เรื่องนี้มีอยู่ว่า....
ช่วงต้นเดือน พ.ค. 58 มีแพลนเดินทางไป ฝรั่งเศส สเปน โดยจะไปอยู่ปารีส 4 คืน (ครั้งก่อนๆ ยังไม่จุใจพอ)
อยากไปแบบนั่งๆนอนๆ เดินถ่ายรูป จิบกาแฟ เข้ามิวเซียม spend time แบบสบายๆ
แต่......พยากรณ์อากาศแจ้งว่า ฝนตกทั้งวีค แบบ 100% ทุกวัน
เลยต้องหา 1,2-day trip สวยๆสักที่เพื่อหลบฝนจากปารีส
จนได้มาเจอภาพเมืองเล็กๆ อยู่ระหว่างหุบเขาที่ชื่อว่า Chamonix
ก็เลยไปหาภาพดูจาก Pantip ก็เจอภาพสวยๆจาก คุณอ้อม แม่แจ่ม (แอบเป็นแฟนคลับคุณอ้อมบอกเลย 555+)
http://ppantip.com/topic/30857803
ซึ่งถือว่าเป็นกระทู้ที่ทำให้ตัดสินใจได้ว่า นี่แหละ! สถานที่หลบฝนปารีสของเรา
แต่พอไปดู weather forecast เค้าบอกฝนจะตก แต่แอบมีแดดออกนิดนึง เอาน่ะ ลองดู!
สรุป แผนจึงเปลี่ยนจากปารีสไป Chamonix ถึง 3 วัน 2 คืนครับ!
โดยรีวิวจะแบ่งเป็น 2 parts คือ
Part1 : การเดินทางจากปารีสไป Chamonix และภาพในเมือง
Part2: ภาพบน Aiguille de Midi จุดขมวิวยอด Mont Blanc ที่สวยงามที่สุด
http://ppantip.com/topic/33816570
ทำไม Chamonix:
1. อยู่ในเขตประเทศฝรั่งเศส ติด Geneva (ห่างประมาณ 70 นาทีรถ) ได้ถือโอกาสแวะชมเจนีวา ซื้อมีด Swilling ลด50%
2. เป็นเมืองเล็กๆ ที่ happening มาก น่ารักมาก
3. เมืองโดนโอบกอดแบบแน่นๆด้วยภูเขาสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Mont Blanc ยอดเขาที่เลียนแบบชื่อปากกาสุดหรู เอ๊ะ ไม่ใช่ละ!
3. มี Cable Car ที่ได้ชื่อว่า "The highest vertical ascent cable car in the world" หวาดเสียวและชันมากจริงๆ
4. มีร้านอาหาร Le 3842 บนยอดเขาที่สูงและวิวสวยสุดๆ อาหารอร่อย
5. มีร้าน Chanel ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่สูงที่สุดในโลก ถ้าใครจะซื้อของ สาขานี้มีของค่อนข้างครบ ทำ Detax ได้เรทฝรั่งเศสด้วยครับ
6. เป็นเมืองที่ "สวยทรงจำ" คือ ตอนนี้กลับมา ก็ยังตรึงใจ (ขนาดนั้น) คิดถึงอยากกลับไปอีก
การเดินทางจากปารีสไป Chamonix: ปกติทำได้ 3 วิธี
1. รถไฟ ต้องเปลี่ยน 2-3 ครั้ง โดยรวมประมาณ 7 ชั่วโมง ถ้าแพลนเนิ่นๆ ก็น่าจะได้ราคาถูก
2. ขับรถ ประมาณ 5 ชั่วโมง
3. เครื่องบิน โดยบินไป เจนีวา 1 ชั่วโมงนิดๆ และต่อรถบัสไป Chamonix อีก 75 นาที
สรุปเราเลือก บินไปกันครับ เพื่อความรวดเร็ว และที่สำคัญ ราคาเครื่องบินคือถูกสุดครับ เพราะจองกระทันหันนั่นเอง
ปารีส ไป Orly Airport
จากปารีสไป Orly มีหลายวิธีแต่ผมเลือกนั่งรถไฟ RER-B ไปลงที่สถานี Antony
เพื่อต่อ Airport Shuttle ไปที่ Orly เลย สะดวกมาก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ถึง Orly
จาก Metro ในปารีส หาสถานีที่มี RER สาย B ผ่าน (เป็นสายที่มาจาก CDG Airport)
นั่งไปสักประมาณ 40 นาที (จำไม่ค่อยได้) ก็ลงที่ Antony
ลงมาเจอป้าย Orly ก็เดินตามไปเลย อย่ารอช้า เตรียมตั๋วด้วยนะครับ
สภาพรถสะอาด สะดวก สบาย มีที่เก็บกระเป๋าพร้อม
โดยลงที่ Sud Terminal (Shuttle จะไปส่งที่ Quest ก่อน แล้วค่อยไปที่ Sud อย่าหลงนะ) แล้วก็ไปโหลดสัมภาระต่างๆ
แนะนำควร online Check in มาก่อน เพื่อชีวิตที่สะดวกและเร็วขึ้นครับ!
ครั้งนี้เลือกเดินทางโดย Easy Jet ราคา One Way (Orly-Geneva) ประมาณ 68Euro
เดินทางเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง เจนีวา
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยที่สนามบิน เจนีวา
1. สนามบินเจนีวาอยู่ห่างจากตัวเมืองเจนีวา ประมาณ 10 นาที่รถไฟ เร็วกว่านั่ง BTS จากอ่อนนุชไปสยามอีก
2. ผู้โดยสารที่บินมาลงเจนีวา จะสามารถกดตั๋วรถไฟเข้าเมืองฟรี 1 เที่ยว โดยกดตรงตู้แถวที่รอรับกระเป๋าครับ #อันนี้ชอบมาก
3. มี wifi ฟรี โดยต้องเอา Bording Pass ไป Scan ซึ่งตู้ scan จะหลบอยู่ในซอบหลืบนิดนึง อยู่หลังตู้ถ่ายรูป
4. มีที่ฝากกระเป๋า ประมาณ 10 ฟรังต่อใบ จะได้ไม่ต้องแบกเข้าเจนีวา
5. ลงไปนั่งรถไฟได้เลย ไม่ต้องไปนั่งไกลมาก เพราะแป็ปเดียวจริงๆครับ
จากเจนีวา ไป Chamonix
เลือกใช้ EasyBus เพราะถูกกว่าเจ้าอื่นครึ่งนึง!
เลือกอยู่นานเพราะไปอ่าน TripAdvisor ของ EasyBus โดนโจมตีอย่างหนัก
ว่าช้า delay มาไม่ตรงเวลา บริการไม่ดี
คืออ่านจนเขวอ่ะ แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่า ก็เลยแบบ เอาวะ! ลองดูละกันเนาะ!!!
ซึ่งปรากฏว่า EasyBus ดีมากๆๆๆๆ ตรงเวลา คนขับดี รถสะอาด ทุกอย่างโอเคอ่ะ
แนะนำเลยครับ เพราะถูกกว่ามากๆ ไปถึงตรงเวลาเหมือนกัน #จะจ่ายแพงกว่าเพื่ออะไร
รถบัสจะส่งตรงหน้าสถานีรถไฟหลักของเมือง ซึ่งจะอยู่ติดกับ city center เลยครับ
ดังนั้นการเลือก โรงแรม ถ้าจะเอาสะดวกลากกระเป๋า ก็แนะนำว่าอยู่แถวสถานีรถไฟแหละ สะดวกสุดครับ
ครั้งนี้เลือกโรงแรม Hotel Alpina ค่าพักผ่อนคืนละ 90Euro รวม Vat สำหรับ 3 คน
ราคาไม่แพงแถมอยู่ใกล้สถานีรถไฟ (เดินประมาณ 5 นาทีสวยๆ)
เลือกพักห้อง Triple room, Balcony, View Mont Blanc
ซึ่งคุณผู้ชมก็จะได้ชื่นชม Mont Blance แบบเต็มๆตา ไม่มีอะไรบัง มองจากเตียงได้เลย
ห้องน้ำ standard ทั่วไป แอบเก่านิดๆ แต่สะอาดดีครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อุปกรณ์ให้ครบ
วิวMont Blanc จากระเบียงห้องในตำนาน (เรียกเอง ให้ดูยิ่งใหญ่)
จริงๆแล้ว แม่น้ำจะใสและฟ้ากว่านี้มาก
แต่ช่วงนี้ฝนตกตลอดอาทิตย์ เลยเป็นสีชานมไข่มุกอย่างที่เห็น
น้ำค่อนข้างเชี่ยวเลย มีคำเตือนระดับสีแดง ว่าน้ำเชี่ยวมาก
นอนพักกับวิว Mont Blanc แป็ปก็ออกไปเดินเล่น ซึ่งแดดก็ยังไม่ออก ฝนยังโปรยลงมาต้อนรับแบบไม่หยุดหย่อน
Chamonix ในวันที่ฝนพรำ ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย มีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง
เดินกางร่มกันต่อไป
ยังเดินกันต่อไปเรื่อยๆ
วันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดของทุกคน เมืองก็หยุดนิ่งไปด้วย
ร้านอาหารราคาปกติตามเมืองท่องเที่ยว คือแพงนั่นเอง
กลับโรงแรมนอน แวะ Supermarket ที่อยุ่ใต้โรงแรม เป็น super ที่ใหญ่มากๆ สามารถซื้อขนมและน้ำได้ ในราคาที่ยิ้มออก
นอนตืนมาตีสี่ สิ่งแรกที่ทำคือลืมตา แล้วต่อด้วยเชคอากาศ
บอกเลยว่าแทบกรี๊ด 55555+ เพราะ แดดออก 7 โมงถึงเที่ยง
เตรียมตัว เก็บของ พร้อมไปขึ้นกระเช้าตั้งแต่ 7 โมง
ลุ้นมาก เพราะ 6 โมงกว่ายังฝนตก ฟ้าครึ้ม
แต่พอ 7โมงเท่านั้นแหละคุณผู้โชม ฟ้าก็เปิด ฝนหาย แบบเห้ย มหัศจรรย์ วิ่งไปแชะภาพริมระเบียงห้อง
บนยอดเขา ที่แหลมๆ ถ้ามองไปจะเห็นเป็นแท่งๆ นั่นแหละคือจุดหมายปลายทางครั้งนี้ของพวกเราสามคน
วันอากาศดี มีความสุข ตักตวงความสวยและความสุขให้ได้มากที่สุด
เดินร่อนกันทั่วเมือง จะบอกว่าสวยมากๆๆ หลาย ๆ มุมที่เห็นนี่แบบ แทบเอามือทาบอก 5555
โรงแรมจะตั้งอยู่ติดกับตลาดนัดวันเสาร์ เป็นตลาดตอนเช้าของเมือง ขายอาหาร ผัก ผลไม้และขนมน่ารักมากมาย
ผ่านสวนดอกไม้ ไม่รุ้อะไรเลอค่ากว่ากัน ระหว่างสีดอกไม้ หรือสีกางเกงคุณนาย
เดินไปถึงจุดที่จะขึ้นกระเช้า มาตอนแรกยังไม่เปิด เราก็แบบรุ้สึกเสียดายเวลา เพราะฝ้าเปิดแป๊ปเดียว
เลยเดินไปอีกฟากของเมือง ก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นที่พักแถวๆทางขี้นกระเช้า Balcony แบบ Modern
รูปนี้คล้ายๆญี่ปุ่นเลย
สักหน่อยนึง
อีกนิดนึง
ถึงเวลาอันสมควร กลับไปซื้อตั๋วแบบชิวล์ๆ
แต่เอ๊ะ นั่นอัลไล ตะเตือนไต ทำไม!!! คิวยาววววววเยี่ยงนี้ มาจากไหน
เวลาน้อยลงทุกที ยืนต่อคิวอย่างนาน ตั๋วก็ยังไม่ขาย เลื่อนเวลาไป เพราะยังเคลียกระเช้าไม่เสร็จ
ให้สมาชิกต่อแถวไว้ แล้วเราไปเดินถ่ายรูปเล่น แฟร์ๆ อันนี้เป็นป้ายแจ้งข้อมูล ประเภทตั๋วต่างๆ
ก็รอกันไป จนได้ซื้อในที่สุด ตอนประมาณ 10 โมง ซึ่งเค้าจะให้เป็นรอบในการขึ้นกระเช้าด้วยครับ กระเช้าเราได้ไปกระเช้าที่ 5
ขอจบภาคแรกไว้เท่านี้ก่อนนะครับ แล้วจะมาแชร์รูปตอนขึ้นไปข้างบน
ขอบอกเลยว่า ข้างบนนั้น สวยจนลืมสิ่งวุ่นวายต่างๆที่อยู่โลกเบื้องล่างเลย
ตัวอย่างจากโลกข้างบน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ยาวไปหน่อย ถ้าพิมพ์ผิดอย่างไร หรือใช้คำงงๆ ขอโทษด้วยนะครับ
หวังว่าทุกคนจะเอนจอยกับภาพที่นำมาฝากนะครับ
[CR] Chamonix (France) Charming & Unique ฝรั่งเศสมีอะไรมากกว่าปารีส (ปฐมบท)
ช่วงต้นเดือน พ.ค. 58 มีแพลนเดินทางไป ฝรั่งเศส สเปน โดยจะไปอยู่ปารีส 4 คืน (ครั้งก่อนๆ ยังไม่จุใจพอ)
อยากไปแบบนั่งๆนอนๆ เดินถ่ายรูป จิบกาแฟ เข้ามิวเซียม spend time แบบสบายๆ
แต่......พยากรณ์อากาศแจ้งว่า ฝนตกทั้งวีค แบบ 100% ทุกวัน
เลยต้องหา 1,2-day trip สวยๆสักที่เพื่อหลบฝนจากปารีส
จนได้มาเจอภาพเมืองเล็กๆ อยู่ระหว่างหุบเขาที่ชื่อว่า Chamonix
ก็เลยไปหาภาพดูจาก Pantip ก็เจอภาพสวยๆจาก คุณอ้อม แม่แจ่ม (แอบเป็นแฟนคลับคุณอ้อมบอกเลย 555+)
http://ppantip.com/topic/30857803
ซึ่งถือว่าเป็นกระทู้ที่ทำให้ตัดสินใจได้ว่า นี่แหละ! สถานที่หลบฝนปารีสของเรา
แต่พอไปดู weather forecast เค้าบอกฝนจะตก แต่แอบมีแดดออกนิดนึง เอาน่ะ ลองดู!
สรุป แผนจึงเปลี่ยนจากปารีสไป Chamonix ถึง 3 วัน 2 คืนครับ!
โดยรีวิวจะแบ่งเป็น 2 parts คือ
Part1 : การเดินทางจากปารีสไป Chamonix และภาพในเมือง
Part2: ภาพบน Aiguille de Midi จุดขมวิวยอด Mont Blanc ที่สวยงามที่สุด http://ppantip.com/topic/33816570
ทำไม Chamonix:
1. อยู่ในเขตประเทศฝรั่งเศส ติด Geneva (ห่างประมาณ 70 นาทีรถ) ได้ถือโอกาสแวะชมเจนีวา ซื้อมีด Swilling ลด50%
2. เป็นเมืองเล็กๆ ที่ happening มาก น่ารักมาก
3. เมืองโดนโอบกอดแบบแน่นๆด้วยภูเขาสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Mont Blanc ยอดเขาที่เลียนแบบชื่อปากกาสุดหรู เอ๊ะ ไม่ใช่ละ!
3. มี Cable Car ที่ได้ชื่อว่า "The highest vertical ascent cable car in the world" หวาดเสียวและชันมากจริงๆ
4. มีร้านอาหาร Le 3842 บนยอดเขาที่สูงและวิวสวยสุดๆ อาหารอร่อย
5. มีร้าน Chanel ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่สูงที่สุดในโลก ถ้าใครจะซื้อของ สาขานี้มีของค่อนข้างครบ ทำ Detax ได้เรทฝรั่งเศสด้วยครับ
6. เป็นเมืองที่ "สวยทรงจำ" คือ ตอนนี้กลับมา ก็ยังตรึงใจ (ขนาดนั้น) คิดถึงอยากกลับไปอีก
การเดินทางจากปารีสไป Chamonix: ปกติทำได้ 3 วิธี
1. รถไฟ ต้องเปลี่ยน 2-3 ครั้ง โดยรวมประมาณ 7 ชั่วโมง ถ้าแพลนเนิ่นๆ ก็น่าจะได้ราคาถูก
2. ขับรถ ประมาณ 5 ชั่วโมง
3. เครื่องบิน โดยบินไป เจนีวา 1 ชั่วโมงนิดๆ และต่อรถบัสไป Chamonix อีก 75 นาที
สรุปเราเลือก บินไปกันครับ เพื่อความรวดเร็ว และที่สำคัญ ราคาเครื่องบินคือถูกสุดครับ เพราะจองกระทันหันนั่นเอง
ปารีส ไป Orly Airport
จากปารีสไป Orly มีหลายวิธีแต่ผมเลือกนั่งรถไฟ RER-B ไปลงที่สถานี Antony
เพื่อต่อ Airport Shuttle ไปที่ Orly เลย สะดวกมาก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ถึง Orly
จาก Metro ในปารีส หาสถานีที่มี RER สาย B ผ่าน (เป็นสายที่มาจาก CDG Airport)
นั่งไปสักประมาณ 40 นาที (จำไม่ค่อยได้) ก็ลงที่ Antony
ลงมาเจอป้าย Orly ก็เดินตามไปเลย อย่ารอช้า เตรียมตั๋วด้วยนะครับ
สภาพรถสะอาด สะดวก สบาย มีที่เก็บกระเป๋าพร้อม
โดยลงที่ Sud Terminal (Shuttle จะไปส่งที่ Quest ก่อน แล้วค่อยไปที่ Sud อย่าหลงนะ) แล้วก็ไปโหลดสัมภาระต่างๆ
แนะนำควร online Check in มาก่อน เพื่อชีวิตที่สะดวกและเร็วขึ้นครับ!
ครั้งนี้เลือกเดินทางโดย Easy Jet ราคา One Way (Orly-Geneva) ประมาณ 68Euro
เดินทางเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง เจนีวา
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยที่สนามบิน เจนีวา
1. สนามบินเจนีวาอยู่ห่างจากตัวเมืองเจนีวา ประมาณ 10 นาที่รถไฟ เร็วกว่านั่ง BTS จากอ่อนนุชไปสยามอีก
2. ผู้โดยสารที่บินมาลงเจนีวา จะสามารถกดตั๋วรถไฟเข้าเมืองฟรี 1 เที่ยว โดยกดตรงตู้แถวที่รอรับกระเป๋าครับ #อันนี้ชอบมาก
3. มี wifi ฟรี โดยต้องเอา Bording Pass ไป Scan ซึ่งตู้ scan จะหลบอยู่ในซอบหลืบนิดนึง อยู่หลังตู้ถ่ายรูป
4. มีที่ฝากกระเป๋า ประมาณ 10 ฟรังต่อใบ จะได้ไม่ต้องแบกเข้าเจนีวา
5. ลงไปนั่งรถไฟได้เลย ไม่ต้องไปนั่งไกลมาก เพราะแป็ปเดียวจริงๆครับ
จากเจนีวา ไป Chamonix
เลือกใช้ EasyBus เพราะถูกกว่าเจ้าอื่นครึ่งนึง!
เลือกอยู่นานเพราะไปอ่าน TripAdvisor ของ EasyBus โดนโจมตีอย่างหนัก
ว่าช้า delay มาไม่ตรงเวลา บริการไม่ดี
คืออ่านจนเขวอ่ะ แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่า ก็เลยแบบ เอาวะ! ลองดูละกันเนาะ!!!
ซึ่งปรากฏว่า EasyBus ดีมากๆๆๆๆ ตรงเวลา คนขับดี รถสะอาด ทุกอย่างโอเคอ่ะ
แนะนำเลยครับ เพราะถูกกว่ามากๆ ไปถึงตรงเวลาเหมือนกัน #จะจ่ายแพงกว่าเพื่ออะไร
รถบัสจะส่งตรงหน้าสถานีรถไฟหลักของเมือง ซึ่งจะอยู่ติดกับ city center เลยครับ
ดังนั้นการเลือก โรงแรม ถ้าจะเอาสะดวกลากกระเป๋า ก็แนะนำว่าอยู่แถวสถานีรถไฟแหละ สะดวกสุดครับ
ครั้งนี้เลือกโรงแรม Hotel Alpina ค่าพักผ่อนคืนละ 90Euro รวม Vat สำหรับ 3 คน
ราคาไม่แพงแถมอยู่ใกล้สถานีรถไฟ (เดินประมาณ 5 นาทีสวยๆ)
เลือกพักห้อง Triple room, Balcony, View Mont Blanc
ซึ่งคุณผู้ชมก็จะได้ชื่นชม Mont Blance แบบเต็มๆตา ไม่มีอะไรบัง มองจากเตียงได้เลย
ห้องน้ำ standard ทั่วไป แอบเก่านิดๆ แต่สะอาดดีครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อุปกรณ์ให้ครบ
วิวMont Blanc จากระเบียงห้องในตำนาน (เรียกเอง ให้ดูยิ่งใหญ่)
จริงๆแล้ว แม่น้ำจะใสและฟ้ากว่านี้มาก
แต่ช่วงนี้ฝนตกตลอดอาทิตย์ เลยเป็นสีชานมไข่มุกอย่างที่เห็น
น้ำค่อนข้างเชี่ยวเลย มีคำเตือนระดับสีแดง ว่าน้ำเชี่ยวมาก
นอนพักกับวิว Mont Blanc แป็ปก็ออกไปเดินเล่น ซึ่งแดดก็ยังไม่ออก ฝนยังโปรยลงมาต้อนรับแบบไม่หยุดหย่อน
Chamonix ในวันที่ฝนพรำ ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย มีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง
เดินกางร่มกันต่อไป
ยังเดินกันต่อไปเรื่อยๆ
วันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดของทุกคน เมืองก็หยุดนิ่งไปด้วย
ร้านอาหารราคาปกติตามเมืองท่องเที่ยว คือแพงนั่นเอง
กลับโรงแรมนอน แวะ Supermarket ที่อยุ่ใต้โรงแรม เป็น super ที่ใหญ่มากๆ สามารถซื้อขนมและน้ำได้ ในราคาที่ยิ้มออก
นอนตืนมาตีสี่ สิ่งแรกที่ทำคือลืมตา แล้วต่อด้วยเชคอากาศ
บอกเลยว่าแทบกรี๊ด 55555+ เพราะ แดดออก 7 โมงถึงเที่ยง
เตรียมตัว เก็บของ พร้อมไปขึ้นกระเช้าตั้งแต่ 7 โมง
ลุ้นมาก เพราะ 6 โมงกว่ายังฝนตก ฟ้าครึ้ม
แต่พอ 7โมงเท่านั้นแหละคุณผู้โชม ฟ้าก็เปิด ฝนหาย แบบเห้ย มหัศจรรย์ วิ่งไปแชะภาพริมระเบียงห้อง
บนยอดเขา ที่แหลมๆ ถ้ามองไปจะเห็นเป็นแท่งๆ นั่นแหละคือจุดหมายปลายทางครั้งนี้ของพวกเราสามคน
วันอากาศดี มีความสุข ตักตวงความสวยและความสุขให้ได้มากที่สุด
เดินร่อนกันทั่วเมือง จะบอกว่าสวยมากๆๆ หลาย ๆ มุมที่เห็นนี่แบบ แทบเอามือทาบอก 5555
โรงแรมจะตั้งอยู่ติดกับตลาดนัดวันเสาร์ เป็นตลาดตอนเช้าของเมือง ขายอาหาร ผัก ผลไม้และขนมน่ารักมากมาย
ผ่านสวนดอกไม้ ไม่รุ้อะไรเลอค่ากว่ากัน ระหว่างสีดอกไม้ หรือสีกางเกงคุณนาย
เดินไปถึงจุดที่จะขึ้นกระเช้า มาตอนแรกยังไม่เปิด เราก็แบบรุ้สึกเสียดายเวลา เพราะฝ้าเปิดแป๊ปเดียว
เลยเดินไปอีกฟากของเมือง ก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นที่พักแถวๆทางขี้นกระเช้า Balcony แบบ Modern
รูปนี้คล้ายๆญี่ปุ่นเลย
สักหน่อยนึง
อีกนิดนึง
ถึงเวลาอันสมควร กลับไปซื้อตั๋วแบบชิวล์ๆ
แต่เอ๊ะ นั่นอัลไล ตะเตือนไต ทำไม!!! คิวยาววววววเยี่ยงนี้ มาจากไหน
เวลาน้อยลงทุกที ยืนต่อคิวอย่างนาน ตั๋วก็ยังไม่ขาย เลื่อนเวลาไป เพราะยังเคลียกระเช้าไม่เสร็จ
ให้สมาชิกต่อแถวไว้ แล้วเราไปเดินถ่ายรูปเล่น แฟร์ๆ อันนี้เป็นป้ายแจ้งข้อมูล ประเภทตั๋วต่างๆ
ก็รอกันไป จนได้ซื้อในที่สุด ตอนประมาณ 10 โมง ซึ่งเค้าจะให้เป็นรอบในการขึ้นกระเช้าด้วยครับ กระเช้าเราได้ไปกระเช้าที่ 5
ขอจบภาคแรกไว้เท่านี้ก่อนนะครับ แล้วจะมาแชร์รูปตอนขึ้นไปข้างบน
ขอบอกเลยว่า ข้างบนนั้น สวยจนลืมสิ่งวุ่นวายต่างๆที่อยู่โลกเบื้องล่างเลย
ตัวอย่างจากโลกข้างบน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ยาวไปหน่อย ถ้าพิมพ์ผิดอย่างไร หรือใช้คำงงๆ ขอโทษด้วยนะครับ
หวังว่าทุกคนจะเอนจอยกับภาพที่นำมาฝากนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น