มารู้จัก Dr. Yellow หมอเหลืองของเหล่าชินคังเซ็นกัน

รู้หรือไม่ว่า ชินคังเซ็นนั้นไม่ได้มีแต่สีขาว สีแดง สีเขียว หรือสีน้ำเงิน แต่จริงๆแล้วยังมีสีเหลืองด้วย แต่ไม่ต้องแปลกใจกันครับ ชินคังเซ็นสีเหลืองเป็นสายพิเศษครับ ซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการของรถไฟสายนี้ ก็คือ Dr. Yellow หรือภาษาญี่ปุ่นว่า ドクターイエロー

เริ่มต้นที่การเกริ่นประวัติกันก่อน Dr. Yellow หรือชินคังเซ็นสีเหลืองนี้ หน้าที่หลักเลยคือการตรวจสอบราง และระบบเดินรถของชินคังเซ็นเส้นนั้น โดยลักษณะของ Dr. Yellow นั้น รูปร่างภายนอกจะไม่ค่อยแตกต่างจากชินคังเซ็นรุ่นนั้นเท่าไร เพื่อที่จะให้การตรวจสอบเสมอรถจริงๆวิ่งไปบนรางนั้นๆ โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในรถไฟขบวนหลักๆก็จะเป็นบรรดาเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการตรวจสอบต่างๆ โดยที่มาเจ้า Dr. Yellow ก็มีหลายรุ่น หลายขบวน สับเปลี่ยนไปตามรถของรถชินคังเซ็นที่วิ่งอยู่ในช่วงนั้น

โดยในปัจจุบัน เส้นที่นิยมและออกข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ คือเส้น Tokaido Shinkansen และ Sanyo Shinkansen โดยเส้นนี้จะวิ่งตั้งแต่โตเกียวยาวไปจนถึงสถานี Hakata ซึ่งจะเป็นรุ่น serie N700 โดยตอนนี้จะมีอยู่สองขบวน คือ T4 และ T5 และเนื่องความที่รถไฟขบวนนี้ไม่ได้มีไว้ให้คนทั่วไปได้ใช้บริการ ทำให้รถไฟขบวนนี้ไม่มีตารางการวิ่งอย่างเป็นทางการออกมาจากทาง JR และด้วยโอกาสในการเจอ (โดยบังเอิญ) นั้นยากและเป็นไปได้น้อย จึงทำให้คนญี่ปุ่นเองยังพูดกันว่า หากวันไหนได้เห็น Dr. Yellow จะถือว่า วันนั้นเป็นวันที่โชคดี ทำอะไรก็จะมีแต่เรื่องดีๆไปหมด

นอกจากความเชื่อเรื่องความโชคแล้ว สำหรับคำญี่ปุ่น รถไฟขบวนนี้ก็เป็นรถไฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเอาไปประกอบแคมเปญรวมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เจ้าหมีขี้เกียจพบ Dr. Yellow หรือในบางครั้ง ก็มีงานเปิดให้ชมภายในของรถไฟขบวนนี้ตามลิงค์ข่าวข้างล่างนี้เลยครับ

http://www.asahi.com/and_M/gallery/20140731_train_hamamatsu/



ผ่านไปกับข้อมูลคร่าวๆที่แนะเล่าสู่กันฟัง ต่อไป อยากมีโอกาสถ่ายรูปรถไฟคันนี้กันบ้างไหมครับ ต้องทำอย่างไร?

ถ้าใช่ ผมขอแนะนำทริคเล็กน้อยๆมาฝาก ใครหลายๆคนที่อยากจะเห็นรถไฟสีเหลืองขบวนนี้ หรืออยากถ่ายรูปกันครับ

เริ่มต้นที่ขั้นแรก ต้องทำการหาวันที่คาดว่ารถไฟขบวนนี้จะวิ่ง โดยสามารถหาได้ตามเวปไซต์ภาษาญี่ปุ่นครับ โดยปกติคนญี่ปุ่นมีความชื่นชอบรถไฟกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะมีบางคนเป็นแฟนพันธุ์แท้ และแอบล่วงรู้ตารางรถมาบ้าง โดยเวปไซต์จริงๆก็มีหลายเวปไซต์ เช่น เวปไซต์ข้างล่างนี้ โดยทั้งหมดจะเป็นภาษาญี่ปุ่น (อาจจะลำบากก๊อบไปวางลงใน google translate กันนิดนะครับ)

http://doctoryellow923.seesaa.net/category/23290104-1.html

http://jitekicamera.com/%E3%83%89%E3%82%AF%E3%82%BF%E3%83%BC%E3%82%A4%E3%82%A8%E3%83%AD%E3%83%BC%E3%81%AE%E9%81%8B%E8%A1%8C%E4%BA%88%E6%B8%AC%E3%81%A8%E6%99%82%E5%88%BB%E8%A1%A8/

จากนั้นเมื่อถึงวันที่รถจะวิ่งตามตารางก็ต้องมีการตรวจสอบว่ารถนั้นวิ่งจริงไหม ซึ่งวิธีที่ผมใช้ก็คือ การเช็คตาม Twitter ครับ ต้องบอกว่า ทวิตเตอร์นั้นเป็น Social Network ชนิดหนึ่งที่คนญี่ปุ่นเล่นกันมาก อาจจะมากกว่า Facebook ด้วยซำ้นะครับ ที่ให้เช็คก็คือ จากที่กล่าวไป ปกติ เมื่อคนญี่ปุ่นเห็น Dr. Yellow ร้อยทั้งร้อย สิ่งที่ทุกคนจะทำคือ โพสลง Twitter (อันนี้ก็แอบเหมือนบ้านเรานะครับ เอะอะ อะไรก็โพส) ซึ่งหลายๆคนเวลาโพสก็จะใส่สถานที่ที่เจอลงไปด้วย เพราะฉะนั้นหากจากไล่อ่านไปเรื่อยๆก็จะพอเดาได้ว่า ถ้าวันนี้มีวิ่ง จะเป็นขบวนไหน วิ่งจากไหนไปไหน ตอนนี้อยู่สถานีไหนแล้ว ซึ่งจะทำให้เรากะเวลาไปรอยังจุดถ่ายได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องรอนานครับ ตัวอย่างของ Twitter ของคนญี่ปุ่นที่อัพก็เช่น



หรือจะเป็นแบบนี้ครับ



หลังจากที่ทราบวันและเวลาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือการเลือกหาสถานที่ การจะถ่ายรถไฟชินคังเซ็นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะเนื่องจากรถไฟวิ่งด้วยความเร็วสูง และทาง JR ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งจุดที่สามารถถ่ายภาพได้นั้น มีค่อนข้างน้อย และจากที่ผมลองหาตามในเน็ตก็ไปสะดุดกับที่หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเท่าไร และผมก็คิดว่า มุมนี้ก็สวยพอสมควรครับ สถานที่ถ่ายนั้นจะอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Oiso ถ้านั่งรถไฟจากโตเกียวมา ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เห็นจะได้ จากนั้นก็นั่งรถบัสสาย 14 มาลงยังพิกัดข้างล่างเลยครับ

" 35.310836,139.266103 "

ในการถ่ายรูปสถานที่แบบนี้ ผมมีข้อแนะนำเล็กนะครับ เนื่องจากสถานที่นั้น อาจจะไม่ใช่สถานที่ที่สวยหรู หรือมีการเตรียมที่ไว้สำหรับถ่ายรูป

1. แต่งกายให้รัดกุม รองเท้าผ้าใบ กางเกงขายาว

2. นำอุปกรณ์มาเท่าที่จำเป็น เช่น เลนส์ระยะไกล หรือ Telephoto (เลนส์มุมกว้าง แนะนำให้วางไว้บ้านครับ จะได้ไม่หนักและเกะกะ) รีโมทหรือสายลั่น เป็นต้น

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว มาดูไปพร้อมกันกับผมเลยละกันครับ ว่าสถานที่จริงๆที่ผมไปถ่ายเป็นยังไง และภาพที่ได้ออกมาเป็นยังไง และนี้คือภาพแรกเมื่อผมลงจากรถบัส บอกได้คำเดียวครับ รกจริงๆครับ แอบคิดในใจว่า ถ้าหากเป็นที่เมืองไทย ผมอาจจะไม่ได้ถ่ายภาพ น่าจะโดนงู หรือสัตว์ลากไปกินแถวนั้นเป็นแน่แท้ ๕๕๕



จากนั้นเดินลงไปต่อ เพื่อที่จะเข้าไปใกล้รางมากยิ่งขึ้น ก็ต้องเจอกับป้ายเตือนว่า ห้ามปีน หรือข้ามรั้วกั้นไปยังบริเวณข้างใน ถ้าฝ่าฝืนมีโทษปรับและจำคุก ซึ่งเชื่อคำเตือนเถอะครับ รถไฟวิ่งด้วยความเร็วเกือบ 300 km/hr อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเลยครับ มาถ่ายรูปแล้วเอากลับไปทั้งรูปและชีวิตกลับไปดีกว่าครับ



จากนั้นก็หามุมครับ ตรงนี้อยากบอกว่า แล้วแต่คนชอบเลยนะครับ ส่วนผมจากที่บอกข้างต้นแล้วว่าต้องการมุมเห็นรถไฟวิ่งผ่านอุโมงค์ ผมจึงมองหาที่สูงเพื่อที่จะสามารถมองลอดผ่านลวดหนาม และสามารถถ่ายรถไฟกับอุโมงค์ได้ครับ โดยสถานที่ที่ผมตั้งป้อมก็คร่าวๆ ประมาณตามภาพเนี่ยละครับ



เมื่อได้ที่เรียบร้อยแล้วก็ทำการตั้งค่าถ่ายภาพตามสภาพแสงครับ โดยการตั้งค่าคร่าวๆ สำหรับค่าที่สำคัญ ก็มีประมาณดังนี้ครับ

1. ความไวชัตเตอร์ ตอนที่ผมถ่ายนี้ ผมใช้ประมาณ 1/1000 - 1/2000 ครับ จากที่สังเกตมา แม้แต่ชินคังเซ็นเองก็วิ่งไม่เท่ากัน ฉะนั้นถ้าตั้งได้ไวไว้ก่อนก็ปลอดภัยสุดครับ

2. จุดโฟกัสและรูรับแสง แนะนำว่า ให้เลือกรูปที่ต้องการรอ แล้วโฟกัส พร้อมทั้งเลือกรูรับแสงที่เพียงพอไว้เลยครับ เท่าที่ผมดู ผมว่า จะฝากหวังไว้กับระบบ AF-C นั้นอาจจะเสี่ยงไปนิดครับ เพราะรถวิ่งแค่คันเดียว ถ้าพลาดแล้วพลาดเลย

3. ISO แนะนำให้ตั้งต่ำที่สุด เท่าที่เป็นไปได้หลังจากตั้งค่า สองค่าแรกเสร็จแล้ว

4. Continuous Shoot แนะนำว่าให้ใช้ครับ กดได้เร็วสุดเท่าไร ตั้งสูงสุดเลยครับ โอกาสมีครั้งเดียว ถ้าไม่อยากมาหลายรอบ รัวเข้าไปเลยครับ

จากนั้นเมื่อพร้อม ก็รอครับ รอจนกว่ารถไฟจะมา และอยากจะแนะนำเพิ่มอีกข้อ ว่าให้ไปถึงสถานที่ก่อนเวลาซักครึ่งชั่วโมง ถึงชั่วโมง หรือมากกว่าจะดีมากๆครับ เพราะจะได้ซ้อมกับชินคังเซ็นขบวนอื่นไปก่อนครับ ตามภาพเลย



ที่จุดนี้ผมไปสองรอบได้ครับ โดยรอบแรกเหมือนไปลองสถานที่ด้วย และ Dr. Yellow ก็วิ่งเข้าโตเกียว ทำให้รถไฟจะหันหลังให้ผมด้วย ส่วนตัวแล้วผมว่า มุมนี้ไม่ค่อยสวยถูกใจเท่าไร เพื่อนๆคิดว่าไงบ้าง ลองดูจากรูปได้เลยครับ



และในเมื่อรูปวันแรกที่ได้ไป ไม่โดนใจซักเท่าไร การมาซ้ำจึงบังเกิดครับ และครั้งนี้ ผมเลือกไว้แล้วว่าจะต้องเป็นรอบที่รถไฟวิ่งออกจากโตเกียวเท่านั้น เพราะผมต้องการภาพที่รถไฟหันหน้าเข้าหามุม และเห็นตัวขบวนรถไฟในส่วนโค้งของอุโมงค์ ซึ่งตามคาดครับ ผมได้ภาพดังที่ตั้งใจไว้เลยครับ



สุดท้ายครับ ถ้าใครไม่อยากลำบากหาที่ถ่าย สถานที่ถ่ายที่ง่ายที่สุดก็คือ สถานีรถไฟชินคังเซ็นเนี่ยละครับผม เพี้ยนแช๊ะ

เป็นยังไงบ้างครับ กับเรื่องราวและภาพหมอเหลืองที่ผมนำมาฝาก หวังว่าจะถูกใจทุกคนกันนะครับ
ถ้ายังไงครั้งหน้า ผมจะเอาอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามกันนะครับ

เครดิตที่มา: http://www.knotmirai.com/photography/dr-yellow/

หรือถ้ายังไงเพื่อนคนไหน สนใจมาพูดคุยกันที่ https://www.facebook.com/knotmirai ได้นะครับ

ราตรีสวัสดีครับ

ปล ใครที่ยังไม่ได้ดูกระทู้เก่าๆ ติดตามได้ที่นี่เลยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่