สวัสดีค่าาาา วันนี้จะมารีวิวเที่ยวประเทศ "อิสราเอล" 10 วัน ไปเองแบบไม่ง้อทัวร์ ด้วยเพราะว่าประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่คนค่อนข้างไปเที่ยวน้อย ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่สำหรับหมู่คนไทย เลยมีข้อมูลน้อยมากกกก ตอนจะไป คือ มีข้อมูลน้อยมากจริงๆ ประสบการณ์การเที่ยวครั้งนี้ เลยเก็บรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจไปเที่ยวประเทศนี้กันนะค่าา
ขอวีซ่า
เริ่มแรกเลย ก็ต้องเป็นเรื่องการขอวีซ่าค่ะ เพราะประเทศนี้ถ้าจะเที่ยวเราต้องมีวีซ่ากันก่อน รายละเอียดก็ตามข้อมูลด้านล่าง หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของสถานฑูตได้เลยค่ะ วันที่ส่งเอกสารถ้าไม่สะดวกมาเอง สามารถมีตัวแทนไปได้ค่ะ ไปยื่นเอกสาร จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะนัดสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนนั้นก็ไปรับเล่มค่ะ (ในส่วนของเรา ท่านทูตขอนัดสัมภาษณ์ให้มาด้วยตัวเอง พร้อมแม่กับพี่ชาย เพราะเห็นข้อมูลว่าเราเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน)
เมื่อได้วีซ่าก็เตรียมแพลนเที่ยว แพ็คกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วออกเดินทางกันเลยยยยยย....
การเข้าประเทศอิสราเอล ด้วยประเทศนี้มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศอย่างที่ทราบกัน ทำให้มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน เช่น สนามบิน สถานนีรถไฟ จะมีด่านที่ตรวจสแกนกระเป๋า เกือบทุกสถานี จะเห็นตำรวจ ทหาร ตามจุดต่างๆ ถือปืน คอยคุมสถานการณ์ รวมถึง ด่าน ตม.ก็จะคอยถามว่ามาอยู่กี่วัน อยู่กับใคร รู้จักใครที่นี่มั้ย ก็ตอบตามความจริงไปได้เลยค่ะ
(เรามาเที่ยว 10 วัน ไม่เจอเหตุการณ์อะไรที่น่ากลัวเลยค่ะ ทุกเมืองที่ไปดีหมด สงบ สะอาด อากาศดี)
สถานที่เที่ยว
•เทลอาวีฟ
เมืองแรกที่แนะนำให้ไปเที่ยว คือ เทลอาวีฟ เมืองติดชายทะเล ที่เดินทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ร้านตามข้างทางก็มีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ บาร์ ร้านไอติม ขนมปัง ร้านตัดผม ฟุตบาทบ้านเค้าเดินไม่เบื่อเลย ผู้คนเดินกัน ออกกำลังกาย จูงหมาเดินเล่น นั่งชิลตามร้านกาแฟ เป็นเมืองที่เราว่า ผู้คนเค้าชิลมากกก ยิ่งวันไหนเป็นวันศุกร์หรือเสาร์ที่เป็นวันหยุด คือตามสวนสาธารณะ ลานน้ำพุ ผู้คนจับจองพื้นที่กันหมด พอตกกลางคืน ร้านที่เป็นคาเฟ่กลางวันก็กลายเป็นบาร์ เต็มทุกร้าน ขายดีไปหมดเลย แต่เท่าที่สังเกต เหมือนจะมีแต่วัยรุ่น วัยทำงานสำหรับเมืองนี้นะ โดย จขกท พักเมืองนี้ตลอดทั้งทริปค่ะ จองห้องจาก air bnb
•เยรูซาเล็ม
เมืองประวัติศาสตร์ ที่ใครมาประเทศนี้ ก็ต้องแวะมาเมืองนี้สักครั้ง เป็นเมืองสำคัญทางศาสนา ได้รับขนานนามว่า "นครศักดิ์สิทธิ์" ของศาสนาทั้งสาม ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาห์ และศาสนาอิสลาม มีสถานที่สำคัญหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น กำแพงร้องไห้, Dome of the Rock โดมทองคำ, Church of the Holy Sepulchre
•มาซาดา MASADA
ป้อมปราสาทมาซาดา เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวของประเทศอิสราเอล เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ สมัยกรีก-โรมัน มันคือป้อมปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นอยู่บนยอดเขาสูงเหนือทะเลเดดซี ด้วยความสูงของมันเลยมีกระเช้าบริการ เพื่อไปชมป้อมปราสาทด้านบน แต่ถ้าใครจะท้าความแข็งแรงของข้อเข่าข้อขา ก็สามารถเดินขึ้นไปได้ มีทางสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทายนี้ (ส่วนเรานั้น ด้วยข้อเข่าที่มีคอลลาเจนอยู่น้อยนิด ก็ขึ้นกระเช้าไปค่ะ) เดิมทีป้อมนี้ เป็นสถานที่ให้สำหรับกษัตริย์เฮโรดมหาราชพักผ่อน มีทั้งโรงอาบน้ำ ซาวน่า ห้องเก็บเสบียง แต่ต่อมาถูกใช้มาเป็นป้อมหลบภัยของชาวยิวที่ต่อต้านการรุกรานจากทหารโรมัน
**ขึ้นมาบนนี้ อากาศจะค่อนข้างร้อนแล้วก็แห้งแล้งนะคะ แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าสบายๆ แล้วก็มีเสียค่าตั๋วเข้าชมด้วยค่ะ
•เดดซี DEAD SEA
ทะเลสาบน้ำเค็ม ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นทะเลสาบน้ำเค็มลึกที่สุดในโลก ด้วยค่าความเค็มที่เยอะมาก ทำให้คนที่ลงไปเล่นน้ำ ลอยน้ำได้ ไม่จม รวมทั้งนำโคลนตรงทะเลสาบมาพอกตัว เพราะเชื่อกันว่า โคลนบริเวณนั้น มีแร่ธาตุที่ช่วยทำให้ผิวนุ่มลื่น มองจากตอนอยู่บนรถ คือน้ำใสมากกกก น่าเล่นสุดๆ …แต่ใดๆ ด้วยความที่ จขกท ไม่รู้จะเดินทางไปทะเลเดดซียังไง เพราะมันห่างไกลจากตัวเมืองที่พักมากกกก เลยซื้อแบบ one day tour ของทางเว็บ Tourist Israel ซึ่งมีหลายทัวร์ให้เราเลือก แต่เราเลือกมาเดดซีรวมถึงได้ของแถมมาเที่ยวมาซาด้าด้วย แต่การมากับทัวร์นั้น สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ การกระจุกของกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจุดที่ให้ลงน้ำของทะเลเดดซีมีหลายที่นะคะ แต่จุดที่ทัวร์เราจอดคนเยอะมว๊ากกกก คนลอยน้ำกันเต็มไปหมด ควักโคลนทาตัวกัน จนน้ำไม่ใสแล้ว เป็นน้ำดำไปแล้ว 55555
แม่บอกว่า ถ้ารอบหน้ามีโอกาสมาอีก จะเอาใหม่ เหมารถมาเลย เพราะเค้าคาดหวังมาก ว่าจะได้น้ำสีสวยใส คนไม่เยอะ เล่นสบายๆ แต่สิ่งที่ได้…5555 แม่ลงไปประมาณ 5 นาที บอกพอแล้ว เอาแค่นี้แหละ แล้วก็พลัดกันลง คนเยอะค่ะ แต่ถือว่าเป็นจุดที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกครบนะคะ ไม่ว่าจะห้องอาบน้ำ แต่งตัว ร้านอาหาร รวมถึงร้านของฝาก ใครมาก็อย่าลืมพกเสื้อผ้ามาเปลี่ยน มาเองดีที่สุดค่ะ อาจจะต้องเหมารถ เพราะอยู่ไกลจริงๆ อีกนิดเดียวคือข้ามไปประเทศจอร์แดนแล้ว
•ไฮฟา Haifa
เมืองท่าของประเทศอิสราเอล มีสถานที่สำคัญหลายจุด โดยเฉพาะเป็นที่ตั้งของ สวนบาไฮ Bahai Garden หนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาติดชายทะเล บ้านเรือนที่พักถูกสร้างตามเชิงเขาไต่ระดับขึ้นไปจนถึงยอด สวนบาไฮคือเด่นมาก เพราะพื้นที่ที่เค้าใช้ เกือบจะเป็นภูเขาด้านนึงไปเลย จขกท นั่งรถโดยสารขึ้นไปจนถึงยอด จะได้วิวของเมืองไฮฟาที่สวยงามมาก อยากนั่งโง่ๆรับชมวิวอยู่บนนั่นนานๆเลย
ตอนที่ไป เค้าไม่อนุญาต ให้เข้าไปข้างใน เลยไม่รู้ว่าปกติเค้าให้เข้าชมมั้ย หรือทางเราเข้าผิดประตูก็ไม่รู้ แต่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ควรมาเยือน เพราะสวยมากจริงๆ นั่งโง่ๆริมทะเลไม่ได้แล้ว ต้องมานั่งโง่ๆรับวิวแถวนี้แทน ปล่อยใจสุด
ต่อจากไปดูสวน ที่นี่มีกิจกรรมนั่งกระเช้าชมเมืองด้วยค่ะ
มาต่อค่ะ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สามารถหาข้อมูลได้อยู่แล้วในเน็ต เอามาให้ดูแค่นิดๆหน่อยๆ แต่ที่หายากเหลือเกิน คือ วิธีการเดินทาง โดยเฉพาะคนที่ต้องการเดินทางเอง ไม่ไปกับทัวร์ ตอนหาข้อมูลคือยากมาก เลยไปแบบงูๆปลาๆ ไปหาข้อมูลเอาข้างหน้าค่ะ วันนี้เลยจะมาแนะนำวิธี เผื่อใครจะไปค่ะ
วิธีการเดินทาง
สำหรับหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอิสราเอล เราแนะนำให้ซื้อบัตร ที่เรียกว่า Ravkav ราฟคาฟ อ่านแบบนี้รึเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ สามารถซื้อได้ตามสนามบิน สถานีรถไฟ หรือร้าน Super pharm เป็นร้านขายยา ขายเวชภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้สารพัดสิ่ง คล้ายเซเว่น กระจายอยู่ตามในเมือง มีขายบัตรค่ะ เติมเงินมาให้พร้อมในบัตรเลย
หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้ค่ะ ใช้ได้ทั้งรถเมล์ประจำทาง รถไฟ สะดวกมากกก เงินหมด ก็ไปเติมตามสถานีรถไฟ หรือตามร้าน
ในส่วนของแอพ ที่แนะนำให้โหลดไว้ ชื่อแอพ moovit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยเราสามารถ พิมพ์สถานที่ที่เราจะไป แล้วในแอพจะบอกหมดเลยค่ะ มันจะประมวลผลให้เรา ว่าต้องขึ้นรถเมล์สายไหน เดินไปกี่นาทีถึง รถจะมากี่โมง ตอนนี้รถสายนี้อยู่ตำแหน่งไหน คือบอกหมดเลยยยย อเมซิ่งมากกกก เพราะเมืองไทยไม่มี 55555 ช่วงแรกอาจจะงงๆหน่อย แต่จะบอกว่าสะดวกมากค่ะ รถมาตามเวลาที่บอกในแอพเป๊ะ เพราะเค้าติดจีพีเอสในรถด้วย เนี่ยสินะ ที่เรียกว่า ความเจริญ คิดสภาพว่าถ้าเอาแอพนี้ไปใช้ที่ไทย ต้องรอรถเมล์นานแค่ไหนเนี่ย ชะเง้อรอไป หันไปคุยเล่นเสียสมาธิไม่ได้เลย เดี๋ยวรถมาไม่เห็นอีก เห้อออ!!!
ป้ายรถเมล์ แต่ละป้ายก็จะมีหมายเลขบอก ว่ารถสายไหน มาจอดบ้าง ไม่ได้จอดทุกป้ายเหมือนบ้านเรา เพราะฉะนั้น ก็จะลดเรื่องความแออัดไปได้ คนที่จะขึ้นก็ต้องดูดีๆ ว่าเราจะขึ้นสายอะไร แต่ถ้าเดินตามที่แอพบอก ก็คือชัวร์สุด ไม่มีผิดพลาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันที่จริง กะว่าจะถ่ายอีกา บ้านเค้า เห็นสีแปลก แต่ดันมีป้ายรถมาให้เพื่อนๆดูเป็นตัวอย่างพอดี
พอได้ขึ้นรถเมล์ ก็ใช้บัตรที่มี แตะไปที่เสาได้เลยค่ะ ในส่วนของรถไฟก็เช่นกัน ในแอพจะบอกหมดว่าขึ้นรถไฟโบกี้ไหน ขึ้นชานชาลาเลขอะไร เพื่อไปถึงเป้าหมายของเราที่เราจะไป
หน้าตารถไฟก็จะประมาณนี้ค่ะ ทั้งรถเมล์ รถไฟ สะอาดหมด ห้องแอร์มีที่นั่ง รถไฟบางโบกี้มี 2 ชั้น สะดวกไปอีก
**อันนี้ข้อแนะนำ สำหรับคนที่จะไปเมืองไฮฟา แล้วต้องขึ้นรถไฟไปนะคะ แนะนำนั่งฝั่งซ้ายติดกระจกบานใหญ่ๆๆ วิวดีมว๊ากกกก เป็นวิวทะเล แบบสวยสุด ดีสุด แต่อันนี้ด้วยความไม่รู้เลยได้นั่งอีกฝั่ง เลยได้แต่ถ่ายวิวชายหนุ่มสองคนแทน 5555 ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิวที่ดีเช่นกันนน 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บอกไปว่า ชั้นรักเค้าาาาาา 55555
อาหาร
ในส่วนของอาหาร ที่อิสราเอลจะมีอาหารที่ขายกันอยู่ทั่วทั้งเมือง ซึ่งก็น่าจะเป็นอาหารประจำชาติของที่นี่ ก็ คือ shawarma (ชะ-วา-ม่า)
เป็นเนื้อสัตว์ที่สไลด์มาบางเป็นชิ้น กินกับแป้งพีต้า มี hummus(ไม่แน่ใจเรียก ฮัมมุสหรือฮัมมัส แต่ตอนที่ไปเรียกฮัมมุสก็สั่งได้เหมือนกัน) เป็นเหมือนเครื่องจิ้มทำจากถั่วกินด้วยกัน ใส่ผักนานาชนิด โดยเฉพาะผักดอง ที่นี่จะมีให้เลือกหลากหลาย ผักดองดีมากกก อร่อย และก็มี Falafel (ฟา-ลา-เฟล) เป็นเหมือนอาหารสังวิรัติ เป็นของทอดมีส่วนผสมจากถั่วเป็นหลัก แล้วก็เครื่องเทศ กินกับแป้งพีต้าและฮัมมุสเหมือนเดิม
เรียกได้ว่า กินจนเอียน เพราะไม่มีอย่างอื่นให้กินเลย แนะนำให้เอามาม่าไปด้วยดีที่สุด กินได้สองวัน สุดท้ายต้องหาร้านอาหารไทยกิน นอกนั้นร้านต่างๆก็เป็นพวกร้านพิซซ่า เบอร์เกอร์ จีน ญี่ปุ่น คละกันไป แต่ถ้าเป็นร้านอิสราเอลก็คือขายอยู่แค่เมนูพวกนี้ 5555 หรือเดินไม่ทั่วก็ไม่รู้ ไม่เหมือนที่ไทย เรายังมีอาหารหลากหลาย ทั้ง ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ข้าวตามสั่ง บลาๆ เยอ
[CR] รีวิวเที่ยว “อิสราเอล 10 วัน” ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ขอวีซ่า
เริ่มแรกเลย ก็ต้องเป็นเรื่องการขอวีซ่าค่ะ เพราะประเทศนี้ถ้าจะเที่ยวเราต้องมีวีซ่ากันก่อน รายละเอียดก็ตามข้อมูลด้านล่าง หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของสถานฑูตได้เลยค่ะ วันที่ส่งเอกสารถ้าไม่สะดวกมาเอง สามารถมีตัวแทนไปได้ค่ะ ไปยื่นเอกสาร จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะนัดสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนนั้นก็ไปรับเล่มค่ะ (ในส่วนของเรา ท่านทูตขอนัดสัมภาษณ์ให้มาด้วยตัวเอง พร้อมแม่กับพี่ชาย เพราะเห็นข้อมูลว่าเราเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน)
เมื่อได้วีซ่าก็เตรียมแพลนเที่ยว แพ็คกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วออกเดินทางกันเลยยยยยย....
การเข้าประเทศอิสราเอล ด้วยประเทศนี้มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศอย่างที่ทราบกัน ทำให้มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน เช่น สนามบิน สถานนีรถไฟ จะมีด่านที่ตรวจสแกนกระเป๋า เกือบทุกสถานี จะเห็นตำรวจ ทหาร ตามจุดต่างๆ ถือปืน คอยคุมสถานการณ์ รวมถึง ด่าน ตม.ก็จะคอยถามว่ามาอยู่กี่วัน อยู่กับใคร รู้จักใครที่นี่มั้ย ก็ตอบตามความจริงไปได้เลยค่ะ
(เรามาเที่ยว 10 วัน ไม่เจอเหตุการณ์อะไรที่น่ากลัวเลยค่ะ ทุกเมืองที่ไปดีหมด สงบ สะอาด อากาศดี)
สถานที่เที่ยว
•เทลอาวีฟ
เมืองแรกที่แนะนำให้ไปเที่ยว คือ เทลอาวีฟ เมืองติดชายทะเล ที่เดินทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ร้านตามข้างทางก็มีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ บาร์ ร้านไอติม ขนมปัง ร้านตัดผม ฟุตบาทบ้านเค้าเดินไม่เบื่อเลย ผู้คนเดินกัน ออกกำลังกาย จูงหมาเดินเล่น นั่งชิลตามร้านกาแฟ เป็นเมืองที่เราว่า ผู้คนเค้าชิลมากกก ยิ่งวันไหนเป็นวันศุกร์หรือเสาร์ที่เป็นวันหยุด คือตามสวนสาธารณะ ลานน้ำพุ ผู้คนจับจองพื้นที่กันหมด พอตกกลางคืน ร้านที่เป็นคาเฟ่กลางวันก็กลายเป็นบาร์ เต็มทุกร้าน ขายดีไปหมดเลย แต่เท่าที่สังเกต เหมือนจะมีแต่วัยรุ่น วัยทำงานสำหรับเมืองนี้นะ โดย จขกท พักเมืองนี้ตลอดทั้งทริปค่ะ จองห้องจาก air bnb
•เยรูซาเล็ม
เมืองประวัติศาสตร์ ที่ใครมาประเทศนี้ ก็ต้องแวะมาเมืองนี้สักครั้ง เป็นเมืองสำคัญทางศาสนา ได้รับขนานนามว่า "นครศักดิ์สิทธิ์" ของศาสนาทั้งสาม ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาห์ และศาสนาอิสลาม มีสถานที่สำคัญหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น กำแพงร้องไห้, Dome of the Rock โดมทองคำ, Church of the Holy Sepulchre
•มาซาดา MASADA
ป้อมปราสาทมาซาดา เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวของประเทศอิสราเอล เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ สมัยกรีก-โรมัน มันคือป้อมปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นอยู่บนยอดเขาสูงเหนือทะเลเดดซี ด้วยความสูงของมันเลยมีกระเช้าบริการ เพื่อไปชมป้อมปราสาทด้านบน แต่ถ้าใครจะท้าความแข็งแรงของข้อเข่าข้อขา ก็สามารถเดินขึ้นไปได้ มีทางสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทายนี้ (ส่วนเรานั้น ด้วยข้อเข่าที่มีคอลลาเจนอยู่น้อยนิด ก็ขึ้นกระเช้าไปค่ะ) เดิมทีป้อมนี้ เป็นสถานที่ให้สำหรับกษัตริย์เฮโรดมหาราชพักผ่อน มีทั้งโรงอาบน้ำ ซาวน่า ห้องเก็บเสบียง แต่ต่อมาถูกใช้มาเป็นป้อมหลบภัยของชาวยิวที่ต่อต้านการรุกรานจากทหารโรมัน
**ขึ้นมาบนนี้ อากาศจะค่อนข้างร้อนแล้วก็แห้งแล้งนะคะ แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าสบายๆ แล้วก็มีเสียค่าตั๋วเข้าชมด้วยค่ะ
•เดดซี DEAD SEA
ทะเลสาบน้ำเค็ม ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นทะเลสาบน้ำเค็มลึกที่สุดในโลก ด้วยค่าความเค็มที่เยอะมาก ทำให้คนที่ลงไปเล่นน้ำ ลอยน้ำได้ ไม่จม รวมทั้งนำโคลนตรงทะเลสาบมาพอกตัว เพราะเชื่อกันว่า โคลนบริเวณนั้น มีแร่ธาตุที่ช่วยทำให้ผิวนุ่มลื่น มองจากตอนอยู่บนรถ คือน้ำใสมากกกก น่าเล่นสุดๆ …แต่ใดๆ ด้วยความที่ จขกท ไม่รู้จะเดินทางไปทะเลเดดซียังไง เพราะมันห่างไกลจากตัวเมืองที่พักมากกกก เลยซื้อแบบ one day tour ของทางเว็บ Tourist Israel ซึ่งมีหลายทัวร์ให้เราเลือก แต่เราเลือกมาเดดซีรวมถึงได้ของแถมมาเที่ยวมาซาด้าด้วย แต่การมากับทัวร์นั้น สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ การกระจุกของกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจุดที่ให้ลงน้ำของทะเลเดดซีมีหลายที่นะคะ แต่จุดที่ทัวร์เราจอดคนเยอะมว๊ากกกก คนลอยน้ำกันเต็มไปหมด ควักโคลนทาตัวกัน จนน้ำไม่ใสแล้ว เป็นน้ำดำไปแล้ว 55555
แม่บอกว่า ถ้ารอบหน้ามีโอกาสมาอีก จะเอาใหม่ เหมารถมาเลย เพราะเค้าคาดหวังมาก ว่าจะได้น้ำสีสวยใส คนไม่เยอะ เล่นสบายๆ แต่สิ่งที่ได้…5555 แม่ลงไปประมาณ 5 นาที บอกพอแล้ว เอาแค่นี้แหละ แล้วก็พลัดกันลง คนเยอะค่ะ แต่ถือว่าเป็นจุดที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกครบนะคะ ไม่ว่าจะห้องอาบน้ำ แต่งตัว ร้านอาหาร รวมถึงร้านของฝาก ใครมาก็อย่าลืมพกเสื้อผ้ามาเปลี่ยน มาเองดีที่สุดค่ะ อาจจะต้องเหมารถ เพราะอยู่ไกลจริงๆ อีกนิดเดียวคือข้ามไปประเทศจอร์แดนแล้ว
•ไฮฟา Haifa
เมืองท่าของประเทศอิสราเอล มีสถานที่สำคัญหลายจุด โดยเฉพาะเป็นที่ตั้งของ สวนบาไฮ Bahai Garden หนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาติดชายทะเล บ้านเรือนที่พักถูกสร้างตามเชิงเขาไต่ระดับขึ้นไปจนถึงยอด สวนบาไฮคือเด่นมาก เพราะพื้นที่ที่เค้าใช้ เกือบจะเป็นภูเขาด้านนึงไปเลย จขกท นั่งรถโดยสารขึ้นไปจนถึงยอด จะได้วิวของเมืองไฮฟาที่สวยงามมาก อยากนั่งโง่ๆรับชมวิวอยู่บนนั่นนานๆเลย
ตอนที่ไป เค้าไม่อนุญาต ให้เข้าไปข้างใน เลยไม่รู้ว่าปกติเค้าให้เข้าชมมั้ย หรือทางเราเข้าผิดประตูก็ไม่รู้ แต่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ควรมาเยือน เพราะสวยมากจริงๆ นั่งโง่ๆริมทะเลไม่ได้แล้ว ต้องมานั่งโง่ๆรับวิวแถวนี้แทน ปล่อยใจสุด
ต่อจากไปดูสวน ที่นี่มีกิจกรรมนั่งกระเช้าชมเมืองด้วยค่ะ
มาต่อค่ะ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สามารถหาข้อมูลได้อยู่แล้วในเน็ต เอามาให้ดูแค่นิดๆหน่อยๆ แต่ที่หายากเหลือเกิน คือ วิธีการเดินทาง โดยเฉพาะคนที่ต้องการเดินทางเอง ไม่ไปกับทัวร์ ตอนหาข้อมูลคือยากมาก เลยไปแบบงูๆปลาๆ ไปหาข้อมูลเอาข้างหน้าค่ะ วันนี้เลยจะมาแนะนำวิธี เผื่อใครจะไปค่ะ
วิธีการเดินทาง
สำหรับหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอิสราเอล เราแนะนำให้ซื้อบัตร ที่เรียกว่า Ravkav ราฟคาฟ อ่านแบบนี้รึเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ สามารถซื้อได้ตามสนามบิน สถานีรถไฟ หรือร้าน Super pharm เป็นร้านขายยา ขายเวชภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้สารพัดสิ่ง คล้ายเซเว่น กระจายอยู่ตามในเมือง มีขายบัตรค่ะ เติมเงินมาให้พร้อมในบัตรเลย
หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้ค่ะ ใช้ได้ทั้งรถเมล์ประจำทาง รถไฟ สะดวกมากกก เงินหมด ก็ไปเติมตามสถานีรถไฟ หรือตามร้าน
ในส่วนของแอพ ที่แนะนำให้โหลดไว้ ชื่อแอพ moovit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป้ายรถเมล์ แต่ละป้ายก็จะมีหมายเลขบอก ว่ารถสายไหน มาจอดบ้าง ไม่ได้จอดทุกป้ายเหมือนบ้านเรา เพราะฉะนั้น ก็จะลดเรื่องความแออัดไปได้ คนที่จะขึ้นก็ต้องดูดีๆ ว่าเราจะขึ้นสายอะไร แต่ถ้าเดินตามที่แอพบอก ก็คือชัวร์สุด ไม่มีผิดพลาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอได้ขึ้นรถเมล์ ก็ใช้บัตรที่มี แตะไปที่เสาได้เลยค่ะ ในส่วนของรถไฟก็เช่นกัน ในแอพจะบอกหมดว่าขึ้นรถไฟโบกี้ไหน ขึ้นชานชาลาเลขอะไร เพื่อไปถึงเป้าหมายของเราที่เราจะไป
หน้าตารถไฟก็จะประมาณนี้ค่ะ ทั้งรถเมล์ รถไฟ สะอาดหมด ห้องแอร์มีที่นั่ง รถไฟบางโบกี้มี 2 ชั้น สะดวกไปอีก
**อันนี้ข้อแนะนำ สำหรับคนที่จะไปเมืองไฮฟา แล้วต้องขึ้นรถไฟไปนะคะ แนะนำนั่งฝั่งซ้ายติดกระจกบานใหญ่ๆๆ วิวดีมว๊ากกกก เป็นวิวทะเล แบบสวยสุด ดีสุด แต่อันนี้ด้วยความไม่รู้เลยได้นั่งอีกฝั่ง เลยได้แต่ถ่ายวิวชายหนุ่มสองคนแทน 5555 ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิวที่ดีเช่นกันนน 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาหาร
ในส่วนของอาหาร ที่อิสราเอลจะมีอาหารที่ขายกันอยู่ทั่วทั้งเมือง ซึ่งก็น่าจะเป็นอาหารประจำชาติของที่นี่ ก็ คือ shawarma (ชะ-วา-ม่า)
เป็นเนื้อสัตว์ที่สไลด์มาบางเป็นชิ้น กินกับแป้งพีต้า มี hummus(ไม่แน่ใจเรียก ฮัมมุสหรือฮัมมัส แต่ตอนที่ไปเรียกฮัมมุสก็สั่งได้เหมือนกัน) เป็นเหมือนเครื่องจิ้มทำจากถั่วกินด้วยกัน ใส่ผักนานาชนิด โดยเฉพาะผักดอง ที่นี่จะมีให้เลือกหลากหลาย ผักดองดีมากกก อร่อย และก็มี Falafel (ฟา-ลา-เฟล) เป็นเหมือนอาหารสังวิรัติ เป็นของทอดมีส่วนผสมจากถั่วเป็นหลัก แล้วก็เครื่องเทศ กินกับแป้งพีต้าและฮัมมุสเหมือนเดิม
เรียกได้ว่า กินจนเอียน เพราะไม่มีอย่างอื่นให้กินเลย แนะนำให้เอามาม่าไปด้วยดีที่สุด กินได้สองวัน สุดท้ายต้องหาร้านอาหารไทยกิน นอกนั้นร้านต่างๆก็เป็นพวกร้านพิซซ่า เบอร์เกอร์ จีน ญี่ปุ่น คละกันไป แต่ถ้าเป็นร้านอิสราเอลก็คือขายอยู่แค่เมนูพวกนี้ 5555 หรือเดินไม่ทั่วก็ไม่รู้ ไม่เหมือนที่ไทย เรายังมีอาหารหลากหลาย ทั้ง ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ข้าวตามสั่ง บลาๆ เยอ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้