ตั้งใจเขียนรีวิวนี้ลงพันทิปตั้งแต่ก่อนไปเนื่องจากหาข้อมูล backpack อิสราเอลของคนไทยไม่ค่อยมี เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่สนใจค่ะ
ที่จริงเราเที่ยวเองมาตั้งนานแล้ว (แต่นี่เป็นรีวิวที่ 2 ของเราในพันทิป) ถ้าเรามีเวลา มีปัจจัย มีอะไรๆที่ลงตัวเราก็ไป ไปที่ที่เราไม่เคยไป ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมาย แต่เรามักจะเจอคำถามเดิมๆว่าทำไมถึงเลือกมาที่นี่ หรือชอบที่ไหนมากที่สุด.. ทริปอิสราเอลนี่ก็เช่นกัน เราเจอคำถามนี้ไม่ต่ำกว่า 5-6 รอบ.. ถ้าให้ตอบจริงๆคือ ยังไม่เคยไป อยากรู้ อยากเห็น ชอบเดินทางไปในที่ใหม่ๆ ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นแบบ spontaneously ชอบแชร์เรื่องราวกับคนระหว่างทาง ชอบได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ cool มีมุมมองชีวิตที่น่าสนใจ เปิดหู เปิดตา เปิดโลก ได้แรงบันดาลใจ มองอะไรต่างไปจากมุมเดิม ได้สะสมเวลาดีๆ ความทรงจำดีๆมากมาย แล้วก็ได้เรียนรู้ รู้จักตัวเอง รู้จักคน ได้ใช้ทักษะเอาตัวรอด.. และอีกมากมาย (เหตุผล.. ไม่มีอะไรมากมายจริงๆเนอะ) แต่เหตุผล abstract เหล่านี้เราคงไม่กล้าเอาไปตอบคำถามใคร โดนเฉพาะตม.กับเจ้าหน้าที่สถานทูต ;P
มาเที่ยวไปกับเรา สไตล์เรา แบบ คหสต อาจไม่ถูกหลัก(การท่องเที่ยวที่ดี) หรือไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เราไปมาแล้วประมาณ 30 ประเทศ ส่วนใหญ่เราไปเองและเอาตัวรอดได้มาถึงทุกวันนี้.. แต่ผู้อ่านอาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางอย่างอาจจะโลกไม่ค่อยสวย แค่เอาประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าให้ฟังนะคะ
เริ่มจากเราจะไปจอร์แดน (จากเหตุผลด้านบน) ซื้อตั๋วไว้แล้ว และรอเวลาเดินทาง วันหนึ่งเราไปเดินห้าง มีพนักงานขายเป็นฝรั่งมาขายครีมเดดซี คุยเรื่องเดดซีไปมา เราก็บอกว่าเรากำลังจะไปจอร์แดนพอดี เค้าถามเราว่าทำไมไม่ไปฝั่งอิสราเอล? อยู่ๆอิสราเอลก็ปิ๊งเข้ามาในหัว.. มันข้ามฝั่งไปจากจอร์แดนได้ไหมนะ?
ได้ยินเรื่องราวของชาวยิวมามากมายว่าเป็นชนชาติที่ฉลาดสุดๆ เยรูซาเล็มเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นตรงนั้น บ้านเกิดพระเยซู เรื่องราวเกี่ยวกับโมเสส อับราฮัม ถ้าเข้าไปดูกระทู้เก่าของเราเรื่องตามรอยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไปค่ายกักกัน Auschwitz ขบวนการโฮโลคอสต์ที่คนยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มากมายหลายล้านคน การมาซื้อที่ดินที่ตะวันออกกลางแล้วตั้งรัฐอิสราเอล สงครามปาเลสไตน์และประเทศอื่นรอบๆ ทำไมอิสราเอลเจริญ ผู้หญิงวัยรุ่นอิสราเอลสวยๆ แต่ถือปืนอันใหญ่.. อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสนใจอยากมาที่นี่..
พอ google บอกว่าจากอัมมาน สามารถข้าม King Hussein/Allenby crossing ได้ เราก็ google หาเอกสารที่ต้องใช้จากเว็บสถานทูตอิสราเอล เตรียมเอกสารทันที โดยไม่มีคนเชิญและใช้ statement ตัวเอง ไปที่สถานทูตอิสราเอลคนเดียวในวันต่อมา
สถานทูตเปิดทำการถึงเที่ยง (เรามาไกล มาถึงก็เกือบเที่ยงแล้ว) เจ้าหน้าที่ถามว่าเราไปยังไง (แอบเบลอตอบว่าไปเครื่องบิน) ไปเองใช่ไหม เราเลยอธิบายแผนให้ฟังว่าเราจะข้ามด่าน(จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ)ไปจากอัมมาน จอร์แดน เจ้าหน้าที่ถามอีกว่าคุณไปจอร์แดนยังไง ไปเองอีก.. เราเริ่มกลัวว่าจะไม่ได้วีซ่า "คุณไปเขียนแผนมา แล้วผมจะรับ ออกใบเสร็จให้ แต่กงสุลจะเป็นคนพิจารณาว่าหลักฐานที่คุณยื่นมา คุณดูแลตัวเองได้ไหม.. (ทำหน้าซีเรียส เราก็แอบซีเรียส) แต่ผมดู คุณไปมาเยอะแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา" เรากลัวไม่ได้วีซ่า รีบออกตัวบอกว่าเราเดินทางเองคนเดียวทั้งนั้น (ประเทศเหล่านั้นที่ stamp ในวีซ่า) เราดูแลตัวเองได้ เจ้าหน้าที่สถานทูตบอกเราว่าที่นั่นน่ะแพงมาก เอาแค่ junk ก็เกือบเป็นพันแล้ว จอร์แดนก็แพงมาก (แอบฝังใจจำ กลับมา google เค้าก็บอกว่าแพงจริงๆ เลยพกมาม่าปลากระป๋องไปเยอะมาก แต่นิยามคำว่าแพงของแต่ละคนมันต่างกัน คำว่าลำบาก ยาก ก็ต่างกัน..) แอบเถียงเจ้าหน้าที่ว่าแพงกว่ายุโรป ฟินแลนด์ ฯลฯ เหรอ เราก็รอดมาได้นะ "ไม่รู้หล่ะ ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น กงสุลจะเป็นคนพิจารณา ไปพิมพ์ itinerary มายื่นใหม่ก็แล้วกัน"
กลับมา google ถึงได้รู้ว่าข้อมูลคนไทยไปอิสราเอลมีน้อยมาก เค้าบอกว่าไปยากมาก มี security ที่เคร่งครัดมาก ต้องมีคนที่นั่นเชิญเท่านั้น ขนาดจะขึ้นเครื่องยังต้องตรวจตั้งแต่จะขึ้นเครื่อง แล้วเราก็เลยเถิดไปอ่านเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล มอสสาด แล้วก็ด่านที่เราจะข้าม กลายเป็นด่านที่มีการตรวจเคร่งครัดที่สุด เพราะอยู่ตรงเวสแบงก์ เป็นด่านที่ชาวปาเลสไตน์ข้ามออกนอกประเทศได้เพียงจุดเดียว ชาวปาเลสไตน์อยู่ที่อัมมานจอร์แดนเยอะมาก(คนที่นั่นบอกเรามา) บางคนอยู่เวสต์แบงก์แต่ครอบครัวอยู่อัมมาน ก็เดินทางไปมาหากัน ถ้าชาวปาเลสไตน์จะเดินทางไปต่างประเทศ ห้ามใช้สนามบินเบนกูเรียนของอิสราเอลที่เทลอาวีฟ ต้องไปใช้ที่อัมมานประเทศจอร์แดน เท่าที่อ่าน blog มา คือการข้ามด่านที่ King Hussein/Allenby crossing มันน่ากลัวมาก จะต้องเข้าห้องไปตอบคำถามหลายด่านมาก บางคนถูกกักตัวไว้เป็น 10 ชั่วโมง.. คำถามก็เหมือนจับผิด กดดันสุดๆ สิ่งที่อ่าน ที่เค้าว่ามา ทำให้มโนไปไกล ถึงขั้นล้างมือถือ ล้างคอม (ล้างทำไม ไม่ได้จะไปเป็นสปายหรือจะไปก่อการร้ายซะหน่อยเนอะ) สื่อโซเชี่ยลมีเดีย สร้างภาพน่ากลัว น่าตื่นเต้นสุดๆ เราเตรียมตอบคำถาม เตรียมเอกสารไปเป็นปึ๊งๆ (ยังไม่จบ เค้าเล่าให้เราฟังต่ออีกนะที่โฮสเทลที่เราไปพักที่จอร์แดนคืนก่อนข้ามไปอิสราเอล เรื่องความเคร่ง.. แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการมโนอีกแล้ว)
หลังจากได้ข้อมูลเหล่านั้น ใจไปอยู่ที่อิสราเอลแล้ว คือชอบความท้าทาย ลืมจอร์แดนไปเลย กลับมาเขียน itinerary ไปยื่นเอกสารที่สถานทูต ได้วีซ่า กลับมามีคนขู่อีกว่าได้วีซ่าก็ใช่ว่าเค้าจะให้เข้าประเทศนะ แม้แต่ตอนจะขึ้นเครื่องก็โดนเช็คนานมาก เจ้าหน้าที่บอกว่ากลัวผู้โดยสารจะเข้าอิสราเอลไม่ได้ สองประเทศนี้เค้าไม่ถูกกัน เลยบอกไปว่าบินเข้า-ออกจากอัมมาน ถ้าเข้าไม่ได้ก็อยู่ที่จอร์แดน ไม่มีปัญหา..
นอกจากข้อมูลจาก google, webท่องเที่ยว และ blog ท่องเที่ยวต่างๆ เรายังเป็นสมาชิก couchsurfing.org ซึ่งปกติเวลาเดินทางคนเดียวเราจะพัก hostel หรือกับ couchsurfing host เวลาไม่เดินทางเราก็ host นักเดินทาง ทำให้เรามีเพื่อนจากหลายประเทศทั่วโลก เรา post หา host แบบ public 2 ประเทศ (3สินะรวมปาเลสไตน์) ในเวลาประมาณ 1 เดือน เราได้รับประมาณ 150 กว่า invitations เราก็คุยถามคนเหล่านั้น ได้ข้อมูลมากมาย แล้วแผนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามข้อมูลที่มากขึ้น เราวางแผนว่าลงเครื่องที่อัมมานเสร็จก็จะนั่งรถไปที่ด่านเลย ข้ามไปอิสราเอล วันที่ 23 พค. (ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครบอกเราว่ามันคือ Shavuot day) เป็นวันหยุดของคนยิว google บอกว่าด่านเปิดถึงเที่ยง เครื่องลง 9 โมงครึ่ง ต้องนั่งรถต่อไปอีก ปรึกษาเพื่อน couchsurfing จากจอร์แดน จะไปทันมั้ย เลยตัดสินใจนอนที่อัมมาน 1 วัน แต่จองโฮสเทลที่ madaba (แบบไม่รู้ตัว) เก๋มั้ย? คุยไปมาเพื่อนที่ปรึกษาข้อมูลนั่นแหละเลยบอกว่าเดี๋ยวไปรับก็ได้ (คนที่เดินทางคนเดียวเยอะๆจะมี sense ว่าใครไว้ใจได้ จริงๆนะ) นางบอกจะเขียนป้ายมาชูไว้..
มาถึงอัมมาน(ก่อนหน้าเดินทาง 2 อาทิตย์เรามีสอบ แทบจะนอนวันละ 2-3 ชั่วโมง สอบเสร็จเดินทางเลยคืนนั้น มาจอดมุมไบ ดูไบ ไม่ได้นอนทั้งคืน) ก่อนลงโบ๊ะหน้าหน่อย ตอนถ่ายรูปจะได้สวยๆ มาถึงต้องไปแลกเงินแล้วก็ขอวีซ่า on arrival ตม. ถามว่าทำไมมาน้อย(วัน)จัง ทำไมไม่อยู่ 1 เดือน 1 ปี ยูอาร์บิ๊วตี้ฟูล???? เอ๊ะ!!! อัลไล
ออกมาเจอเพื่อน couchsurfing เอาของใส่หลังรถแล้วก็ขับไปเดดซี ตอนเครื่องจะลงมองเห็นแต่ทะเลทราย นี่เหรออัมมาน? ถามเพื่อน(ใหม่) นางบอกบ้าเหรอ.. (อัมมานที่ไหนจะเป็นทะเลทรายแบบนี้) พอเจอเมืองนิดนึงก็ถามนี่อัมมานแล้วเหรอ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ.. นี่มันบ้านคนประปรายตามทาง.. มีพวกยิปซีเร่ร่อนอาศัยตามเตนท์ด้วย เราถามว่าเค้าทำเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวใช่มั้ย?? นางบอก เค้าก็อยู่ของเค้าแบบนี้แหละ นักท่องเที่ยวอะไรเค้าไม่แคร์หรอก
ขับไปเรื่อยๆมีรถถังติดปืน ตื่นเต้นแฮะ เอากล้องมือถือออกมาถ่าย สักพักตำรวจให้จอด เพื่อนใขขับขี่ก็หมดอายุอีก สักพักเจอ "check point" เดินทางมา 2 ประเทศนี้ คำว่า check point เป็น keyword หนึ่งของทริป จะมี check point เยอะมาก เอามือถือออกมาถ่าย ทหารเอาไปลบ บอกว่าห้ามถ่าย ถ้ายังถ่ายอีกจะส่งกลับเมืองไทยนะ ขับไปเรื่อยๆ มีธง มีทหาร มีการห้ามรถวิ่งเลนนี้ เพราะมีการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจอาหรับอะไรสักอย่าง คิงมาที่นี่ด้วย เดดซีที่จอร์แดนมีหาดสาธารณะ แล้วก็มีหาดของโรงแรม มีห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวให้ เราไปหาดที่ไม่ใช่ของโรงแรม แต่มีสระว่ายน้ำ ห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวให้ ราคา 20 JD สำหรับต่างชาติ 4 JD สำหรับคนจอร์แดน เข้าไปมีคนเอาหนังสือพิมพ์ นิตยสารไปนอนลอยทำท่าอ่านเต็มเลย พลอยให้เราอยากอ่านบ้าง ยืมใครก็บอกว่าเค้าจะถ่ายอยู่ มีอีกกลุ่มหนึ่งอ่านนิยาย สลับกันถ่าย เลยไปขอยืมมั่ง ปรากฏว่าลอยๆอยู่แล้วมันพลิก ตัวเรามันพลิก(ปกติเราว่ายน้ำไม่เป็น) แซดเลย เจ้าของหนังสือ หนังสือเปียกเลย เราพยายามขอโทษ ขอซื้อให้ใหม่ หน้าตาเจ้าของแซดเลย.. บอกว่าไม่เป็นไร
บนหาดจะมีโคลนด้วย 3 JD ให้เค้าทาให้ เราเลยขอแผ่นพับโฆษณามาทำท่าลอยอ่าน มาถึงเดดซีทั้งทีต้องได้ลอยอ่านหนังสือสิ ต้องมีรูป เดดซีนี่เค็มจนขม เราดำน้ำด้วยนะ เป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะจะลืมตาไม่ขึ้น แสบตามากกก มี couchsurfing host ชาวอิสราเอลบอกเรา(ตอนเราไปพักกับเค้าที่อิสราเอล)ว่ามีคนสำลักเข้าไป burn อวัยวะภายในต้องเข้าโรงพยาบาลเลยก็มี.. ตายก็มีนะ เค้าบอกมาอีกที
จากนั้น couchsurfing friend ชาวจอร์แดนคนนั้นก็พาไปกินข้าวที่ย่านที่คนท้องถิ่นเค้ามากินกัน ราคาไก่ครึ่งตัว 3.5 JD ประมาณ 175 บาท ที่จอร์แดนกับอิสราเอลเราเห็นไก่หมุนเป็นตัวๆเยอะมาก อร่อยมาก เราชอบสั่งกินตลอดเลย แต่ที่นี่เราเห็นเค้าจะชอบกิน Hummus กับ Falafel กัน คือเราก็ไม่รู้หรอก เวลาเดินทางเราชอบไปแบบสมอง blank เพื่อไปเห็นเองกับตา และตัดสินเองว่าที่นั่นเป็นยังไง (หรือเราอาจจะขี้เกียจ แต่พูดให้ดูดี) แต่หลังจากที่(หลังจากนั้น)เราไปจับกลุ่ม(ชั่วคราว)กับเหล่านักเดินทาง(เจอนักเดินทาง solo คนไทยที่เป็นเจ้าของ blog ท่องเที่ยวด้วย) ทุกคนก็จะแบบ ดื่มเบียร์เพตรา กินอาหารท้องถิ่น Kabab Hummus กับ Falafel เวลาขอบคุณก็จะพูดว่า shokran! อะไรนะ?? คือเราต้องทำตัวแบบนี้ไหม? ถึงจะคูล มีครั้งหนึ่งไปกินข้าวด้วยกัน มีแต่ Hummus กับ Falafel แล้วเราออกไปเดินหาไก่ มีน้องอีกคนจากเลบานอนต้องออกไปกับเรา เราบอกเราไปคนเดียวได้ (น้องพูดภาษาอาหรับได้ บอกว่าแล้วยูรู้เหรอว่าไก่มีขายที่ไหน เลยไปเป็นเพื่อน) พอกลับมาก็มีคนพูดว่า โอ้ ยูไม่สตาร์ฟิ่งแล้วใช่มั้ย แล้วเราก็ได้ไก่เป็นไก่เคบับฝอยๆ ไม่ใช่ไก่ครึ่งตัวที่เราคิดมาตลอดทางว่าถ้ามาถึงจะจัดให้หนัก.. แอบรู้สึกว่าทุกคนแอบนอยด์เรานิดหน่อย(ที่เรื่องมาก) เอามากินกับพริกเป็นช้อนๆ มีคนถามว่าไม่เผ็ดเหรอ.. แอบคิดไปเอง(อีกแล้ว)ว่านักเดินทางคนไทยที่เราเจอก็นอยด์เรา(ถ้ามาอ่านเจอก็ขอโทษด้วยนะคะ) คือเราอยู่ที่นั่นได้แค่ 2-3 วัน ยังไม่ได้ปรับตัวน่ะ มันไม่มีกฎการเดินทางและอะไรที่ทำแล้วคูลใช่มั้ย บางทีเราแอบทำตัวบ้านนอกแบบไทยๆนะ..
[CR] Travel diary: ผู้หญิงคนหนึ่ง solo เดี่ยว เที่ยวจอร์แดน อิสราเอล และปาเลสไตน์ ผ่าน King Hussein/Allenby crossing
ที่จริงเราเที่ยวเองมาตั้งนานแล้ว (แต่นี่เป็นรีวิวที่ 2 ของเราในพันทิป) ถ้าเรามีเวลา มีปัจจัย มีอะไรๆที่ลงตัวเราก็ไป ไปที่ที่เราไม่เคยไป ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมาย แต่เรามักจะเจอคำถามเดิมๆว่าทำไมถึงเลือกมาที่นี่ หรือชอบที่ไหนมากที่สุด.. ทริปอิสราเอลนี่ก็เช่นกัน เราเจอคำถามนี้ไม่ต่ำกว่า 5-6 รอบ.. ถ้าให้ตอบจริงๆคือ ยังไม่เคยไป อยากรู้ อยากเห็น ชอบเดินทางไปในที่ใหม่ๆ ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นแบบ spontaneously ชอบแชร์เรื่องราวกับคนระหว่างทาง ชอบได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ cool มีมุมมองชีวิตที่น่าสนใจ เปิดหู เปิดตา เปิดโลก ได้แรงบันดาลใจ มองอะไรต่างไปจากมุมเดิม ได้สะสมเวลาดีๆ ความทรงจำดีๆมากมาย แล้วก็ได้เรียนรู้ รู้จักตัวเอง รู้จักคน ได้ใช้ทักษะเอาตัวรอด.. และอีกมากมาย (เหตุผล.. ไม่มีอะไรมากมายจริงๆเนอะ) แต่เหตุผล abstract เหล่านี้เราคงไม่กล้าเอาไปตอบคำถามใคร โดนเฉพาะตม.กับเจ้าหน้าที่สถานทูต ;P
มาเที่ยวไปกับเรา สไตล์เรา แบบ คหสต อาจไม่ถูกหลัก(การท่องเที่ยวที่ดี) หรือไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เราไปมาแล้วประมาณ 30 ประเทศ ส่วนใหญ่เราไปเองและเอาตัวรอดได้มาถึงทุกวันนี้.. แต่ผู้อ่านอาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางอย่างอาจจะโลกไม่ค่อยสวย แค่เอาประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าให้ฟังนะคะ
เริ่มจากเราจะไปจอร์แดน (จากเหตุผลด้านบน) ซื้อตั๋วไว้แล้ว และรอเวลาเดินทาง วันหนึ่งเราไปเดินห้าง มีพนักงานขายเป็นฝรั่งมาขายครีมเดดซี คุยเรื่องเดดซีไปมา เราก็บอกว่าเรากำลังจะไปจอร์แดนพอดี เค้าถามเราว่าทำไมไม่ไปฝั่งอิสราเอล? อยู่ๆอิสราเอลก็ปิ๊งเข้ามาในหัว.. มันข้ามฝั่งไปจากจอร์แดนได้ไหมนะ?
ได้ยินเรื่องราวของชาวยิวมามากมายว่าเป็นชนชาติที่ฉลาดสุดๆ เยรูซาเล็มเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นตรงนั้น บ้านเกิดพระเยซู เรื่องราวเกี่ยวกับโมเสส อับราฮัม ถ้าเข้าไปดูกระทู้เก่าของเราเรื่องตามรอยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไปค่ายกักกัน Auschwitz ขบวนการโฮโลคอสต์ที่คนยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มากมายหลายล้านคน การมาซื้อที่ดินที่ตะวันออกกลางแล้วตั้งรัฐอิสราเอล สงครามปาเลสไตน์และประเทศอื่นรอบๆ ทำไมอิสราเอลเจริญ ผู้หญิงวัยรุ่นอิสราเอลสวยๆ แต่ถือปืนอันใหญ่.. อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสนใจอยากมาที่นี่..
พอ google บอกว่าจากอัมมาน สามารถข้าม King Hussein/Allenby crossing ได้ เราก็ google หาเอกสารที่ต้องใช้จากเว็บสถานทูตอิสราเอล เตรียมเอกสารทันที โดยไม่มีคนเชิญและใช้ statement ตัวเอง ไปที่สถานทูตอิสราเอลคนเดียวในวันต่อมา
สถานทูตเปิดทำการถึงเที่ยง (เรามาไกล มาถึงก็เกือบเที่ยงแล้ว) เจ้าหน้าที่ถามว่าเราไปยังไง (แอบเบลอตอบว่าไปเครื่องบิน) ไปเองใช่ไหม เราเลยอธิบายแผนให้ฟังว่าเราจะข้ามด่าน(จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ)ไปจากอัมมาน จอร์แดน เจ้าหน้าที่ถามอีกว่าคุณไปจอร์แดนยังไง ไปเองอีก.. เราเริ่มกลัวว่าจะไม่ได้วีซ่า "คุณไปเขียนแผนมา แล้วผมจะรับ ออกใบเสร็จให้ แต่กงสุลจะเป็นคนพิจารณาว่าหลักฐานที่คุณยื่นมา คุณดูแลตัวเองได้ไหม.. (ทำหน้าซีเรียส เราก็แอบซีเรียส) แต่ผมดู คุณไปมาเยอะแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา" เรากลัวไม่ได้วีซ่า รีบออกตัวบอกว่าเราเดินทางเองคนเดียวทั้งนั้น (ประเทศเหล่านั้นที่ stamp ในวีซ่า) เราดูแลตัวเองได้ เจ้าหน้าที่สถานทูตบอกเราว่าที่นั่นน่ะแพงมาก เอาแค่ junk ก็เกือบเป็นพันแล้ว จอร์แดนก็แพงมาก (แอบฝังใจจำ กลับมา google เค้าก็บอกว่าแพงจริงๆ เลยพกมาม่าปลากระป๋องไปเยอะมาก แต่นิยามคำว่าแพงของแต่ละคนมันต่างกัน คำว่าลำบาก ยาก ก็ต่างกัน..) แอบเถียงเจ้าหน้าที่ว่าแพงกว่ายุโรป ฟินแลนด์ ฯลฯ เหรอ เราก็รอดมาได้นะ "ไม่รู้หล่ะ ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น กงสุลจะเป็นคนพิจารณา ไปพิมพ์ itinerary มายื่นใหม่ก็แล้วกัน"
กลับมา google ถึงได้รู้ว่าข้อมูลคนไทยไปอิสราเอลมีน้อยมาก เค้าบอกว่าไปยากมาก มี security ที่เคร่งครัดมาก ต้องมีคนที่นั่นเชิญเท่านั้น ขนาดจะขึ้นเครื่องยังต้องตรวจตั้งแต่จะขึ้นเครื่อง แล้วเราก็เลยเถิดไปอ่านเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล มอสสาด แล้วก็ด่านที่เราจะข้าม กลายเป็นด่านที่มีการตรวจเคร่งครัดที่สุด เพราะอยู่ตรงเวสแบงก์ เป็นด่านที่ชาวปาเลสไตน์ข้ามออกนอกประเทศได้เพียงจุดเดียว ชาวปาเลสไตน์อยู่ที่อัมมานจอร์แดนเยอะมาก(คนที่นั่นบอกเรามา) บางคนอยู่เวสต์แบงก์แต่ครอบครัวอยู่อัมมาน ก็เดินทางไปมาหากัน ถ้าชาวปาเลสไตน์จะเดินทางไปต่างประเทศ ห้ามใช้สนามบินเบนกูเรียนของอิสราเอลที่เทลอาวีฟ ต้องไปใช้ที่อัมมานประเทศจอร์แดน เท่าที่อ่าน blog มา คือการข้ามด่านที่ King Hussein/Allenby crossing มันน่ากลัวมาก จะต้องเข้าห้องไปตอบคำถามหลายด่านมาก บางคนถูกกักตัวไว้เป็น 10 ชั่วโมง.. คำถามก็เหมือนจับผิด กดดันสุดๆ สิ่งที่อ่าน ที่เค้าว่ามา ทำให้มโนไปไกล ถึงขั้นล้างมือถือ ล้างคอม (ล้างทำไม ไม่ได้จะไปเป็นสปายหรือจะไปก่อการร้ายซะหน่อยเนอะ) สื่อโซเชี่ยลมีเดีย สร้างภาพน่ากลัว น่าตื่นเต้นสุดๆ เราเตรียมตอบคำถาม เตรียมเอกสารไปเป็นปึ๊งๆ (ยังไม่จบ เค้าเล่าให้เราฟังต่ออีกนะที่โฮสเทลที่เราไปพักที่จอร์แดนคืนก่อนข้ามไปอิสราเอล เรื่องความเคร่ง.. แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการมโนอีกแล้ว)
หลังจากได้ข้อมูลเหล่านั้น ใจไปอยู่ที่อิสราเอลแล้ว คือชอบความท้าทาย ลืมจอร์แดนไปเลย กลับมาเขียน itinerary ไปยื่นเอกสารที่สถานทูต ได้วีซ่า กลับมามีคนขู่อีกว่าได้วีซ่าก็ใช่ว่าเค้าจะให้เข้าประเทศนะ แม้แต่ตอนจะขึ้นเครื่องก็โดนเช็คนานมาก เจ้าหน้าที่บอกว่ากลัวผู้โดยสารจะเข้าอิสราเอลไม่ได้ สองประเทศนี้เค้าไม่ถูกกัน เลยบอกไปว่าบินเข้า-ออกจากอัมมาน ถ้าเข้าไม่ได้ก็อยู่ที่จอร์แดน ไม่มีปัญหา..
นอกจากข้อมูลจาก google, webท่องเที่ยว และ blog ท่องเที่ยวต่างๆ เรายังเป็นสมาชิก couchsurfing.org ซึ่งปกติเวลาเดินทางคนเดียวเราจะพัก hostel หรือกับ couchsurfing host เวลาไม่เดินทางเราก็ host นักเดินทาง ทำให้เรามีเพื่อนจากหลายประเทศทั่วโลก เรา post หา host แบบ public 2 ประเทศ (3สินะรวมปาเลสไตน์) ในเวลาประมาณ 1 เดือน เราได้รับประมาณ 150 กว่า invitations เราก็คุยถามคนเหล่านั้น ได้ข้อมูลมากมาย แล้วแผนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามข้อมูลที่มากขึ้น เราวางแผนว่าลงเครื่องที่อัมมานเสร็จก็จะนั่งรถไปที่ด่านเลย ข้ามไปอิสราเอล วันที่ 23 พค. (ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครบอกเราว่ามันคือ Shavuot day) เป็นวันหยุดของคนยิว google บอกว่าด่านเปิดถึงเที่ยง เครื่องลง 9 โมงครึ่ง ต้องนั่งรถต่อไปอีก ปรึกษาเพื่อน couchsurfing จากจอร์แดน จะไปทันมั้ย เลยตัดสินใจนอนที่อัมมาน 1 วัน แต่จองโฮสเทลที่ madaba (แบบไม่รู้ตัว) เก๋มั้ย? คุยไปมาเพื่อนที่ปรึกษาข้อมูลนั่นแหละเลยบอกว่าเดี๋ยวไปรับก็ได้ (คนที่เดินทางคนเดียวเยอะๆจะมี sense ว่าใครไว้ใจได้ จริงๆนะ) นางบอกจะเขียนป้ายมาชูไว้..
มาถึงอัมมาน(ก่อนหน้าเดินทาง 2 อาทิตย์เรามีสอบ แทบจะนอนวันละ 2-3 ชั่วโมง สอบเสร็จเดินทางเลยคืนนั้น มาจอดมุมไบ ดูไบ ไม่ได้นอนทั้งคืน) ก่อนลงโบ๊ะหน้าหน่อย ตอนถ่ายรูปจะได้สวยๆ มาถึงต้องไปแลกเงินแล้วก็ขอวีซ่า on arrival ตม. ถามว่าทำไมมาน้อย(วัน)จัง ทำไมไม่อยู่ 1 เดือน 1 ปี ยูอาร์บิ๊วตี้ฟูล???? เอ๊ะ!!! อัลไล
ออกมาเจอเพื่อน couchsurfing เอาของใส่หลังรถแล้วก็ขับไปเดดซี ตอนเครื่องจะลงมองเห็นแต่ทะเลทราย นี่เหรออัมมาน? ถามเพื่อน(ใหม่) นางบอกบ้าเหรอ.. (อัมมานที่ไหนจะเป็นทะเลทรายแบบนี้) พอเจอเมืองนิดนึงก็ถามนี่อัมมานแล้วเหรอ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ.. นี่มันบ้านคนประปรายตามทาง.. มีพวกยิปซีเร่ร่อนอาศัยตามเตนท์ด้วย เราถามว่าเค้าทำเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวใช่มั้ย?? นางบอก เค้าก็อยู่ของเค้าแบบนี้แหละ นักท่องเที่ยวอะไรเค้าไม่แคร์หรอก
ขับไปเรื่อยๆมีรถถังติดปืน ตื่นเต้นแฮะ เอากล้องมือถือออกมาถ่าย สักพักตำรวจให้จอด เพื่อนใขขับขี่ก็หมดอายุอีก สักพักเจอ "check point" เดินทางมา 2 ประเทศนี้ คำว่า check point เป็น keyword หนึ่งของทริป จะมี check point เยอะมาก เอามือถือออกมาถ่าย ทหารเอาไปลบ บอกว่าห้ามถ่าย ถ้ายังถ่ายอีกจะส่งกลับเมืองไทยนะ ขับไปเรื่อยๆ มีธง มีทหาร มีการห้ามรถวิ่งเลนนี้ เพราะมีการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจอาหรับอะไรสักอย่าง คิงมาที่นี่ด้วย เดดซีที่จอร์แดนมีหาดสาธารณะ แล้วก็มีหาดของโรงแรม มีห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวให้ เราไปหาดที่ไม่ใช่ของโรงแรม แต่มีสระว่ายน้ำ ห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวให้ ราคา 20 JD สำหรับต่างชาติ 4 JD สำหรับคนจอร์แดน เข้าไปมีคนเอาหนังสือพิมพ์ นิตยสารไปนอนลอยทำท่าอ่านเต็มเลย พลอยให้เราอยากอ่านบ้าง ยืมใครก็บอกว่าเค้าจะถ่ายอยู่ มีอีกกลุ่มหนึ่งอ่านนิยาย สลับกันถ่าย เลยไปขอยืมมั่ง ปรากฏว่าลอยๆอยู่แล้วมันพลิก ตัวเรามันพลิก(ปกติเราว่ายน้ำไม่เป็น) แซดเลย เจ้าของหนังสือ หนังสือเปียกเลย เราพยายามขอโทษ ขอซื้อให้ใหม่ หน้าตาเจ้าของแซดเลย.. บอกว่าไม่เป็นไร
บนหาดจะมีโคลนด้วย 3 JD ให้เค้าทาให้ เราเลยขอแผ่นพับโฆษณามาทำท่าลอยอ่าน มาถึงเดดซีทั้งทีต้องได้ลอยอ่านหนังสือสิ ต้องมีรูป เดดซีนี่เค็มจนขม เราดำน้ำด้วยนะ เป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะจะลืมตาไม่ขึ้น แสบตามากกก มี couchsurfing host ชาวอิสราเอลบอกเรา(ตอนเราไปพักกับเค้าที่อิสราเอล)ว่ามีคนสำลักเข้าไป burn อวัยวะภายในต้องเข้าโรงพยาบาลเลยก็มี.. ตายก็มีนะ เค้าบอกมาอีกที
จากนั้น couchsurfing friend ชาวจอร์แดนคนนั้นก็พาไปกินข้าวที่ย่านที่คนท้องถิ่นเค้ามากินกัน ราคาไก่ครึ่งตัว 3.5 JD ประมาณ 175 บาท ที่จอร์แดนกับอิสราเอลเราเห็นไก่หมุนเป็นตัวๆเยอะมาก อร่อยมาก เราชอบสั่งกินตลอดเลย แต่ที่นี่เราเห็นเค้าจะชอบกิน Hummus กับ Falafel กัน คือเราก็ไม่รู้หรอก เวลาเดินทางเราชอบไปแบบสมอง blank เพื่อไปเห็นเองกับตา และตัดสินเองว่าที่นั่นเป็นยังไง (หรือเราอาจจะขี้เกียจ แต่พูดให้ดูดี) แต่หลังจากที่(หลังจากนั้น)เราไปจับกลุ่ม(ชั่วคราว)กับเหล่านักเดินทาง(เจอนักเดินทาง solo คนไทยที่เป็นเจ้าของ blog ท่องเที่ยวด้วย) ทุกคนก็จะแบบ ดื่มเบียร์เพตรา กินอาหารท้องถิ่น Kabab Hummus กับ Falafel เวลาขอบคุณก็จะพูดว่า shokran! อะไรนะ?? คือเราต้องทำตัวแบบนี้ไหม? ถึงจะคูล มีครั้งหนึ่งไปกินข้าวด้วยกัน มีแต่ Hummus กับ Falafel แล้วเราออกไปเดินหาไก่ มีน้องอีกคนจากเลบานอนต้องออกไปกับเรา เราบอกเราไปคนเดียวได้ (น้องพูดภาษาอาหรับได้ บอกว่าแล้วยูรู้เหรอว่าไก่มีขายที่ไหน เลยไปเป็นเพื่อน) พอกลับมาก็มีคนพูดว่า โอ้ ยูไม่สตาร์ฟิ่งแล้วใช่มั้ย แล้วเราก็ได้ไก่เป็นไก่เคบับฝอยๆ ไม่ใช่ไก่ครึ่งตัวที่เราคิดมาตลอดทางว่าถ้ามาถึงจะจัดให้หนัก.. แอบรู้สึกว่าทุกคนแอบนอยด์เรานิดหน่อย(ที่เรื่องมาก) เอามากินกับพริกเป็นช้อนๆ มีคนถามว่าไม่เผ็ดเหรอ.. แอบคิดไปเอง(อีกแล้ว)ว่านักเดินทางคนไทยที่เราเจอก็นอยด์เรา(ถ้ามาอ่านเจอก็ขอโทษด้วยนะคะ) คือเราอยู่ที่นั่นได้แค่ 2-3 วัน ยังไม่ได้ปรับตัวน่ะ มันไม่มีกฎการเดินทางและอะไรที่ทำแล้วคูลใช่มั้ย บางทีเราแอบทำตัวบ้านนอกแบบไทยๆนะ..
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น