เมื่อแม่ตาย

กระทู้สนทนา
แม่ตายเพราะอุบัติเหตุรถแท็กซี่เฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์ เมื่อวันที่ 9 ที่จ.เลย

คนขับแท็กซี่ประมาท ขับรถด้วยความเร็ว ไม่ชะลอแม้ถึงทางโค้ง  รถเหวี่ยงกระแทกมอไซค์แม่ที่ขับสวนมาคนละเลน

เรื่องต่างๆ จขกท. ขอข้ามไป

มีเรื่องที่รู้สึกไม่ดีคือ เรื่องค่าสินไหมที่เรียกจากผุ้ชน คุณๆ จะเรียกเท่าไหร่ ราคาไหนถึงเรียกว่ายุติธรรม

ผู้ชนมารับศพแม่ออกจากรพ. พร้อมจขกท. งานศพจัดที่บ้าน วันสวดมางาน ให้เงินช่วยงานมาจำนวนหนึ่ง

วันเผา บวชจูงให้ ( จูงศพแม่ออกจากบ้านไปเผาที่วัด ) ถือว่ารับผิดชอบเต็มที่

วันก่อนไปโรงพัก พบประกันกับผุ้ชน คุยกันนอกรอบ ตำรวจสอบปากคำผู้ชน น้าของจขกท. เรียกค่าสินไหมจากทั้งประกันและ

ผู้ชนไป อันนี้ไม่ได้ตกลงกับจขกท. ก่อน เพราะเรื่องเงินยกให้น้าจัดการ

นายคนหนึ่ง คงจะเห็นใจผู้ชนมาก เพราะมีพูดลอยๆ ว่า อย่าเรียกเยอะ ๆ 2 ครั้ง

วันนี้จขกท. ไปให้ปากคำ ( ผู้ชนไม่ได้มา ) ถูกตำหนิว่าเรียกเขาเยอะไป เพราะพ่อของนายคนนั้นถูกคนขับรถพ่วงชนตาย คนชนมาบวชจูงศพให้

นายคนนั้นไม่เรียกค่าทำให้พ่อตายซักบาท เพราะได้จากประกันชั้น 1 มูลค่า 3 แสนแล้ว

จขกท. ถามว่าควรจะเรียกเท่าไหร่ล่ะ เขาไม่ตอบ ดูเขาให้ความเมตตาสงสารผู้ชนมาก แล้วเราที่เป็นผุ้เสียหาย แม่ตายโดยไม่ทันได้สั่งลา

กลับกลายเป็นคนใจไม้ไส้ระกำไปแล้ว เรื่องนี้จขกท. คิดว่า

1. เจ้าหน้าที่รัฐ ควรวางตัวเป็นกลาง อะไรที่ควรนิ่งก็นิ่งเถอะ ถึงจะคันปากมากแค่ไหน

2. การเรียกค่าสินไหม เป็นสิทธิของผู้เสียหาย คนเรียกอยากเรียกเท่าไหร่เรียกไป ใช่ว่าคนจ่ายจะจ่ายให้เต็มจำนวน เรื่องค่าสินไหมเป็นเรื่องต้อง

    มีการเจรจาต่อรอง อย่าตำหนิคนอื่น โดยเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ค้นทุนของคุณเหนือกว่าฉันมาก คุณมีหน้าที่การงาน มีตำแหน่ง มียศ

    มีเงินเดือน ถ้าคุณจะเมตตาคนอื่นก็ทำไป แต่อย่าไปหวังให้ฉันต้องทำเหมือนอย่างที่คุณทำ

3.  เรื่องหนี้ของแม่ ซึ่งมีเป็นธรรมดาโลก นายคนนั้นบอกว่า จ่ายเท่าที่ไม่เกินมูลค่ามรดกที่ได้รับ อันนี้เป็นเรื่องทางกฏหมาย แต่เราเป็นพูทธ

    มีโคตรเหง้าอยู่นอกเมือง เรียกง่ายๆ ว่าเป็นคนบ้านนอก มีสังคม มีจารีตประเพณี หนี้ของแม่ ลุกต้องรับใช้ให้หมด ไม่งั้นแม่จะไปไม่สบาย

    ทั้งหนี้ในระบบ หนี้นอกระบบ ลูกต้องชดใช้ให้หมด คุณคนที่พูดแต่เรื่องของกฏหมาย คุณจัดงานศพให้พ่อคุณหรือเปล่า ถ้าคุณจัดก็แสดงว่า

    คุณเองก็ทำตามประเพณี  คุณเชื่อว่าถ้าจัดงานตามความเชื่อแล้วพ่อคุณจะได้จากไปอย่างสงบ  บางเรื่องจารีดก็สำคัญกว่ากฏหมาย

4.  เพราะเป็นลูกคนเดียว และกำลังท้อง 4 เดือน งานของแม่ถือว่าพยายามทำดีที่สุดแล้ว ดีที่ได้ญาติช่วยเหลือ งานจัดที่บ้าน ทำตามประเพณี

    จึงมีขั้นตอนมาก  กระดูกของแม่เก็บอยู่ในธาตุเรียบร้อย เหลือทำบุญ 100 วัน  งานนี้ได้ข้อคิดมาว่า ต้องไปบริจาคร่างเหมือนหลวงพ่อคูณแล้ว

    ถือเป็นการทำบุญครั้งสุดท้าย เพราะเวลาที่เราตาย ลูกของเราอาจยังเล็กมาก ตอนนั้นเขาอาจไม่มีญาติมาช่วยเหลือเหมือนที่เราได้รับความช่วยเหลือ


    สุดท้ายนี้  จิตใจของ จขกท. ยังไม่ปกติ ข้อความอาจไม่สมบูรณ์ ขอให้คนอ่านอย่าได้ใส่ใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่