สวัสดีมนุษยชาติแห่งสังคมออนไลน์
ยินดีต้อนรับสู่การรีแล็กซ์ สายตาผ่านการบรรยาย กึ่งบ่น โดย จขกท.ที่เพี้ยนๆอึนๆใช้ศัพท์วนไปวนมา ก็ ขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้ด้วยนะครับ บางท่านๆอาจจะอ่านๆไปอารมณ์ เสียไป จนเกิด แรงจูงใจ ให้มี อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต กับทาง จขกท.ได้นั้นเอง เวลาอ่านก็ทำใจร่มๆนะครับ เชิญ เลยครับ
กับ ทริป เชียงใหม่ 2เดือน ได้เที่ยว 2วัน โคตรดีใจ
ไม่ขอเล่าเรื่อง 2เดือน เราจะมาเล่าเรื่อง 2วันที่พวกฉันได้ไปเที่ยวกันครับ 2เดือนของการทำงานลูปเก่าๆเดิมๆน่าเบื่อเกิ้น สู้2วันแห่งการเดินทางก็ไม่ได้
แบร่ การเดินทางในครั้งนี้ผู้ร่วมเดินทางได้แตกต่างกันออกไป เป็น สี่คนสองการเดินทางอ่ะครับ งง ดิ
มีขาประจำไปกันสองคนได้แก่
จขกท. ,
คุณอั๋น และสมทบทริปละ 1 คน วันละคนละทริปอ่ะครับ
ได้แก่
คุณเจน และ
คุณอ๊อฟ
เที่ยววันที่ 1 : จขกท , คุณอั๋น , คุณเจน
กับจุดหมาย : วัดพระพุทธบาทสี่รอย
( เมืองก๊ะ(หมู่บ้านม้งห้วยรูเต่า)มันไม่ได้อยู่ในแผนอ่ะครับแต่เวลามันเหลือ เลย มั่วเส้นทางไปเลยได้พบกับสถานที่นี้ครับ )
ออกเดินทางกันเถอะครับ อย่าพูดพร่ำทำเพลงเลยครับ ไปกันไปแอ่วเมืองเหนือฤดูร้อนกันนนน
เชิญพบกับไดอารี่ ของคนสะเปะ สะปะ กันได้เลยครับ
เราจะดิ่งจุดหมายไปที่ วัดพระพุทธบาทสี่รอยกันนะครับ
ชมบรรยากาศระหว่างเดินทางครับ
ช่วงที่ไปนั้นพายุเข้าเชียงใหม่พอดีครับ ทำให้ฟ่าฝน อึมครึม พอสมควร ตกปรอยๆตลอดทาง เลยมีเมฆหมอกครับ
เอ๊ะนั้นอะไร ไหนกัน นั้นไงงงงง --* เพื่ออะไร?
.
.
.
ซุ้มประตูทางเข้า... วัดพระพุทธบาทสี่รอยครับ อลังการมากครับคุณจะรู้สึกได้ถึงพลังของ แอนท์ แมน เลยครับว่า ซุ้มมันใหญ่มาก
ประวัติความเป็นมาของ วัดพระพุทธบบาทสี่รอยนะครับ
ตํานานวัดพระพุทธบาทสี่รอย
เมื่อ ครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจาริกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ ( ประเทศไทยปัจจุบัน ) จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศชื่อ เขาเวภารบรรพตซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์และได้ แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จขณะประทับอยู่ที่นั้นก็ได้ทราบด้วยญาณ สมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ได้มีรอย พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่ คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระ พุทธบาทแห่งพระ พุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระพุทธเจ้ากัสสปะ อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด พระพุทธองค์ตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ที่ ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ทุกๆพระองค์ และแม้นว่าพระศรีอาริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และ จักรประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว ) เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้วพระ องค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์จึงกําเนิดเป็นพระ พุทธบาทสี่รอย เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาท ของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิฐานว่า ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนําเอาพระ ธาตุของกูตถาคมมาบรรจุไว้ที่รอยพระบาทที่นี่ ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว 2,000 ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา เมื่อทรงอธิฐานและทํานายไว้ดังนี้แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไป เชตวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีวันนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นําเอาพระธาตุของพระ พุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธ บาทสี่รอยเมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงแล้วประมาณ 2,000 วัสสา เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระ พุทธองค์ทรงอธิฐานไว้ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ ( เหยี่ยว ) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพตอันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้ เพื่อบินลงไป เอาลูกไก่ชาวบ้าน ( คนป่า )ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปอยู่ยอดเขา มันก็โกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็ติดตามไป ค้นหาดูแต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้นอีก แต่เห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ พรานป่าผู้นั้นก็ทําการสักการะบูชา เสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่ บ้านก็เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟังความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆกันไปแรกแต่นั้น ไปคนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมา จึงได้ชื่อว่า พระบาทรังรุ้ง ( รังเหยี่ยว ) ในสมัยนั้นมีพระยาตนหนึ่งชื่อว่าพระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราช ศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอยก็นําเอาราชเทวีและเสนาพร้อม กับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นําเอาบริวารของตนกลับมาสู้ เมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชมบัติตราบเมี้ยนอายุขัยแล้ว ก็เจริญตามรอยและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาททั้งสี่รอย ทุกๆพระองค์ หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวก็เปลี่ยนชื่อเป็น" พระพุทธบาทสี่รอย " เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงลับมาแล้วในภัทร กัลป์นี้ คือ
1. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ รอยแรกเป็นรอย ใหญ่ยาว 12 ศอก
2. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ เป็นรอยที่ 2 ยาว 9 ศอก
3. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะเป็นรอยที่ 3 ยาว 7 ศอก
4. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ ( ศาสนาปัจจุบัน ) เป็นรอยที่ 4 รอยเล็กที่สุด ยาว 4 ศอก
เมื่อมาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือกผู้ครองนคร เชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร 500 คนก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และได้สร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว โดยแต่เดิมถ้า ใครจะดูรอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไปหรือปีนขึ้นไปดูซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ดังนั้น พระยาธรรมช้างเผือก จึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆนั่งร้านรอบๆก้อนหินที่มีพระ พุทธบาทสี่รอยและได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้ ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไป กราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอยและได้มีพระราชศรัทธา ก่อสร้างวิหารเป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้หนึ่งหลัง หลังเล็กปัจจุบันได้บูรณะปฏิสัง ขรณ์แล้วทั้งหลัง พอมาสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้า พระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สรางพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่ และได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
อีกหนึ่งตำนานความศักดิ์สิทธ์ที่ควรค่าแก่การเดินทางมาสักการะ ณ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากวัดตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี หากเพื่อน ๆ มาเชียงใหม่ อย่าลืมมาสักการะเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตกันน่ะครับ
การเดินทาง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เข้าทาง องค์การบริหารส่วนตำบลริมเหนือ ปากทางเข้าห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่ริมเพียง 2 กิโลเมตร
ทางเข้าที่ 2 สามารถเข้าได้ทางสามแยกปากทางสะลวงห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่ริม 8 กิโลเมตร ถ้าไม่ชำนาญเส้นทางก็สามารถสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ได้ เส้นทางในการเดินทางเป็นภูเขาลาดชัน บางแห่งมีโค้ง และสูงในระดับ 45 องศา หากใครไม่มั่นใจในฝีมือการขับรถ ขอแนะนำว่าอย่าขับขึ้นไปคับ เพราะอันตรายพอสมควร
เลื่อนลงมาชมด้านในของวัดกันครับ
ครูบาศรีวิชัย จะพบว่ามีท่านทุกวัดเลยครับ ใน เชียงใหม่
ส่วนนี้คือ รอยพระพุทธบาทสี่รอยครับ
โบสถ์ของทางวัดครับต้องขึ้นไปอีกนิดนึงง
.
.
.
จบละครับ สถานที่แรก เดี๋ยวผมจะ กลับมาต่อที่ ( เมืองก๊ะ ) นะครับ ตอนนี้ขอไปพักผ่อนก่อนนะครับ
ปล. จขกท เป็นคนขี้เกียจมาก แต่ถ้าเรื่องออกเดินไม่เคยขี้เกียจครับ
ฝากเพจด้วยครับ พูดกันตรงๆเลอออ
https://www.facebook.com/sapeasapha?ref=hl
[CR] ลางานสองวันเพื่อลงหลักที่เชียงใหม่ - หนทางทรหดวัดพระพุทธบาทสี่รอย , บ้านม้งห้วยรูเต่า , เส้นทางวิบากถึงป่าปงเปียง
ยินดีต้อนรับสู่การรีแล็กซ์ สายตาผ่านการบรรยาย กึ่งบ่น โดย จขกท.ที่เพี้ยนๆอึนๆใช้ศัพท์วนไปวนมา ก็ ขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้ด้วยนะครับ บางท่านๆอาจจะอ่านๆไปอารมณ์ เสียไป จนเกิด แรงจูงใจ ให้มี อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต กับทาง จขกท.ได้นั้นเอง เวลาอ่านก็ทำใจร่มๆนะครับ เชิญ เลยครับ
กับ ทริป เชียงใหม่ 2เดือน ได้เที่ยว 2วัน โคตรดีใจ ไม่ขอเล่าเรื่อง 2เดือน เราจะมาเล่าเรื่อง 2วันที่พวกฉันได้ไปเที่ยวกันครับ 2เดือนของการทำงานลูปเก่าๆเดิมๆน่าเบื่อเกิ้น สู้2วันแห่งการเดินทางก็ไม่ได้ แบร่ การเดินทางในครั้งนี้ผู้ร่วมเดินทางได้แตกต่างกันออกไป เป็น สี่คนสองการเดินทางอ่ะครับ งง ดิ
มีขาประจำไปกันสองคนได้แก่ จขกท. , คุณอั๋น และสมทบทริปละ 1 คน วันละคนละทริปอ่ะครับ
ได้แก่ คุณเจน และ คุณอ๊อฟ
เที่ยววันที่ 1 : จขกท , คุณอั๋น , คุณเจน
กับจุดหมาย : วัดพระพุทธบาทสี่รอย
( เมืองก๊ะ(หมู่บ้านม้งห้วยรูเต่า)มันไม่ได้อยู่ในแผนอ่ะครับแต่เวลามันเหลือ เลย มั่วเส้นทางไปเลยได้พบกับสถานที่นี้ครับ )
ออกเดินทางกันเถอะครับ อย่าพูดพร่ำทำเพลงเลยครับ ไปกันไปแอ่วเมืองเหนือฤดูร้อนกันนนน
เราจะดิ่งจุดหมายไปที่ วัดพระพุทธบาทสี่รอยกันนะครับ
เมื่อ ครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจาริกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ ( ประเทศไทยปัจจุบัน ) จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศชื่อ เขาเวภารบรรพตซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์และได้ แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จขณะประทับอยู่ที่นั้นก็ได้ทราบด้วยญาณ สมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ได้มีรอย พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่ คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระ พุทธบาทแห่งพระ พุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระพุทธเจ้ากัสสปะ อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด พระพุทธองค์ตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ที่ ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ทุกๆพระองค์ และแม้นว่าพระศรีอาริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และ จักรประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว ) เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้วพระ องค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์จึงกําเนิดเป็นพระ พุทธบาทสี่รอย เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาท ของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิฐานว่า ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนําเอาพระ ธาตุของกูตถาคมมาบรรจุไว้ที่รอยพระบาทที่นี่ ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว 2,000 ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา เมื่อทรงอธิฐานและทํานายไว้ดังนี้แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไป เชตวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีวันนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นําเอาพระธาตุของพระ พุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธ บาทสี่รอยเมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงแล้วประมาณ 2,000 วัสสา เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระ พุทธองค์ทรงอธิฐานไว้ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ ( เหยี่ยว ) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพตอันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้ เพื่อบินลงไป เอาลูกไก่ชาวบ้าน ( คนป่า )ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปอยู่ยอดเขา มันก็โกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็ติดตามไป ค้นหาดูแต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้นอีก แต่เห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ พรานป่าผู้นั้นก็ทําการสักการะบูชา เสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่ บ้านก็เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟังความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆกันไปแรกแต่นั้น ไปคนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมา จึงได้ชื่อว่า พระบาทรังรุ้ง ( รังเหยี่ยว ) ในสมัยนั้นมีพระยาตนหนึ่งชื่อว่าพระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราช ศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอยก็นําเอาราชเทวีและเสนาพร้อม กับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นําเอาบริวารของตนกลับมาสู้ เมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชมบัติตราบเมี้ยนอายุขัยแล้ว ก็เจริญตามรอยและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาททั้งสี่รอย ทุกๆพระองค์ หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวก็เปลี่ยนชื่อเป็น" พระพุทธบาทสี่รอย " เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงลับมาแล้วในภัทร กัลป์นี้ คือ
1. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ รอยแรกเป็นรอย ใหญ่ยาว 12 ศอก
2. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ เป็นรอยที่ 2 ยาว 9 ศอก
3. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะเป็นรอยที่ 3 ยาว 7 ศอก
4. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ ( ศาสนาปัจจุบัน ) เป็นรอยที่ 4 รอยเล็กที่สุด ยาว 4 ศอก
เมื่อมาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือกผู้ครองนคร เชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร 500 คนก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และได้สร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว โดยแต่เดิมถ้า ใครจะดูรอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไปหรือปีนขึ้นไปดูซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ดังนั้น พระยาธรรมช้างเผือก จึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆนั่งร้านรอบๆก้อนหินที่มีพระ พุทธบาทสี่รอยและได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้ ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไป กราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอยและได้มีพระราชศรัทธา ก่อสร้างวิหารเป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้หนึ่งหลัง หลังเล็กปัจจุบันได้บูรณะปฏิสัง ขรณ์แล้วทั้งหลัง พอมาสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้า พระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สรางพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่ และได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
การเดินทาง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เข้าทาง องค์การบริหารส่วนตำบลริมเหนือ ปากทางเข้าห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่ริมเพียง 2 กิโลเมตร
ทางเข้าที่ 2 สามารถเข้าได้ทางสามแยกปากทางสะลวงห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่ริม 8 กิโลเมตร ถ้าไม่ชำนาญเส้นทางก็สามารถสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ได้ เส้นทางในการเดินทางเป็นภูเขาลาดชัน บางแห่งมีโค้ง และสูงในระดับ 45 องศา หากใครไม่มั่นใจในฝีมือการขับรถ ขอแนะนำว่าอย่าขับขึ้นไปคับ เพราะอันตรายพอสมควร
ปล. จขกท เป็นคนขี้เกียจมาก แต่ถ้าเรื่องออกเดินไม่เคยขี้เกียจครับ
ฝากเพจด้วยครับ พูดกันตรงๆเลอออ https://www.facebook.com/sapeasapha?ref=hl
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น