกรรมแลดูชิวมาก แต่เอาเข้าจริง ของหนักอยู่ภาคบ่าย พักกินข้าว มีให้เลือกหลากหลาย กินข้าวไก่แซ่บ อร่อยๆ
กิจกรรมที่3 เริ่มด้วย การเขียน essay มีบทความให้อ่าน แล้วก็สรุปประเด็น คล้าย TOEFL writing task I แต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว เป็นเรื่อง social network (ปีที่แล้วเป็นเรื่อง เพศกับการศึกษา) 40นาที
กิจกรรมที่4 บทความภาษาไทย เรื่องจิตสาธรานะ (ปีที่แล้ว กิจกรรมเพื่อสังคมที่ภาคภูมิใจ) 40นาที
กิจกรรมที่5 เขียนตอบคำถามสัมภาษณ์ มันเป็นคำถามสัมภาษณ์จริงๆ แบบ เหตุใดจึงอยากไปศึกษาต่อด้านนี้ มีสาขาที่ต้องการศึกษาอีกมั้ย สิ่งเสียใจที่สุด บลาๆ เยอะมาก (ปีที่แล้ว เป็นทดสอบบุคลิคภาพ) 20นาที
ตอนบ่ายเขียนจนมือเมื่อยเลยทีเดียว
วันสัมภาษณ์
ประกอบด้วยกัน 2 กิจกรรม
1.discussion นำผู้สมัครที่ต้องสัมภาษณ์หน่วยทุนเดียวกับเรา หรือ สังกัดเดียวกัน มานั่ง discussionกัน โดยกรรมการจะมีโจทย์ให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วย ว่าจะถามอะไร รูปแบบขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ส่วนมาก เป็นไทยครึ่ง อังกฤษครึ่ง แนะนำว่าไม่ควรตัดโอกาสพูดคนอื่น ควรช่วยกันและทำให้การพูดลื่นไหล จะดีกว่า (มีเพื่อนโดนพูดแทรก ตัดประเด็นไปเรื่องอื่น แย่งกันพูด แย่มากเอาจริงๆ)
2.interview มีคณะกรรมการ 5 ท่าน ผู้แทน กพ นักจิตวิทยา อาจารย์สาขาที่เราไปเรียน อาจารย์ภาษาอังกฤษ ผู้แทนจากหน่วย ผู้แทน กพ เหมือนเป็นพิธีกร จะไม่ค่อยถามไรเรา นอกจากให้แนะนำตัว นักจิตวิทยา จะถามคำถาม เชิงจิตวิทยา ดีใจ เสียใจที่สุด บลาๆ อาจารย์สาขาที่เรียน จะดูพื้นฐานสาขาที่เราเรียนมา สอดคล้องไหม ไปเรียนอะไร ที่ไหน ยังไง โปรเจคหรือทีสิสจบ เป็นแนวเชิงวิชาการ อาจารย์อังกฤษ จะเป็นคน speak English ต้องตอบทุกอย่างเป็น English คำถาม ก็แล้วแต่เลย อาจจะถามลึกเกี่ยวกับนโยบายของกรม หรืออาจจะถามง่ายๆเกี่ยวกับจุดอ่อน ต้องค่อนข้างfluent ถึงจะทำได้ดี ส่วนผู้แทนหน่วย จะถามเกี่ยวกับ การนำความรู้ที่ได้เรียนมาทำอะไร อยากทำอะไร เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัด ทัศนะคติต่อการรับราชการ
ทุนกระทรวงวิทย์
หลังจากได้รับประกาศชื่อ กระทรวงวิทย์จะนัดวันเวลาวันเดียวในการสัมภาษณ์
โดยมีสองกิจกรรมหลัก 1.ทำข้อเขียน 2.สัมภาษณ์
1.ทำข้อเขียน ให้เวลา1ชั่วโมง มีกระดาษให้เขียน 8 หน้า โดยส่วนแรกจะเป็นเหมือนการทำresume เขียนรายวิชาที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อสาขาที่ไปเรียนต่อ กิจกรรมที่เคยได้ทำผ่านมา ประสบการณ์ทำงาน Thesis หรือ project ที่ได้ทำผ่านมา ผลงานทางวิชาการ เหตุผลที่สมควรได้รับทุน ข้อพิเศษ ปีนี้เป็นเรื่อง STEM STEMA (ปีที่แล้ว การพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นจาก ประเทศรายได้ต่ำ) ส่วนใหญ่เขียนไม่ทัน แนะนำให้ทำส่วนข้อมูลตัวเองให้ดี ข้อสุดท้ายสามารถไปอธิบายตอนสัมภาษณ์ได้
2.การสัมภาษณ์ มีคณะกรรมการ 4 ท่าน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์ในสาขาที่เราเรียน และจะมีผู้แทน1คนที่มาจากต้นสังกัด ซึ่งจะเป็นคนถามเราเยอะที่สุด ถ้าเจอผู้แทนที่โหดหน่อย ก็จะเหนื่อยหน่อย บางคนใจดี ก็สบายๆกันเอง คำถามส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับ หลักสูตรที่ไปเรียน ความตั้งใจที่จะไปเรียน การสอน(ถ้ากลับมาเป็นอาจารย์) งานวิจัย(ถ้ากลับมาเป็นนักวิจัย) ที่เรียนที่อยากไป เพราะอะไร อธิบายกับสิ่งที่ได้เขียนลงไป ประวัติส่วนตัว กิจกรรม หรืออาจจะมี surprise ให้บทความมาอ่าน สรุปให้ฟังหน่อย ประยุกต์กับวิชาที่ไปเรียนอย่างไร งานอดิเรก บลาๆ เน้นวิชาการพอสมควร
สุดท้าย บทความนี้ จะเป็นการเกริ่นคร่าวๆ ว่าทำอะไรบ้าง แต่จะไม่ลงลึกว่า ทำอย่างไร เพื่อเป็นการเตรียมตัว สำหรับคนที่มีความตั้งใจจริงๆ แต่อยากฝากไว้อย่างนึง คือ อย่าคิดว่าทำอย่างไรจะได้ทุนอย่างเดียว จะเอาอย่างเดียว แต่ควรคิดด้วยว่า หลังจากที่ได้เรียนเสร็จ เราได้ทำอะไรให้แก่ต้นสังกัด และประเทศชาติ ได้บ้าง เพราะมันทุนที่ต้องมีการชดใช้ และระยะเวลาชดใช้ก็ไม่ใช่น้อย ควรจะมีความตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่สั่งแต่ว่า อยากไปเรียน เมืองนอกอย่างเดียว สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนเสียมากกว่าได้ด้วยซ้ำสำหรับบางคน
ขอบคุณครับ
นายดาฝันว่าดื่มลาเต้ร้อน
รีวิว การสอบทุนรัฐบาลไทย 2558
…บันทึกข้อความ เท่าที่จำได้ การสอบทุนรัฐบาลไทย…
บทความนี้ถูกเขียนขึ้น เพื่อจะได้ให้ข้อมูลแก่บุคคลที่มีความตั้งใจจะสอบทุนรัฐบาล ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ข้อมูลควรจะใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ขึ้นอยู่กับผู้จัดสอบ โดยถ้ามีการนำไปคัดลอก ควรจะให้เครดิตผู้เขียนด้วย
แบ่งเป็น 3 part ใหญ่ๆ
1.สอบข้อเขียน
2.ทุน กพ
3.ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์
สอบข้อเขียน
จะแบ่งเป็น2 part 1.ภาษาอังกฤษ 2.ความรู้ความสามารถทั่วไป
ซึ่งรูปแบบลักษณะจะเหมือนการสอบเป็นข้าราชการ ภาค ก แต่มีความยากมากกว่า
ในส่วนภาษาอังกฤษ จะเหมือนกับ TOEFL และ TU-GET ความยากระดับนั้น สิ่งยากกว่า TOEIC แต่เอาเข้าจริงไม่เหมือนกัน แนะนำให้เตรียมตัวโดยใช้ข้อสอบ TOEFL และ TU-GET เป็นตัวอ้างอิง มีทั้ง reading และ multiple choice
โดยในส่วนนี้ จะสอบตอนเช้า
หลังจากพักกินข้าวเที่ยง
ตอนบ่ายจะเป็นการสอบความรู้ความสามารถทั่วไป เท่าที่ได้อ่านมาและดูคนอื่น เขาจะแนะนำให้ใช้คู่มือสอบภาค ก มาลองทำ ซึ่งเขาบอกว่าเหมือนกัน โดยส่วนตัว ไม่ได้เตรียมตัวpartนี้เลย เพราะคิดว่าไม่ยาก แต่เอาจริง ยากมาก โดยเฉพาะอนุกรม แถมส่วนใหญ่ทำกันไม่ทันด้วย แนะนำว่า ถ้าติดอนุกรม ให้รีบข้ามเลย เก็บข้อหลังๆก่อน เพราะตอนหลัง อ่านล้วนๆเยอะมาก
ทุน กพ (ทุนไทยพัฒน์ฯ)
หลังจากได้ประกาศเป็นผู้เข้าสัมภาษณ์(ผ่านรอบแรก) ถ้าเป็นส่วนทุน กพ หรือ ทุนไทยพัฒน์ จะมีการแบ่ง กิจกรรมที่ต้องทำออกมาเป็น 2 วัน 1.วันทำกิจกรรม 2.วันสัมภาษณ์
วันทำกิจกรรม
วันนี้มีกิจกรรมให้ทำ 5 กิจกรรมด้วยกัน โดยอาจจะแตกต่างไปแต่ละปี
แต่ก่อนทำกิจกรรม จะมีกิจกรรมบรรยายโดยนักเรียนทุนที่ได้กลับมาเป็นราชการแล้ว
แนะนำให้ฟังและจด อย่างน้อยก็จะได้ไอเดียว่า ข้าราชการตอนนี้เป็นยังไง ใช่ภาพที่เราคิดรึเปล่า แต่บอกตรงๆว่าฟังแล้วมีได้แรงบัลดาลใจ (คิดเหมือนตัวเราหลายข้อเหมือนกันฮ่าๆ) แนะนำให้จด แล้วอ่านก่อนสัมภาษณ์ เพื่อคณะกรรมการจะถาม หลังจากนั้นจะพักเบรก ขนมอร่อย เป็นโตเกียว import จากญี่ปุ่น หลังจากทานเสร็จ ก็จะเริ่มทำกิจกรรม
กิจกรรมแรก เป็น แบบทดสอบตอบคำถาม สถานการณ์ ประมาณ40ข้อ ก็ตอบตามที่คิด 30นาที
กิจกรรมที่2 เป็นแบบทดสอบทางEQ แล้วก็นำมาพลอตกราฟ. 20 นาที
กิจกรรมแลดูชิวมาก แต่เอาเข้าจริง ของหนักอยู่ภาคบ่าย พักกินข้าว มีให้เลือกหลากหลาย กินข้าวไก่แซ่บ อร่อยๆ
กิจกรรมที่3 เริ่มด้วย การเขียน essay มีบทความให้อ่าน แล้วก็สรุปประเด็น คล้าย TOEFL writing task I แต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว เป็นเรื่อง social network (ปีที่แล้วเป็นเรื่อง เพศกับการศึกษา) 40นาที
กิจกรรมที่4 บทความภาษาไทย เรื่องจิตสาธรานะ (ปีที่แล้ว กิจกรรมเพื่อสังคมที่ภาคภูมิใจ) 40นาที
กิจกรรมที่5 เขียนตอบคำถามสัมภาษณ์ มันเป็นคำถามสัมภาษณ์จริงๆ แบบ เหตุใดจึงอยากไปศึกษาต่อด้านนี้ มีสาขาที่ต้องการศึกษาอีกมั้ย สิ่งเสียใจที่สุด บลาๆ เยอะมาก (ปีที่แล้ว เป็นทดสอบบุคลิคภาพ) 20นาที
ตอนบ่ายเขียนจนมือเมื่อยเลยทีเดียว
วันสัมภาษณ์
ประกอบด้วยกัน 2 กิจกรรม
1.discussion นำผู้สมัครที่ต้องสัมภาษณ์หน่วยทุนเดียวกับเรา หรือ สังกัดเดียวกัน มานั่ง discussionกัน โดยกรรมการจะมีโจทย์ให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วย ว่าจะถามอะไร รูปแบบขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ส่วนมาก เป็นไทยครึ่ง อังกฤษครึ่ง แนะนำว่าไม่ควรตัดโอกาสพูดคนอื่น ควรช่วยกันและทำให้การพูดลื่นไหล จะดีกว่า (มีเพื่อนโดนพูดแทรก ตัดประเด็นไปเรื่องอื่น แย่งกันพูด แย่มากเอาจริงๆ)
2.interview มีคณะกรรมการ 5 ท่าน ผู้แทน กพ นักจิตวิทยา อาจารย์สาขาที่เราไปเรียน อาจารย์ภาษาอังกฤษ ผู้แทนจากหน่วย ผู้แทน กพ เหมือนเป็นพิธีกร จะไม่ค่อยถามไรเรา นอกจากให้แนะนำตัว นักจิตวิทยา จะถามคำถาม เชิงจิตวิทยา ดีใจ เสียใจที่สุด บลาๆ อาจารย์สาขาที่เรียน จะดูพื้นฐานสาขาที่เราเรียนมา สอดคล้องไหม ไปเรียนอะไร ที่ไหน ยังไง โปรเจคหรือทีสิสจบ เป็นแนวเชิงวิชาการ อาจารย์อังกฤษ จะเป็นคน speak English ต้องตอบทุกอย่างเป็น English คำถาม ก็แล้วแต่เลย อาจจะถามลึกเกี่ยวกับนโยบายของกรม หรืออาจจะถามง่ายๆเกี่ยวกับจุดอ่อน ต้องค่อนข้างfluent ถึงจะทำได้ดี ส่วนผู้แทนหน่วย จะถามเกี่ยวกับ การนำความรู้ที่ได้เรียนมาทำอะไร อยากทำอะไร เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัด ทัศนะคติต่อการรับราชการ
ทุนกระทรวงวิทย์
หลังจากได้รับประกาศชื่อ กระทรวงวิทย์จะนัดวันเวลาวันเดียวในการสัมภาษณ์
โดยมีสองกิจกรรมหลัก 1.ทำข้อเขียน 2.สัมภาษณ์
1.ทำข้อเขียน ให้เวลา1ชั่วโมง มีกระดาษให้เขียน 8 หน้า โดยส่วนแรกจะเป็นเหมือนการทำresume เขียนรายวิชาที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อสาขาที่ไปเรียนต่อ กิจกรรมที่เคยได้ทำผ่านมา ประสบการณ์ทำงาน Thesis หรือ project ที่ได้ทำผ่านมา ผลงานทางวิชาการ เหตุผลที่สมควรได้รับทุน ข้อพิเศษ ปีนี้เป็นเรื่อง STEM STEMA (ปีที่แล้ว การพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นจาก ประเทศรายได้ต่ำ) ส่วนใหญ่เขียนไม่ทัน แนะนำให้ทำส่วนข้อมูลตัวเองให้ดี ข้อสุดท้ายสามารถไปอธิบายตอนสัมภาษณ์ได้
2.การสัมภาษณ์ มีคณะกรรมการ 4 ท่าน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์ในสาขาที่เราเรียน และจะมีผู้แทน1คนที่มาจากต้นสังกัด ซึ่งจะเป็นคนถามเราเยอะที่สุด ถ้าเจอผู้แทนที่โหดหน่อย ก็จะเหนื่อยหน่อย บางคนใจดี ก็สบายๆกันเอง คำถามส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับ หลักสูตรที่ไปเรียน ความตั้งใจที่จะไปเรียน การสอน(ถ้ากลับมาเป็นอาจารย์) งานวิจัย(ถ้ากลับมาเป็นนักวิจัย) ที่เรียนที่อยากไป เพราะอะไร อธิบายกับสิ่งที่ได้เขียนลงไป ประวัติส่วนตัว กิจกรรม หรืออาจจะมี surprise ให้บทความมาอ่าน สรุปให้ฟังหน่อย ประยุกต์กับวิชาที่ไปเรียนอย่างไร งานอดิเรก บลาๆ เน้นวิชาการพอสมควร
สุดท้าย บทความนี้ จะเป็นการเกริ่นคร่าวๆ ว่าทำอะไรบ้าง แต่จะไม่ลงลึกว่า ทำอย่างไร เพื่อเป็นการเตรียมตัว สำหรับคนที่มีความตั้งใจจริงๆ แต่อยากฝากไว้อย่างนึง คือ อย่าคิดว่าทำอย่างไรจะได้ทุนอย่างเดียว จะเอาอย่างเดียว แต่ควรคิดด้วยว่า หลังจากที่ได้เรียนเสร็จ เราได้ทำอะไรให้แก่ต้นสังกัด และประเทศชาติ ได้บ้าง เพราะมันทุนที่ต้องมีการชดใช้ และระยะเวลาชดใช้ก็ไม่ใช่น้อย ควรจะมีความตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่สั่งแต่ว่า อยากไปเรียน เมืองนอกอย่างเดียว สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนเสียมากกว่าได้ด้วยซ้ำสำหรับบางคน
ขอบคุณครับ
นายดาฝันว่าดื่มลาเต้ร้อน