คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
1.ไม่เสียพรหมจรรย์แค่กับใครก็ได้
ไม่ใช่เครื่องตัดสินนะ --- แต่ก็เป็นไปได้ เป็นความขี้เกียจจัดการความสัมพันธ์ มันเสียเวลา
2.แรงขับทางเพศสูง [ชอบช่วยตัวเอง] [ชอบ Sex แต่ขี้เกียจเลี้ยงลูก เบื่อการเสียเวลาปฏิสัมพันธ์ต่างๆ]
ชอบ Sex นี่ไม่ตรงเลย มันขึ้นกับความสามารถในการจัดการอารมณ์ทางเพศของตนเอง
ดังนั้น จะมีมากมีน้อยก็ไม่เกี่ยว คนที่เซ็กส์จัดแต่จัดการได้ดีก็มีเยอะ
คนที่ไม่ค่อยชอบหื่นแต่พอหื่นขึ้นมากลับดูแลอารมณ์ทางเพศของตัวเองไม่ค่อยได้ก็มีเยอะเหมือนกัน....
3.ไม่ใช่คนชอบเข้าสังคม
ก็ไม่เกี่ยวตรงๆอีกนั่นหละ แต่ส่วนใหญ่คงใช่ เพราะคนที่ต้องการวิเคราะห์อะไรลึกๆ ต้องการเวลาส่วนตัวเยอะ
ถ้าเป็นอัจฉริยะในทางกีฬาที่ต้องการคู่ซ้อม ต้องการคนช่วยประเมินผล ก็ยังต้องการสังคมในระดับหนึ่งอยู่ดี
แต่คนที่มีความเป็นอัจฉริยะในการสื่อสาร จัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า จัดการเรื่องผู้คนต่างๆก็มีนะ
และคนกลุ่มนี้ก็ขยันออกสังคมเพื่ออาศัยฝึกตัวเองให้ทำได้เก่งขึ้นเรื่อยๆด้วย
4.ชอบเสพติดยาที่ผิดกฏหมาย [กัญชา , ยาอี , แอมแฟตามีน , เฮโรอีน] [พอล แอดิส]
เกี่ยวอะไรกัน....เป็นแค่ทดลองดู ถ้าลองแล้วติดง่ายมากๆก็คนเป็นอัจฉริยะในเรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องการพัฒนาตนเองแล้วหละ
(แล้วจะเจริญไปในเรื่องนั้นๆได้ไง ความเป็นอัจฉริยะก็จะกลายเป็นเรื่องชั่ววูบไป)
แต่ถ้าติดกัญชาแล้วเป็นอัจฉริยะได้ในตอนหลังก็ช่างมันปะไร....
5.เบื่อการนอน [มักเป็นนกฮูกกลางคืน] [นอนดึกตื่นสาย]
ไม่เกี่ยวกันเลย จะนอนตอนไหน ความสามารถในการคิดก็เกิดจากประสบการณ์และการฝึกตัวเอง
แถมคนนอนดึกตื่นสายส่วนใหญ่ สมองไม่สดชื่นเท่าคนนอนหัวค่ำตื่นเช้าหรอก
ดังนั้น นอนให้ถูกเวลา เอาความสดชื่นของสมองใว้ก่อนยิ่งดี
ยิ่งงานที่ต้องเน้นใช้สติยิ่งต้องฝึกเยอะๆ ตอนฝึกไม่ต้องไปสนใจเทคนิคใหม่เอาเรื่องเดิมๆที่ทำได้ให้แน่นเข้าใว้ก่อน
แต่ฝึกผ่านไปแล้วแล้วค่อยคิดถึงเทคนิคที่ต้องปรับปรุงและคิดพัฒนาก็ยิ่งดีขึ้นอีก
ส่วนงานที่ต้องเน้นสมาธิ อันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ครับ... เพราะพวกหนักไปทางสมาธิมักมีสติไม่สมดุลย์...
6.ตาสีฟ้า
อันนี้มั่ว
7.เสพติดเหล้า
มั่วแล้ว.... เปลี่ยนเป็นติดอย่างอื่นบ้างก็ได้
8.มีศิลปะและจินตนาการกว้างไกล [ชอบแสดงออกทาง กลอน , ดนตรี , ภาพวาด]
อันนี้จริง คนเก่งๆในหลายๆด้านมักทำเรื่องพวกนี้เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลายเรื่องได้ดีไปด้วย
- กลอนคือความเชื่อมโยงของภาษา การสื่อสารจัดการงานต่างๆ ถ้าแต่งบทประพันธ์ต่างๆใด้ดีคือใช้ภาษาได้ดี
- เล่นดนตรีเก่ง คือเรื่องของกำลังสติ ต้องไม่พลาดในเสียงตัวโน๊ต ในสำเนียง ในเทคนิคการเล่น ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
จังหวะเวลาพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป มีความแตกต่างในแต่ละรายละเอียด
ทั้งต้องไม่หลงเคลิ้มซาบซึ้งไปกับเสียงดนตรีที่ตนเองเล่น เพราะถ้าไม่อาจแยกได้ว่าในการเล่นแต่ละครั้ง
แตกต่างกันอย่างไรที่จุดไหน เกิดจากอะไร ย่อมก็ไม่อาจหาวิธีฝึกแก้ไขให้ดีขึ้นได้
- วาดภาพเก่ง คือเรื่องของกำลังสมาธิ ทำให้ดีที่สุดในทางเดียวโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขเวลามาบังคับ
จะซาบซึ้งไปกับภาพที่ตนเองวาดไปทั้งวันก็ได้ แต่เมื่ออิ่มตัวแล้ว ต้องเริ่มสอดส่ายสายตาหาความแตกต่าง
ของภาพในจินตนาการที่อยากให้เป็นกับภาพที่กำลังเขียนให้ออก ไม่งั้นก็จะแก้งานไม่ได้
9.Atheism [อเทวนิยม] [ไม่นับถือศาสนา]
ไม่เกี่ยวกันเลย
-- ในเบื้องต้น ศาสนาคือความเชื่อ ในผลลัพธ์ (เชื่อว่าเชื่อแล้วจะได้ผลอย่างนั้นอย่างนี้)
-- แต่ในขั้นกลาง ศาสนาคือการเดินตามความเชื่อนั้น เชื่อในวิธีการ ถ้าต้องปฏิบัติตนพื่อความเชื่อเหล่านั้น ก็ฝึกกันไป
ถ้าต้องอุทิศตนเองเพื่อความเชื่อนั้นก็ทำกันไป (คนฉลาดมากๆบางคนก็เชื่อในศาสนาอย่างเข้มข้น บางคนก็แหกคอก)
-- และในขั้นสูงสุด ศาสนาคือความจริง (แต่ศาสนาไหนจริงหละ จริงบางส่วน บางเรื่อง
หรือทุกศาสนาไม่จริงทั้งหมด? ต่อให้ตายไปก็ไม่แน่ว่าจะรู้คำตอบ)
ก็เลือกเอาว่าจะเพลย์เซฟหรือเสี่ยงๆไปเหอะ
10.มักเป็น Liberalism [เสรีนิยม] มากกว่าเป็นสังคมนิยม
มีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่
ความมีเสรีทางกายภาพ ทางสังคม ช่วยเรื่องขยายกรอบความคิดได้เยอะ
ถ้าถูกจำกัดในหลายๆด้าน ชีวิตคนก็มักจบอยู่ที่เรื่องปัจจัยสี่...
11.มีงานอดิเรกแปลกๆ [ไอสไตน์ชอบล่องเรือ] [หรือเรียกอีกอย่างว่ามักสนใจบางอย่างๆลึกซึ้ง ที่บางทีดูไม่เข้ากันกับงานที่ทำ]
ก็ไม่แปลก คนเราสนใจสิ่งที่ต่างกันสุดขั้วได้...
12.พวกเขาทำสิ่งซึ่งทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเขา [พี่น้องตระกูลไรท์] [คิดในสิ่งที่คนไม่ค่อยจะคิด]
ไม่จำเป็นหรอก พวกที่ทำเรื่องทั่วไปธรรมดาๆ แต่ทำด้วยเหตุผลหรือวิธีการที่คนทั่วไปไม่ทำกัน และได้ผลดีมากๆ
น่าจะมีเยอะพอๆกันหรือเยอะกว่าเสียอีกนะ...
13.ผิดปกติทางจิต [จอห์น แนช ETC] [บกพร่องบางสิ่งมีบางสิ่งทดแทน]
ไม่เกี่ยวเลย ไม่ต้องบกพร่องทางจิตก็เป็นอัจฉริยะได้
14.เป็นลูกคนโต
มีส่วน แต่ไม่ถูกหรอก...
ถ้าบอกว่า เพราะต้องดูแลตัวเอง ไม่มีต้นแบบให้ลอกเลียนเปรียบเทียบ
เลยพัฒนาเป็นความสามรถในการเอาตัวรอด สังเกตุ แยกแยะ อย่างอิสระ
ซึ่งเอื้อต่อการต่อยอดไปอีกโดยไม่ต้องพึ่งพากรอบความคิดของคนอื่น... จะตรงกว่าเยอะ
15.แม่ให้กินนมในช่วง 6 เดือนแรก
ไม่แน่ใจครับ...
16.ถนัดซ้าย [ฉลาดกว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่าถนัดขวา แต่มักขี้ลืม]
ไม่เกี่ยวหรอก ฉลาดกว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่ามีพื้นฐานจากการฝึกและกำลังสติ ทำซ้ำๆในเรื่องเดิมๆ
ทำให้ละเอียด ใจเย็นๆ สังเกตุให้ดีหน่อยจนกระทั่งเห็นข้อแตกต่าง (แม้เพียงเล็กน้อย)
แล้วไปหาวิธีการ หาเทคนิคที่ถูกต้องมาใช้พัฒนาหรือแก้ไขจุดอ่อนก็ย่อมเก่งขึ้นได้อยู่แล้ว
.... ส่วนเรื่องขี้ลืมเกิดจากกำลังสติบกพร่อง....
ความจริงคือ กำลังสติเอื้อให้เกิดปัญญา ในเวลาที่จะเรียนรู้ถ้ากำลังสติด้อยรับรู้ไม่ไม่ละเอียด แยกแยะไม่ดีพอ
แล้วจะเอาปัญญาดีมาจากไหน
.... ข้อสังเกตุอย่างนี้มาจาก เห็นว่าคนเก่งๆส่วนมากขี้ลืมในเรื่องที่เขาไม่สนใจ...
แต่ดันลืมไปว่าเขาจำได้โคตระแม่นและชัดเจนลงรายละเอียดลึกมากๆในเรื่องที่เขาสนใจ
(คือมีกำลังสมาธิสูงเฉพาะเรื่อง เอาสติไปโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สนใจ จนเผลอสติ ละเลยเรื่องอื่นไปแทบหมด)
17.ตัวสูง
ไม่เกี่ยวนะ ตัวเล็กแคระเกร็น ขาดสารอาหารตั้งแต่เล็กก็เป็นอัจฉริยะได้ สภาพแวดล้อมมีผล เรื่องรูปร่างทางกายภาพมีผล
แต่ถ้านับภาพรวมก็เป็นเพียงหนึ่งในหัวข้อหลัก ซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อย
บางเรื่อง คนเตี้ยจะทำได้ดีกว่า บางเรื่องคนสูงทำได้ดีกว่า....ไม่ใช่เรื่องหลักที่ฟันธงได้นะ
18.ตัวผอม
ก็ไม่เกี่ยวแบบตรงๆอีกนั่นหละ เหมือนข้อ 17
19.มักจะโกหกแต่มักจะเชื่อใจคนอื่น [บางทีแอบซ่อนความสามารถตัวเอง]
ไม่อาจฟันธงได้... คนที่ฉลาดมากๆ แต่ซื่อตรงมากๆ
แบบยอมรับสังคมได้ ขี้เกียจแบกเปลือก เลยเลือกที่จะ พูดหรือไม่พูด มากกว่าพูดแล้วโกหกก็มีไม่ใช่น้อยเลย
เจอมาหลายคนหละ
20.ครอบครัวฉลาด [ส่งต่อพันธุกรรม 20~40% /ประชากร]
มีผลเยอะครับ พ่อแม่เก่งมาอย่างไรก็จำเทคนิคที่รุ่นก่อนเคยสอน
และประสบการณ์ที่ตัวเองเคยฝึกตัวเอง ถ่ายทอดแก่ลูก... ทำไปแบบไม่กดดัน ให้ลูกเรียนรู้เอง ก็มักจะไปได้ดี
21.พูดคุยกับตัวเอง [ง่ายต่อการจำ]
ไม่จริงนะ... ลงมือทำ ง่ายต่อการจำมากกว่าเยอะเลย เขียนใว้ช่วยให้จำได้ดีกว่าเยอะ
ทำตัวให้สดชื่น ตั้งสติให้ดีแล้วท่องสองรอบ ดีกว่าบ่นพึมพำตั้งสิบรอบในขณะที่ง่วงซึมเยอะเลย
22.ชอบดนตรี
ก็ไม่จริงนะ ไม่จำเป็น ต่อให้คนฉลาดส่วนใหญ่ชอบดนตรีก็เอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้
คนฉลาดที่ไม่ชอบดนตรีก็มี แต่เรื่องเข้าใจดนตรีนั่นทำได้ดีแน่ๆ
(แต่คนสติไว และมีความขยัน ส่วนใหญ่นอกจากจะฝึกเล่นดนตรีแล้วพัฒนาไปได้ดี
ถ้าร่างกายและวัยเอื้ออำนวย ยังเล่นกีฬาระยะสั้นเช่น ปิงปอง ฟันดาบได้ดีอีกด้วย...
--- เพราะเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องกำลังสติ *เน้นทันการณ์ ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ทำในคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม เหมือนกัน)
23.ไม่ดูแคลนการฟัง [คนปกติบางคนพูดน้ำไหลไฟดับ แต่ดันนอกประเด็น หรือกระทั่งผิดประเด็นไปเลย]
ก็ไม่จริงเสมอไปอีกนั่นหละ... เจอบางหัวข้อ หรือบางคน บางเวลาเข้าไป
ผมเห็นคนเก่งฉลาดๆบางคนหันกลับเลย...
แต่ถ้าจะว่ามีความอดทนในการเสพข้อมูลที่ตนเองสนใจ หรือทำไปเพราะเคารพหลักการที่ตนเองยึดถืออันนี้ใช่เลย....รอเป็นวันๆก็ยังได้
ไม่ใช่เครื่องตัดสินนะ --- แต่ก็เป็นไปได้ เป็นความขี้เกียจจัดการความสัมพันธ์ มันเสียเวลา
2.แรงขับทางเพศสูง [ชอบช่วยตัวเอง] [ชอบ Sex แต่ขี้เกียจเลี้ยงลูก เบื่อการเสียเวลาปฏิสัมพันธ์ต่างๆ]
ชอบ Sex นี่ไม่ตรงเลย มันขึ้นกับความสามารถในการจัดการอารมณ์ทางเพศของตนเอง
ดังนั้น จะมีมากมีน้อยก็ไม่เกี่ยว คนที่เซ็กส์จัดแต่จัดการได้ดีก็มีเยอะ
คนที่ไม่ค่อยชอบหื่นแต่พอหื่นขึ้นมากลับดูแลอารมณ์ทางเพศของตัวเองไม่ค่อยได้ก็มีเยอะเหมือนกัน....
3.ไม่ใช่คนชอบเข้าสังคม
ก็ไม่เกี่ยวตรงๆอีกนั่นหละ แต่ส่วนใหญ่คงใช่ เพราะคนที่ต้องการวิเคราะห์อะไรลึกๆ ต้องการเวลาส่วนตัวเยอะ
ถ้าเป็นอัจฉริยะในทางกีฬาที่ต้องการคู่ซ้อม ต้องการคนช่วยประเมินผล ก็ยังต้องการสังคมในระดับหนึ่งอยู่ดี
แต่คนที่มีความเป็นอัจฉริยะในการสื่อสาร จัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า จัดการเรื่องผู้คนต่างๆก็มีนะ
และคนกลุ่มนี้ก็ขยันออกสังคมเพื่ออาศัยฝึกตัวเองให้ทำได้เก่งขึ้นเรื่อยๆด้วย
4.ชอบเสพติดยาที่ผิดกฏหมาย [กัญชา , ยาอี , แอมแฟตามีน , เฮโรอีน] [พอล แอดิส]
เกี่ยวอะไรกัน....เป็นแค่ทดลองดู ถ้าลองแล้วติดง่ายมากๆก็คนเป็นอัจฉริยะในเรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องการพัฒนาตนเองแล้วหละ
(แล้วจะเจริญไปในเรื่องนั้นๆได้ไง ความเป็นอัจฉริยะก็จะกลายเป็นเรื่องชั่ววูบไป)
แต่ถ้าติดกัญชาแล้วเป็นอัจฉริยะได้ในตอนหลังก็ช่างมันปะไร....
5.เบื่อการนอน [มักเป็นนกฮูกกลางคืน] [นอนดึกตื่นสาย]
ไม่เกี่ยวกันเลย จะนอนตอนไหน ความสามารถในการคิดก็เกิดจากประสบการณ์และการฝึกตัวเอง
แถมคนนอนดึกตื่นสายส่วนใหญ่ สมองไม่สดชื่นเท่าคนนอนหัวค่ำตื่นเช้าหรอก
ดังนั้น นอนให้ถูกเวลา เอาความสดชื่นของสมองใว้ก่อนยิ่งดี
ยิ่งงานที่ต้องเน้นใช้สติยิ่งต้องฝึกเยอะๆ ตอนฝึกไม่ต้องไปสนใจเทคนิคใหม่เอาเรื่องเดิมๆที่ทำได้ให้แน่นเข้าใว้ก่อน
แต่ฝึกผ่านไปแล้วแล้วค่อยคิดถึงเทคนิคที่ต้องปรับปรุงและคิดพัฒนาก็ยิ่งดีขึ้นอีก
ส่วนงานที่ต้องเน้นสมาธิ อันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ครับ... เพราะพวกหนักไปทางสมาธิมักมีสติไม่สมดุลย์...
6.ตาสีฟ้า
อันนี้มั่ว
7.เสพติดเหล้า
มั่วแล้ว.... เปลี่ยนเป็นติดอย่างอื่นบ้างก็ได้
8.มีศิลปะและจินตนาการกว้างไกล [ชอบแสดงออกทาง กลอน , ดนตรี , ภาพวาด]
อันนี้จริง คนเก่งๆในหลายๆด้านมักทำเรื่องพวกนี้เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลายเรื่องได้ดีไปด้วย
- กลอนคือความเชื่อมโยงของภาษา การสื่อสารจัดการงานต่างๆ ถ้าแต่งบทประพันธ์ต่างๆใด้ดีคือใช้ภาษาได้ดี
- เล่นดนตรีเก่ง คือเรื่องของกำลังสติ ต้องไม่พลาดในเสียงตัวโน๊ต ในสำเนียง ในเทคนิคการเล่น ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
จังหวะเวลาพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป มีความแตกต่างในแต่ละรายละเอียด
ทั้งต้องไม่หลงเคลิ้มซาบซึ้งไปกับเสียงดนตรีที่ตนเองเล่น เพราะถ้าไม่อาจแยกได้ว่าในการเล่นแต่ละครั้ง
แตกต่างกันอย่างไรที่จุดไหน เกิดจากอะไร ย่อมก็ไม่อาจหาวิธีฝึกแก้ไขให้ดีขึ้นได้
- วาดภาพเก่ง คือเรื่องของกำลังสมาธิ ทำให้ดีที่สุดในทางเดียวโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขเวลามาบังคับ
จะซาบซึ้งไปกับภาพที่ตนเองวาดไปทั้งวันก็ได้ แต่เมื่ออิ่มตัวแล้ว ต้องเริ่มสอดส่ายสายตาหาความแตกต่าง
ของภาพในจินตนาการที่อยากให้เป็นกับภาพที่กำลังเขียนให้ออก ไม่งั้นก็จะแก้งานไม่ได้
9.Atheism [อเทวนิยม] [ไม่นับถือศาสนา]
ไม่เกี่ยวกันเลย
-- ในเบื้องต้น ศาสนาคือความเชื่อ ในผลลัพธ์ (เชื่อว่าเชื่อแล้วจะได้ผลอย่างนั้นอย่างนี้)
-- แต่ในขั้นกลาง ศาสนาคือการเดินตามความเชื่อนั้น เชื่อในวิธีการ ถ้าต้องปฏิบัติตนพื่อความเชื่อเหล่านั้น ก็ฝึกกันไป
ถ้าต้องอุทิศตนเองเพื่อความเชื่อนั้นก็ทำกันไป (คนฉลาดมากๆบางคนก็เชื่อในศาสนาอย่างเข้มข้น บางคนก็แหกคอก)
-- และในขั้นสูงสุด ศาสนาคือความจริง (แต่ศาสนาไหนจริงหละ จริงบางส่วน บางเรื่อง
หรือทุกศาสนาไม่จริงทั้งหมด? ต่อให้ตายไปก็ไม่แน่ว่าจะรู้คำตอบ)
ก็เลือกเอาว่าจะเพลย์เซฟหรือเสี่ยงๆไปเหอะ
10.มักเป็น Liberalism [เสรีนิยม] มากกว่าเป็นสังคมนิยม
มีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่
ความมีเสรีทางกายภาพ ทางสังคม ช่วยเรื่องขยายกรอบความคิดได้เยอะ
ถ้าถูกจำกัดในหลายๆด้าน ชีวิตคนก็มักจบอยู่ที่เรื่องปัจจัยสี่...
11.มีงานอดิเรกแปลกๆ [ไอสไตน์ชอบล่องเรือ] [หรือเรียกอีกอย่างว่ามักสนใจบางอย่างๆลึกซึ้ง ที่บางทีดูไม่เข้ากันกับงานที่ทำ]
ก็ไม่แปลก คนเราสนใจสิ่งที่ต่างกันสุดขั้วได้...
12.พวกเขาทำสิ่งซึ่งทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเขา [พี่น้องตระกูลไรท์] [คิดในสิ่งที่คนไม่ค่อยจะคิด]
ไม่จำเป็นหรอก พวกที่ทำเรื่องทั่วไปธรรมดาๆ แต่ทำด้วยเหตุผลหรือวิธีการที่คนทั่วไปไม่ทำกัน และได้ผลดีมากๆ
น่าจะมีเยอะพอๆกันหรือเยอะกว่าเสียอีกนะ...
13.ผิดปกติทางจิต [จอห์น แนช ETC] [บกพร่องบางสิ่งมีบางสิ่งทดแทน]
ไม่เกี่ยวเลย ไม่ต้องบกพร่องทางจิตก็เป็นอัจฉริยะได้
14.เป็นลูกคนโต
มีส่วน แต่ไม่ถูกหรอก...
ถ้าบอกว่า เพราะต้องดูแลตัวเอง ไม่มีต้นแบบให้ลอกเลียนเปรียบเทียบ
เลยพัฒนาเป็นความสามรถในการเอาตัวรอด สังเกตุ แยกแยะ อย่างอิสระ
ซึ่งเอื้อต่อการต่อยอดไปอีกโดยไม่ต้องพึ่งพากรอบความคิดของคนอื่น... จะตรงกว่าเยอะ
15.แม่ให้กินนมในช่วง 6 เดือนแรก
ไม่แน่ใจครับ...
16.ถนัดซ้าย [ฉลาดกว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่าถนัดขวา แต่มักขี้ลืม]
ไม่เกี่ยวหรอก ฉลาดกว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่ามีพื้นฐานจากการฝึกและกำลังสติ ทำซ้ำๆในเรื่องเดิมๆ
ทำให้ละเอียด ใจเย็นๆ สังเกตุให้ดีหน่อยจนกระทั่งเห็นข้อแตกต่าง (แม้เพียงเล็กน้อย)
แล้วไปหาวิธีการ หาเทคนิคที่ถูกต้องมาใช้พัฒนาหรือแก้ไขจุดอ่อนก็ย่อมเก่งขึ้นได้อยู่แล้ว
.... ส่วนเรื่องขี้ลืมเกิดจากกำลังสติบกพร่อง....
ความจริงคือ กำลังสติเอื้อให้เกิดปัญญา ในเวลาที่จะเรียนรู้ถ้ากำลังสติด้อยรับรู้ไม่ไม่ละเอียด แยกแยะไม่ดีพอ
แล้วจะเอาปัญญาดีมาจากไหน
.... ข้อสังเกตุอย่างนี้มาจาก เห็นว่าคนเก่งๆส่วนมากขี้ลืมในเรื่องที่เขาไม่สนใจ...
แต่ดันลืมไปว่าเขาจำได้โคตระแม่นและชัดเจนลงรายละเอียดลึกมากๆในเรื่องที่เขาสนใจ
(คือมีกำลังสมาธิสูงเฉพาะเรื่อง เอาสติไปโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สนใจ จนเผลอสติ ละเลยเรื่องอื่นไปแทบหมด)
17.ตัวสูง
ไม่เกี่ยวนะ ตัวเล็กแคระเกร็น ขาดสารอาหารตั้งแต่เล็กก็เป็นอัจฉริยะได้ สภาพแวดล้อมมีผล เรื่องรูปร่างทางกายภาพมีผล
แต่ถ้านับภาพรวมก็เป็นเพียงหนึ่งในหัวข้อหลัก ซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อย
บางเรื่อง คนเตี้ยจะทำได้ดีกว่า บางเรื่องคนสูงทำได้ดีกว่า....ไม่ใช่เรื่องหลักที่ฟันธงได้นะ
18.ตัวผอม
ก็ไม่เกี่ยวแบบตรงๆอีกนั่นหละ เหมือนข้อ 17
19.มักจะโกหกแต่มักจะเชื่อใจคนอื่น [บางทีแอบซ่อนความสามารถตัวเอง]
ไม่อาจฟันธงได้... คนที่ฉลาดมากๆ แต่ซื่อตรงมากๆ
แบบยอมรับสังคมได้ ขี้เกียจแบกเปลือก เลยเลือกที่จะ พูดหรือไม่พูด มากกว่าพูดแล้วโกหกก็มีไม่ใช่น้อยเลย
เจอมาหลายคนหละ
20.ครอบครัวฉลาด [ส่งต่อพันธุกรรม 20~40% /ประชากร]
มีผลเยอะครับ พ่อแม่เก่งมาอย่างไรก็จำเทคนิคที่รุ่นก่อนเคยสอน
และประสบการณ์ที่ตัวเองเคยฝึกตัวเอง ถ่ายทอดแก่ลูก... ทำไปแบบไม่กดดัน ให้ลูกเรียนรู้เอง ก็มักจะไปได้ดี
21.พูดคุยกับตัวเอง [ง่ายต่อการจำ]
ไม่จริงนะ... ลงมือทำ ง่ายต่อการจำมากกว่าเยอะเลย เขียนใว้ช่วยให้จำได้ดีกว่าเยอะ
ทำตัวให้สดชื่น ตั้งสติให้ดีแล้วท่องสองรอบ ดีกว่าบ่นพึมพำตั้งสิบรอบในขณะที่ง่วงซึมเยอะเลย
22.ชอบดนตรี
ก็ไม่จริงนะ ไม่จำเป็น ต่อให้คนฉลาดส่วนใหญ่ชอบดนตรีก็เอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้
คนฉลาดที่ไม่ชอบดนตรีก็มี แต่เรื่องเข้าใจดนตรีนั่นทำได้ดีแน่ๆ
(แต่คนสติไว และมีความขยัน ส่วนใหญ่นอกจากจะฝึกเล่นดนตรีแล้วพัฒนาไปได้ดี
ถ้าร่างกายและวัยเอื้ออำนวย ยังเล่นกีฬาระยะสั้นเช่น ปิงปอง ฟันดาบได้ดีอีกด้วย...
--- เพราะเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องกำลังสติ *เน้นทันการณ์ ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ทำในคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม เหมือนกัน)
23.ไม่ดูแคลนการฟัง [คนปกติบางคนพูดน้ำไหลไฟดับ แต่ดันนอกประเด็น หรือกระทั่งผิดประเด็นไปเลย]
ก็ไม่จริงเสมอไปอีกนั่นหละ... เจอบางหัวข้อ หรือบางคน บางเวลาเข้าไป
ผมเห็นคนเก่งฉลาดๆบางคนหันกลับเลย...
แต่ถ้าจะว่ามีความอดทนในการเสพข้อมูลที่ตนเองสนใจ หรือทำไปเพราะเคารพหลักการที่ตนเองยึดถืออันนี้ใช่เลย....รอเป็นวันๆก็ยังได้
แสดงความคิดเห็น
Genius Signs สัญญาณบอกอัจฉริยะ !!!