หลวงปู่ขาวเล่าถึงคำสอนของหลวงปู่มั่นว่า..เกี่ยวกับการหลับการนอนของพระ ต่อไปดังนี้ ..
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านควรขบคิดคำว่า"จำวัด..กับคำว่า..นอน"ซึ่งเป็นคำทั่วๆไป
เทียบกันดูจะเห็นว่าผิดกัน และมีความหมายต่างกันอยู่มาก
ระหว่างคำว่าจำวัดของศากยบุตร กับคำว่านอน นอนของคนและสัตว์ทั่วไป
ดังนั้นความรู้สึกของพระผู้เป็นศากยบุตรที่จะปลงใจจำวัดแต่ละครั้ง
จึงควรมีความสำคัญติดตัวอยู่ในขณะนั้นและเวลาอื่นๆ
จึงจะสมชื่อว่า ผู้ประคองสติ ผู้มีปัญญา คิดอ่านไตรตรองในทุกกรณี
ไม่สักว่าคิด สักว่าพูด สักว่าทำ สักว่านอน สักว่าตื่น สักว่าฉัน สักว่าเดิน สักว่านั่ง...สัก
เป็นอาการปล่อยเกินเพศเกินภูมิของศากยบุตรที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ในวงปฎิบัติมักเข้าใจกันว่าพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายนิพพานไปแล้ว สาปสูญไปแล้ว
ไม่มีความหมายอะไรเกี่ยวข้องกับท่านและตนเองเสียแล้วก็พระธรรมอันเป็นฝ่ายเหตุที่สอนกันให้ปฎิบัติอยู่
เวลานี้เป็นธรรมของท่านผู้ขุดค้นขึ้นมาให้ได้เห็นและได้ปฎิบัติตามเล่าความจริง พุทธะ และสังฆะ
ก็คือดวงใจอันบริสุทธิ์ที่พ้นวิสัยแห่งความตาย และความสาปสูญอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
จะให้ตายให้สาปสูญหมดความหมายไปได้อย่างไรเมื่อธรรมชาติไม่ได้เป็นไปตามสมมติ
มิได้อยู่ในอำนาจของความหมายใดๆ
..พุทธะ"จึงคือ..พุทธะอยู่โดยดี..
..ธัมมะ"จึงคือ..ธัมมะอยู่โดยดี..
และ..สังฆะ..จึงคือสังฆะอยู่โดยดี..
..มิได้สั่นสะเทือนไปกับความสำคัญใดๆแห่งสมมติ ที่เสกสรรทำลายให้เป็นไปตามอำนาจของตน..
ฉะนั้น..การปฎิบัติด้วย ธัมมานุธัมมะ จึงเป็นเหมือนการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
อยู่ตลอดเวลาที่มี ธัมมานุธัมมะ ภายในใจ ..เพราะการเป็นพุทธะ ธัมมะ สังฆะ..โดยหลักธรรมชาติต้องจำต้องรู้ขึ้นที่ใจ ..
ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งธรรมอย่างเหมาะสมสุดส่วนไม่มีภาชนะใดยิ่งไปกว่า..ดังนี้...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
โอวาทธรรมคำสอน..ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งหลวงปู่ขาว ได้นำมาเล่าให้ลูกศิษย์ได้ฟัง
เรื่องจำวัดผิดกันกับคำว่านอน .. หลวงปู่ขาวเล่าถึงคำสอนของหลวงปู่มั่น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านควรขบคิดคำว่า"จำวัด..กับคำว่า..นอน"ซึ่งเป็นคำทั่วๆไป
เทียบกันดูจะเห็นว่าผิดกัน และมีความหมายต่างกันอยู่มาก
ระหว่างคำว่าจำวัดของศากยบุตร กับคำว่านอน นอนของคนและสัตว์ทั่วไป
ดังนั้นความรู้สึกของพระผู้เป็นศากยบุตรที่จะปลงใจจำวัดแต่ละครั้ง
จึงควรมีความสำคัญติดตัวอยู่ในขณะนั้นและเวลาอื่นๆ
จึงจะสมชื่อว่า ผู้ประคองสติ ผู้มีปัญญา คิดอ่านไตรตรองในทุกกรณี
ไม่สักว่าคิด สักว่าพูด สักว่าทำ สักว่านอน สักว่าตื่น สักว่าฉัน สักว่าเดิน สักว่านั่ง...สัก
เป็นอาการปล่อยเกินเพศเกินภูมิของศากยบุตรที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ในวงปฎิบัติมักเข้าใจกันว่าพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายนิพพานไปแล้ว สาปสูญไปแล้ว
ไม่มีความหมายอะไรเกี่ยวข้องกับท่านและตนเองเสียแล้วก็พระธรรมอันเป็นฝ่ายเหตุที่สอนกันให้ปฎิบัติอยู่
เวลานี้เป็นธรรมของท่านผู้ขุดค้นขึ้นมาให้ได้เห็นและได้ปฎิบัติตามเล่าความจริง พุทธะ และสังฆะ
ก็คือดวงใจอันบริสุทธิ์ที่พ้นวิสัยแห่งความตาย และความสาปสูญอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
จะให้ตายให้สาปสูญหมดความหมายไปได้อย่างไรเมื่อธรรมชาติไม่ได้เป็นไปตามสมมติ
มิได้อยู่ในอำนาจของความหมายใดๆ
..พุทธะ"จึงคือ..พุทธะอยู่โดยดี..
..ธัมมะ"จึงคือ..ธัมมะอยู่โดยดี..
และ..สังฆะ..จึงคือสังฆะอยู่โดยดี..
..มิได้สั่นสะเทือนไปกับความสำคัญใดๆแห่งสมมติ ที่เสกสรรทำลายให้เป็นไปตามอำนาจของตน..
ฉะนั้น..การปฎิบัติด้วย ธัมมานุธัมมะ จึงเป็นเหมือนการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
อยู่ตลอดเวลาที่มี ธัมมานุธัมมะ ภายในใจ ..เพราะการเป็นพุทธะ ธัมมะ สังฆะ..โดยหลักธรรมชาติต้องจำต้องรู้ขึ้นที่ใจ ..
ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งธรรมอย่างเหมาะสมสุดส่วนไม่มีภาชนะใดยิ่งไปกว่า..ดังนี้...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
โอวาทธรรมคำสอน..ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งหลวงปู่ขาว ได้นำมาเล่าให้ลูกศิษย์ได้ฟัง