Part 0 ความวุ่นวายก่อนเดินทาง
เป็นการไปเที่ยวครั้งแรกที่ต้องวางแผนเอง (ทุกทีเวลาไปเที่ยวแม่จะจัดการทุกอย่าง) แล้วประเด็นคือนี่ไม่ใช่ทริปที่ตั้งใจว่าจะไปในปีนี้ ฮ่าๆ จริงๆแล้วตั้งใจไว้ตั้งแต่ปี 2012 ว่าปีนี้จะไป ออสเตรีย เยอรมัน ฝรั่งเศส แต่ปรากฎวันลาก็ไม่ได้ เพราะทริปจะใช้เวลาเดินทางยาวไกล อาจต้องละซัก15วัน หัวหน้าคงให้ยื่นซองขาวก่อนไปเที่ยว บานเดอะเวอร์เงินเก็บก็ยังไม่พอสำหรับทริปนี้อยู่ดี ฮ่าๆๆ... ซึ่งพี่ก็ยังหน้าด้านจะหาที่เที่ยว ตอนแรกกะว่าจะไปแค่ฝรั่งเศสเพราะวันลาเหลือจากปีที่แล้วเหลือนิดหน่อย แต่คุณหญิงนายแม่บอกว่าขอเชงเก้นทั้งที ไปประเทศเดียว ไม่คุ้มหรอก (เงินละเจ๊เงินล้าๆๆ) ก็เลยเป็นทริปที่ไหลยาว และมีเวลาหาข้อมูลกะเตรียมตัวในช่วงที่สั้นมาก แถมกว่าจะลงตัวว่าจะไปนอนที่ไหนบ้าง เที่ยวที่ไหนบ้างก็ถึงวันที่ต้องเดินทางพอดี ทริปเอื่อยจริงจัง
เริ่มวางแผนหาที่เที่ยวช่วงต้นเดือนมีนา อันดับแรกคือหาช่วงลากับตกลงกับหัวหน้าก่อนเลย แล้วก็ หาข้อมูลต่างๆ (ท้ายๆจะมีลิงค์ตัวอย่างที่ได้ข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวทริปนี้ให้ได้เยี่ยมชม ขอบคุณเจ้าของข้อมุลมา ณ ที่นี้ครัช) กว่าจะได้บทสรุปก็ปาไปกลางเดือนมีนาละ ช่วงลาดันได้ 2-9 มิถุนา ต้องเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 29 พฤษภา ซึ่งวีซ่าควรขอก่อนสงกรานต์เพราะถ้าขอต้นเดือนพฤษภาอาจจะบันเทิงเกินไปหน่อย
มีเวลา 2 อาทิตย์ก่อนขอวีซ่า (ขอวีซ่าในวันที่ 2 เมษา) เตรียมเอกสารที่จะยื่นวีซ่า เตรียมเงิน และตัดสินใจว่าไปเมืองไหนบ้าง แล้วเดินทางยังไงให้สะดวกสุด รวมทั้งดูราคารถไฟ+วิธีจอง และหาโรงแรม เริ่มแรกคือวางแผนคร่าวๆว่าจะไป Paris ต่อไป Colmar ก็ไป Luxembourg จากนั้นก็ นี่คือบทสรุปของเมืองใหญ่ๆที่คิดว่าจะไปพัก
มาที่เรื่องขอวีซ่าก่อน คือคนรอบตัวถามเยอะ (และถามทุกครั้งที่ตูไป) ว่าต้องมีเงินเท่าไรถึงจะขอเชงเก้นได้ คืออันนี้เอาแบบคิดว่าชัวร์จริงๆนะ คือประมาณหลักแสน (แสนนึงก็ได้) แล้วก็ประกอบกับใบรับรองเดือนเงินที่บอกว่าเราทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เริ่มทำงานเมื่อไร (เคสเราทำงานเป็น contract ให้กับบ.A ก็ให้บริษัทที่ consult เราอกให้ว่าเราทำงานให้บริษัทA เงินเดือนเท่าไร ตำแหน่งอะไร เริ่มงานตั้งแต่เมื่อไร จะขอวีซ่าของประเทศอะไร จะไปตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน แล้วก็ให้ ผจก.ฝั่ง consult เซนรับรองพร้อมประทับตราบริษัทมาด้วย...เป็นอันจบ)
ส่วนคนที่มีกิจการเป็นของตัวเอง (แบบกิจการเล็กๆเงินลงทุนน้อยๆ) จะไปเอง และไม่ได้มีคนที่ทำงานประจำไปด้วย...อันนี้พี่ไม่รู้จริงๆว่ะ ไม่ได้มีกิจการเป็นของตัวเอง น่าจะต้องรองปรึกษา TSL ดูได้ พนักงานที่เราไปยื่นเอกสารใจดีอยู่นะ
.....แต่จ๊ะ อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวการพิจาราณาของสถานฑูตไหม เพราะเราเคยเดินทางไปเชงเก้นหลายรอบแล้ว ไอ้เรื่องเงินในบัญชีเลยเฉยๆอะ มีแค่ให้อุ่นใจไม่ถึงแสน และอันนี้ในกรณีคุณหญิงนายแม่ นางไปฝรั่งเศสเมื่อปี 2012 แล้วในวีซ่ามีตัวอักษร 3 ตัวว่า ‘VIS’ มาขอครั้งนี้ จริงๆเราขอท่องเที่ยงระยะสั้นแค่ 90 วัน แต่นางบอกจนท.ว่าปลายปีนางจะไปนอร์เวย์อีก ไม่อยากขอหลายรอบ สามารถจะทำยังไงได้ไหม จนท.ก็บอกแค่ว่าจะโดนในเอกสารให้กับสถานฑูต ผลคือ
อีลูกได้มา 90 วันพอดิบพอดี (โดยในวีซ่ามีตัวอักษร ‘VIS’) ส่วนนางวีซ่าอันใหม่ไม่มีตัวอักษารแล้ว แต่ได้ยาวไปจนถึง กรฎาปี 2016 เลยจ้าๆๆๆๆ เลยมโนแล้วว่าถ้าขอครั้งหน้า ไม่เกิน 2-3 ปีนับจากนี้ เราน่าจะได้ยาวเป็นปีเหมือนกัน...มั้ง
หลังจากยื่นขอวีซ่าไปวันที่ 2 เมษา ก็ได้กลับมาวันที่ 28 เมษา เกือบเดือนเลยทีเดียว แต่ถ้านับดีๆตัดวันหยุดยาวออก ก็ประมาณ 15 วันในการดำเนินการทำวีซ่านะ ไม่ขาดไม่เกินตามที่ TSL แจ้งไว้ในเว็บ เอกสารหลักๆก็เตรียมไว้ ส่วนเอกสารประกอบอื่นๆ ต้องล๊อคอินเข้าเว็บ TSL ก่อน เพราะเอกสารของบางคน บางทีก็ไม่เหมือนกันนะยู
และสิ่งที่ไม่ได้ทำไปแต่เห็นบางคนบอกว่าทำ ก็คือแผนการท่องเที่ยว ไม่ได้ทำจ๊ะ...ข้ามไปเลย
มาที่เรื่องการจองรถไฟ เรามองข้าม euro pass ไปเลย เพราะว่าเราเดินทางแบบขนกระเป๋าแค่ 2 ประเทศ แถม มันไม่มีรายการให้เลือก คุณนายแม่เลยบอกว่า TGV มันไปได้เหมือนกันค่าคุณลูก เพราะเป็นประเทศใกล้ๆฝรั่งเศส ฉะนั้น ก็เลยหาข้อมูล TGV (เข้าลิงค์นี้ไปเลยจ๊ะ
http://en.voyages-sncf.com/en/) จังหวะดีๆได้ตั๋วราคาถูกด้วยนะยู (ได้ลดรอบจาก Luxembourg กลับเข้า Paris ด้วย)
…ขอบคุณ
https://amorntartraveller.wordpress.com/2012/04/16/traveltrick_eu_cheaptrain/ มา ณ ที่นี้ //กราบงาม
แต่!!! เตือนไว้ก่อนว่า ถ้าไม่อยากยุ่งยาก และอาจจะต้องเสียค่าบริการอีกเกือบ 10 ยูโร อย่า ออกตั๋วแบบ "Collection from an Automatic Ticket Machine" เพราะว่ามันต้องไปกดที่ตู้ ถึงที่ตู้จะมีภาษาอังกฤษ พี่ก็โคตรงง ทำไม่ได้ สุดท้ายให้พนักงานออกให้ แต่ที่ Luxembourg ต้องเสีย 6 ยูโรเป็นค่าบริการ เลยไปงมโข่งอยู่หน้าตู้กับแม่ และโชคดีที่มีคุณน้าใจดีมาช่วย (คนบ้านเขาเองยังกดงงๆเลยแก๊!!)
และที่สำคัญ ระบบตัดเงินทันทีนะเว้ยยู จองให้ดี เล็งให้แม่น ตั้งสติให้ดี เพราะพี่กรีดร้องมาแล้ว เนื่องจากดันไปพลาดกด แบบต้องไปกดที่ตู้อีกที มันให้เอาบัตรที่เรากรอกจ่ายไป กดที่ตู้ที่โน้นด้วย (ซึ่งบัตรต้องมีอีกแถบชิปทองๆด้วยนะ) ด้วยความที่เป็นชะนีจิตตก ก็เลยส่งเมล์ไปถาม TGV ว่าถ้าฉันไปกดที่ตู้ของเธอที่สถานีนั้นๆ ฉันจะถูกหักตังค์อีกไหม ถ้ายังไงฉันขอตั๋วหรืออะไรที่ยืนยันจากเธอได้รึเปล่า ว่าฉันจ่ายไปแล้วและเธอจะไม่หักเงินฉันอีก...คือคุยกันไม่รู้เรื่อง จนเมล์สุดท้ายที่ถามนางก็วันที่ 1 อาทิตย์ นางถึงจะตอบกลับมาว่า ยูถ้าระบบเก็บเงินไปแล้ว ระบบมันจะไม่ตัดเงินยูอีก แต่ยู (โง่ไง) เลือกออกตั๋วแบบตู้ ดังนั้นแกไปกดที่ตู้ที่สถานีเลยจ๊ะ...บาย
ซึ่งมันก็ไม่ได้หักเพิ่มแหละ เก๊าจิตตกไปเอง โชคดีที่ระบบมันตัดเงินตอนนั้นด้วย ยูโรอยู่ที่ 34-35 มั้ง ตอนไปมัน 37 กว่าๆ เกือบต้องเสียเพิ่มละไหม
สรุปค่าเดินทางรถไฟระหว่างเมืองที่จ่ายไปทั้งสิ้น 2 คน 10266 บาทมี
1. Paris -> Colmar 96 ยูโร
2. Colmar -> Luxembourg 100.80 ยูโร
3. Luxembourg -> Paris 98 ยูโร
ต่อที่เรื่องของการจองโรงแรม เราจองผ่าน booking จองไว้ทั้งแต่ก่อนขอวีซ่า เอาห้องที่สามารถยกเลิกได้และไม่เสียตังค์ (แต่ก็ไม่ได้ยกเลิกซักกะที่นะ เข้าพักหมด) แล้วเพิ่งมารู้ก่อนเดินทาง 2 วันจากพันทิพ ว่า hostel ดีๆก็มีนะยู... ที่สำคัญคือถูกด้วย ทริปหน้าเอาใหม่ หาข้อมูลดีๆ จะได้ลดงบลงไปอีก (ขอบคุณลิงค์ของคุณแพร ที่เราไป search มาค้าบ
http://ppantip.com/topic/32793928 นอกจากนั้นลิงค์นี้คือลิงค์ที่ทำให้ตัดสินใจไปเที่ยว Trier - Germany เพราะว่าใกล้ Luxembourg สุด)
อ๋อ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราที่ไม่รู้ว่า โรงแรมที่เราจองอยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นยังไง ปลอดภัยแค่ไหน ซึ่งสำหรับทริปนี้ เราไปกับแม่ และนางมีปัญหาเรื่องเข่า อีกทั้งเรายังมีการเดินทางทุกวัน เลยทำแบบนี้
1. ดูสถานีรถไฟที่ที่เราลง (จาก point to point ในที่นี้คือ Colmar, Luxembourg และ Paris)
2. จากนั้นดูว่าโรงแรมที่ใกล้ๆแถวนั้นมีอะไรบ้าง
*Gare แปลว่า สถานีรถไฟ (อารมณ์หัวลำโพง ไม่ใช้แค่รถไฟเที่ยวในเมืองหรือ Metro)
3. หลังจากได้โรงแรมที่เล็งไว้ ก็ต้องดูบรรยากาศแวดล้อม ทั่วไปของโรงแรม อย่างน้อยเราก็จะได้เดินทางไปโรงแรมได้ถูกต้องเมื่อถึงแล้ว นั้นคือ.......google earth จ๊ะยู ดูแบบ 3D โลด สามารถดูคร่าวๆได้ และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าจะเอาอีโรงแรมนี้ดีไหม
จริงๆ google earth แบบ 3D ช่วยได้หลายอย่างดูได้เกือบทุกประเทศ...ยกเว้นเยอรมัน ฮ่าๆๆ เลวร้าย แต่พี่ไม่ซีเพราะไม่ได้ค้างที่โน้น แค่ไปแบบไปเช้าเย็นกลับเฉยๆ
แต่ที่เรื่องที่จะจำไปใช้ในทริปอื่นคือ ควรจองเตียงแบบ single(s) เพราะมันจะได้เตียงเดียว 2 เตียง คืออีนี้จองแบบ double ไป ตอนอยู่ Colmar กะ Luxembourg แล้วตัวอีนี่ก็ใหญ่ ต้องนอนเบียดกับแม่อีก ปวดตัวมาก!
ส่วนค่าโรงแรมยังไม่รวมเป็นเงินบาทเพราะรูดบัตรไปสลิปยังไม่มา ก็กะไว้ไม่เกิน 35000 บาท (ใช้เรทวันที่กลับมาคือ 38) ถ้าเป็นยูโรก็ประมาณนี้ Colmar – 232 Luxembourg – 285 และ Paris – 383 ทุกที่จะพัก 3 คืน
มาที่การหาข้อมูลเพื่อเตรียมไปเที่ยวในเมืองอื่นๆ ในที่นี้คือ Riquewhir และ Freiburg (ไม่รวม Trier เพราะเมืองนั้นไม่ได้วางแผนเลย ตายดาบหน้า ฮ่าๆ) ที่ต้องหาเผื่อไว้เพราะต้องคำนวณเวลาในการเที่ยวและงบการเดินทาง ทั้ง 2 เมืองนี้ได้ข้อมูลจากเว็บตปท.จากที่หาในกูเกิ้ล การเดินทางไป Riquewhir จาก Colmar คือบัสสาย 1026 ขึ้นได้ที่ Colmar Gare ใช้เวลา 40 นาทีโดยประมาณ ค่ารถ 9.60 ยูโรต่อคน ส่วนการเดินทางจาก Colmar ไป Freiburg คือบัสสาย 1076 ขึ้นที่ Colmar Gare เหมือนกัน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 14 ยูโรต่อคน
ประเด็นคือ การซื้อตั๋วรถที่นี่ถ้าซื้อแบบ return จะถูกว่า single ละจ๊ะ และยิ่งวันอาทิตย์จะได้ตั๋วรถไฟที่ถูกมว๊ากกกก ครึ่งราคาเลยทีเดียว
ทีนี้ก็มาที่การเตรียมกระเป๋าสำหรับแบกสัมภาระต่างๆ คือตอนแรกนึกว่าแม่จะไปยืมกระเป๋าป้าที่เป็นแบบแข็งๆ มีสี่ล้อลากง่ายๆ แต่ดูที่ได้มา...เขื่องสุดไรสุด แถมอีนี่ก็ต้องแบกกล้อง ตัวเขื่องอีกโรคชราถามหาสุด ตอนแรกแม่จะหาข้าวแบบใส่น้ำร้อนแล้วสุก ก็เลยบอกว่ามันเยอะไปนะครัช นางเลยไปซื้อจาจังมยองมา 2 ห่อ เผื่อไว้ ฮ่าๆๆๆ ...ดีจน
นี่เอาเสื้อผ้าไปน้อยมาก กะไปซักเอา เครื่องสำอางก็เอาไปแค่ที่จำเป็น ถุงเท้าพี่ยังซักเอาเลย ฮ่าๆๆ จริงๆไม่น่าจะหนักนะ แต่ก็หนักเจ็บหลังอยู่ดี นับถือพวกสะพายเป้แบบแบล๊คแพคอะ กลับบ้านเมืองไป กระดูกกระดูกไหลพังพอดี
อ๋อ เราไปโดยที่ไม่ได้เปิดโรมมิ่งไม่เปิดอินเตอร์เนตไปเลย เพราะโรงแรม wifi ฟรีส่วนที่ public location แล้วก็พวกแผนที่ต่างๆ ขอได้ทุกเมืองที่ไปเลย สะดวกมาก ยิ่งที่ Paris นี่ละเอียดมากสะดวกสบาย ไม่ต้องยืนกดมือถือให้เสี่ยงโดนฉกแจ๊ะ
มาเรื่องก่อนสุดท้าย พี่ไปเที่ยว แต่ไม่มีรูปพี่กับบ้านเมืองเลย คือมีน้อยมว๊าก เพราะการถ่ายรูปของคุณหญิงนั้น.....เข้าใจพี่ใช่ป่ะ สะเทือนใจสุด มีแต่วิวจนน้องที่ทำงานดูรูปไปเรื่อยๆแล้วถามว่า พี่บัวไปเซฟรูปในเนตมาเปล่าเนี้ย ฮ่าๆๆๆๆ แสด
สุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมค่าตั๋วไปกลับ+ค่ารถไฟระหว่างเมือง+ค่าโรงแรม+ค่าเดินทางอื่นๆ+ค่ากิน+ของฝาก+ไวน์ 2 ขวด+แชมเปญขวดเล็ก+ทู๊กกกกกกกกกอย่างแล้ว สิริรวมคนละ 60000 บาท
ก่อนไปต่อที่เมืองต่างๆ มาดู mission ที่อยากทำก่อน แล้วดูกันว่าสุดท้ายแล้วจะทำอะไรสำเร็จบ้าง
1. ไวน์จาก Riquewhir หรือ Colmar
2. ตับห่านจาก Riquewhir
3. กินช๊อคโกแลตร้อนหน้าวังที่ Luxembourg
4. กินเครปชีสเยิ้มที่ Paris
5. ชมวิวหอไอเฟลตอนกลางคืน (แบบมีไฟ)
6. เดินเรียบ Little Venice ที่ Colmar ตอนกลางคืน (แบบมีไฟ)
7. ไปตลาดมือสองที่ Paris เพื่อเสื้อลูกไม้ (มันมีเปล่าว่ะ ฮ่าๆ)
8. ไปแวนซาย์ส
9. ซื้อน้ำหอมและแว่นกันแดด
10. สุดท้ายหมายใจจะหอบช๊อคโกแลต มาการอง และชีส กลับบ้าน
[CR] Le Buoa’s trip: Colmar-Luxembourg-Paris 3 ประเทศ 6 เมือง 10 วัน (Part 0)
Part 0 ความวุ่นวายก่อนเดินทาง
เป็นการไปเที่ยวครั้งแรกที่ต้องวางแผนเอง (ทุกทีเวลาไปเที่ยวแม่จะจัดการทุกอย่าง) แล้วประเด็นคือนี่ไม่ใช่ทริปที่ตั้งใจว่าจะไปในปีนี้ ฮ่าๆ จริงๆแล้วตั้งใจไว้ตั้งแต่ปี 2012 ว่าปีนี้จะไป ออสเตรีย เยอรมัน ฝรั่งเศส แต่ปรากฎวันลาก็ไม่ได้ เพราะทริปจะใช้เวลาเดินทางยาวไกล อาจต้องละซัก15วัน หัวหน้าคงให้ยื่นซองขาวก่อนไปเที่ยว บานเดอะเวอร์เงินเก็บก็ยังไม่พอสำหรับทริปนี้อยู่ดี ฮ่าๆๆ... ซึ่งพี่ก็ยังหน้าด้านจะหาที่เที่ยว ตอนแรกกะว่าจะไปแค่ฝรั่งเศสเพราะวันลาเหลือจากปีที่แล้วเหลือนิดหน่อย แต่คุณหญิงนายแม่บอกว่าขอเชงเก้นทั้งที ไปประเทศเดียว ไม่คุ้มหรอก (เงินละเจ๊เงินล้าๆๆ) ก็เลยเป็นทริปที่ไหลยาว และมีเวลาหาข้อมูลกะเตรียมตัวในช่วงที่สั้นมาก แถมกว่าจะลงตัวว่าจะไปนอนที่ไหนบ้าง เที่ยวที่ไหนบ้างก็ถึงวันที่ต้องเดินทางพอดี ทริปเอื่อยจริงจัง
เริ่มวางแผนหาที่เที่ยวช่วงต้นเดือนมีนา อันดับแรกคือหาช่วงลากับตกลงกับหัวหน้าก่อนเลย แล้วก็ หาข้อมูลต่างๆ (ท้ายๆจะมีลิงค์ตัวอย่างที่ได้ข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวทริปนี้ให้ได้เยี่ยมชม ขอบคุณเจ้าของข้อมุลมา ณ ที่นี้ครัช) กว่าจะได้บทสรุปก็ปาไปกลางเดือนมีนาละ ช่วงลาดันได้ 2-9 มิถุนา ต้องเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 29 พฤษภา ซึ่งวีซ่าควรขอก่อนสงกรานต์เพราะถ้าขอต้นเดือนพฤษภาอาจจะบันเทิงเกินไปหน่อย
มีเวลา 2 อาทิตย์ก่อนขอวีซ่า (ขอวีซ่าในวันที่ 2 เมษา) เตรียมเอกสารที่จะยื่นวีซ่า เตรียมเงิน และตัดสินใจว่าไปเมืองไหนบ้าง แล้วเดินทางยังไงให้สะดวกสุด รวมทั้งดูราคารถไฟ+วิธีจอง และหาโรงแรม เริ่มแรกคือวางแผนคร่าวๆว่าจะไป Paris ต่อไป Colmar ก็ไป Luxembourg จากนั้นก็ นี่คือบทสรุปของเมืองใหญ่ๆที่คิดว่าจะไปพัก
มาที่เรื่องขอวีซ่าก่อน คือคนรอบตัวถามเยอะ (และถามทุกครั้งที่ตูไป) ว่าต้องมีเงินเท่าไรถึงจะขอเชงเก้นได้ คืออันนี้เอาแบบคิดว่าชัวร์จริงๆนะ คือประมาณหลักแสน (แสนนึงก็ได้) แล้วก็ประกอบกับใบรับรองเดือนเงินที่บอกว่าเราทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เริ่มทำงานเมื่อไร (เคสเราทำงานเป็น contract ให้กับบ.A ก็ให้บริษัทที่ consult เราอกให้ว่าเราทำงานให้บริษัทA เงินเดือนเท่าไร ตำแหน่งอะไร เริ่มงานตั้งแต่เมื่อไร จะขอวีซ่าของประเทศอะไร จะไปตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน แล้วก็ให้ ผจก.ฝั่ง consult เซนรับรองพร้อมประทับตราบริษัทมาด้วย...เป็นอันจบ)
ส่วนคนที่มีกิจการเป็นของตัวเอง (แบบกิจการเล็กๆเงินลงทุนน้อยๆ) จะไปเอง และไม่ได้มีคนที่ทำงานประจำไปด้วย...อันนี้พี่ไม่รู้จริงๆว่ะ ไม่ได้มีกิจการเป็นของตัวเอง น่าจะต้องรองปรึกษา TSL ดูได้ พนักงานที่เราไปยื่นเอกสารใจดีอยู่นะ
.....แต่จ๊ะ อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวการพิจาราณาของสถานฑูตไหม เพราะเราเคยเดินทางไปเชงเก้นหลายรอบแล้ว ไอ้เรื่องเงินในบัญชีเลยเฉยๆอะ มีแค่ให้อุ่นใจไม่ถึงแสน และอันนี้ในกรณีคุณหญิงนายแม่ นางไปฝรั่งเศสเมื่อปี 2012 แล้วในวีซ่ามีตัวอักษร 3 ตัวว่า ‘VIS’ มาขอครั้งนี้ จริงๆเราขอท่องเที่ยงระยะสั้นแค่ 90 วัน แต่นางบอกจนท.ว่าปลายปีนางจะไปนอร์เวย์อีก ไม่อยากขอหลายรอบ สามารถจะทำยังไงได้ไหม จนท.ก็บอกแค่ว่าจะโดนในเอกสารให้กับสถานฑูต ผลคือ
อีลูกได้มา 90 วันพอดิบพอดี (โดยในวีซ่ามีตัวอักษร ‘VIS’) ส่วนนางวีซ่าอันใหม่ไม่มีตัวอักษารแล้ว แต่ได้ยาวไปจนถึง กรฎาปี 2016 เลยจ้าๆๆๆๆ เลยมโนแล้วว่าถ้าขอครั้งหน้า ไม่เกิน 2-3 ปีนับจากนี้ เราน่าจะได้ยาวเป็นปีเหมือนกัน...มั้ง
หลังจากยื่นขอวีซ่าไปวันที่ 2 เมษา ก็ได้กลับมาวันที่ 28 เมษา เกือบเดือนเลยทีเดียว แต่ถ้านับดีๆตัดวันหยุดยาวออก ก็ประมาณ 15 วันในการดำเนินการทำวีซ่านะ ไม่ขาดไม่เกินตามที่ TSL แจ้งไว้ในเว็บ เอกสารหลักๆก็เตรียมไว้ ส่วนเอกสารประกอบอื่นๆ ต้องล๊อคอินเข้าเว็บ TSL ก่อน เพราะเอกสารของบางคน บางทีก็ไม่เหมือนกันนะยู
และสิ่งที่ไม่ได้ทำไปแต่เห็นบางคนบอกว่าทำ ก็คือแผนการท่องเที่ยว ไม่ได้ทำจ๊ะ...ข้ามไปเลย
มาที่เรื่องการจองรถไฟ เรามองข้าม euro pass ไปเลย เพราะว่าเราเดินทางแบบขนกระเป๋าแค่ 2 ประเทศ แถม มันไม่มีรายการให้เลือก คุณนายแม่เลยบอกว่า TGV มันไปได้เหมือนกันค่าคุณลูก เพราะเป็นประเทศใกล้ๆฝรั่งเศส ฉะนั้น ก็เลยหาข้อมูล TGV (เข้าลิงค์นี้ไปเลยจ๊ะ http://en.voyages-sncf.com/en/) จังหวะดีๆได้ตั๋วราคาถูกด้วยนะยู (ได้ลดรอบจาก Luxembourg กลับเข้า Paris ด้วย)
…ขอบคุณ https://amorntartraveller.wordpress.com/2012/04/16/traveltrick_eu_cheaptrain/ มา ณ ที่นี้ //กราบงาม
แต่!!! เตือนไว้ก่อนว่า ถ้าไม่อยากยุ่งยาก และอาจจะต้องเสียค่าบริการอีกเกือบ 10 ยูโร อย่า ออกตั๋วแบบ "Collection from an Automatic Ticket Machine" เพราะว่ามันต้องไปกดที่ตู้ ถึงที่ตู้จะมีภาษาอังกฤษ พี่ก็โคตรงง ทำไม่ได้ สุดท้ายให้พนักงานออกให้ แต่ที่ Luxembourg ต้องเสีย 6 ยูโรเป็นค่าบริการ เลยไปงมโข่งอยู่หน้าตู้กับแม่ และโชคดีที่มีคุณน้าใจดีมาช่วย (คนบ้านเขาเองยังกดงงๆเลยแก๊!!)
และที่สำคัญ ระบบตัดเงินทันทีนะเว้ยยู จองให้ดี เล็งให้แม่น ตั้งสติให้ดี เพราะพี่กรีดร้องมาแล้ว เนื่องจากดันไปพลาดกด แบบต้องไปกดที่ตู้อีกที มันให้เอาบัตรที่เรากรอกจ่ายไป กดที่ตู้ที่โน้นด้วย (ซึ่งบัตรต้องมีอีกแถบชิปทองๆด้วยนะ) ด้วยความที่เป็นชะนีจิตตก ก็เลยส่งเมล์ไปถาม TGV ว่าถ้าฉันไปกดที่ตู้ของเธอที่สถานีนั้นๆ ฉันจะถูกหักตังค์อีกไหม ถ้ายังไงฉันขอตั๋วหรืออะไรที่ยืนยันจากเธอได้รึเปล่า ว่าฉันจ่ายไปแล้วและเธอจะไม่หักเงินฉันอีก...คือคุยกันไม่รู้เรื่อง จนเมล์สุดท้ายที่ถามนางก็วันที่ 1 อาทิตย์ นางถึงจะตอบกลับมาว่า ยูถ้าระบบเก็บเงินไปแล้ว ระบบมันจะไม่ตัดเงินยูอีก แต่ยู (โง่ไง) เลือกออกตั๋วแบบตู้ ดังนั้นแกไปกดที่ตู้ที่สถานีเลยจ๊ะ...บาย
ซึ่งมันก็ไม่ได้หักเพิ่มแหละ เก๊าจิตตกไปเอง โชคดีที่ระบบมันตัดเงินตอนนั้นด้วย ยูโรอยู่ที่ 34-35 มั้ง ตอนไปมัน 37 กว่าๆ เกือบต้องเสียเพิ่มละไหม
สรุปค่าเดินทางรถไฟระหว่างเมืองที่จ่ายไปทั้งสิ้น 2 คน 10266 บาทมี
1. Paris -> Colmar 96 ยูโร
2. Colmar -> Luxembourg 100.80 ยูโร
3. Luxembourg -> Paris 98 ยูโร
ต่อที่เรื่องของการจองโรงแรม เราจองผ่าน booking จองไว้ทั้งแต่ก่อนขอวีซ่า เอาห้องที่สามารถยกเลิกได้และไม่เสียตังค์ (แต่ก็ไม่ได้ยกเลิกซักกะที่นะ เข้าพักหมด) แล้วเพิ่งมารู้ก่อนเดินทาง 2 วันจากพันทิพ ว่า hostel ดีๆก็มีนะยู... ที่สำคัญคือถูกด้วย ทริปหน้าเอาใหม่ หาข้อมูลดีๆ จะได้ลดงบลงไปอีก (ขอบคุณลิงค์ของคุณแพร ที่เราไป search มาค้าบ http://ppantip.com/topic/32793928 นอกจากนั้นลิงค์นี้คือลิงค์ที่ทำให้ตัดสินใจไปเที่ยว Trier - Germany เพราะว่าใกล้ Luxembourg สุด)
อ๋อ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราที่ไม่รู้ว่า โรงแรมที่เราจองอยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นยังไง ปลอดภัยแค่ไหน ซึ่งสำหรับทริปนี้ เราไปกับแม่ และนางมีปัญหาเรื่องเข่า อีกทั้งเรายังมีการเดินทางทุกวัน เลยทำแบบนี้
1. ดูสถานีรถไฟที่ที่เราลง (จาก point to point ในที่นี้คือ Colmar, Luxembourg และ Paris)
2. จากนั้นดูว่าโรงแรมที่ใกล้ๆแถวนั้นมีอะไรบ้าง
*Gare แปลว่า สถานีรถไฟ (อารมณ์หัวลำโพง ไม่ใช้แค่รถไฟเที่ยวในเมืองหรือ Metro)
3. หลังจากได้โรงแรมที่เล็งไว้ ก็ต้องดูบรรยากาศแวดล้อม ทั่วไปของโรงแรม อย่างน้อยเราก็จะได้เดินทางไปโรงแรมได้ถูกต้องเมื่อถึงแล้ว นั้นคือ.......google earth จ๊ะยู ดูแบบ 3D โลด สามารถดูคร่าวๆได้ และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าจะเอาอีโรงแรมนี้ดีไหม
จริงๆ google earth แบบ 3D ช่วยได้หลายอย่างดูได้เกือบทุกประเทศ...ยกเว้นเยอรมัน ฮ่าๆๆ เลวร้าย แต่พี่ไม่ซีเพราะไม่ได้ค้างที่โน้น แค่ไปแบบไปเช้าเย็นกลับเฉยๆ
แต่ที่เรื่องที่จะจำไปใช้ในทริปอื่นคือ ควรจองเตียงแบบ single(s) เพราะมันจะได้เตียงเดียว 2 เตียง คืออีนี้จองแบบ double ไป ตอนอยู่ Colmar กะ Luxembourg แล้วตัวอีนี่ก็ใหญ่ ต้องนอนเบียดกับแม่อีก ปวดตัวมาก!
ส่วนค่าโรงแรมยังไม่รวมเป็นเงินบาทเพราะรูดบัตรไปสลิปยังไม่มา ก็กะไว้ไม่เกิน 35000 บาท (ใช้เรทวันที่กลับมาคือ 38) ถ้าเป็นยูโรก็ประมาณนี้ Colmar – 232 Luxembourg – 285 และ Paris – 383 ทุกที่จะพัก 3 คืน
มาที่การหาข้อมูลเพื่อเตรียมไปเที่ยวในเมืองอื่นๆ ในที่นี้คือ Riquewhir และ Freiburg (ไม่รวม Trier เพราะเมืองนั้นไม่ได้วางแผนเลย ตายดาบหน้า ฮ่าๆ) ที่ต้องหาเผื่อไว้เพราะต้องคำนวณเวลาในการเที่ยวและงบการเดินทาง ทั้ง 2 เมืองนี้ได้ข้อมูลจากเว็บตปท.จากที่หาในกูเกิ้ล การเดินทางไป Riquewhir จาก Colmar คือบัสสาย 1026 ขึ้นได้ที่ Colmar Gare ใช้เวลา 40 นาทีโดยประมาณ ค่ารถ 9.60 ยูโรต่อคน ส่วนการเดินทางจาก Colmar ไป Freiburg คือบัสสาย 1076 ขึ้นที่ Colmar Gare เหมือนกัน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 14 ยูโรต่อคน
ประเด็นคือ การซื้อตั๋วรถที่นี่ถ้าซื้อแบบ return จะถูกว่า single ละจ๊ะ และยิ่งวันอาทิตย์จะได้ตั๋วรถไฟที่ถูกมว๊ากกกก ครึ่งราคาเลยทีเดียว
ทีนี้ก็มาที่การเตรียมกระเป๋าสำหรับแบกสัมภาระต่างๆ คือตอนแรกนึกว่าแม่จะไปยืมกระเป๋าป้าที่เป็นแบบแข็งๆ มีสี่ล้อลากง่ายๆ แต่ดูที่ได้มา...เขื่องสุดไรสุด แถมอีนี่ก็ต้องแบกกล้อง ตัวเขื่องอีกโรคชราถามหาสุด ตอนแรกแม่จะหาข้าวแบบใส่น้ำร้อนแล้วสุก ก็เลยบอกว่ามันเยอะไปนะครัช นางเลยไปซื้อจาจังมยองมา 2 ห่อ เผื่อไว้ ฮ่าๆๆๆ ...ดีจน
นี่เอาเสื้อผ้าไปน้อยมาก กะไปซักเอา เครื่องสำอางก็เอาไปแค่ที่จำเป็น ถุงเท้าพี่ยังซักเอาเลย ฮ่าๆๆ จริงๆไม่น่าจะหนักนะ แต่ก็หนักเจ็บหลังอยู่ดี นับถือพวกสะพายเป้แบบแบล๊คแพคอะ กลับบ้านเมืองไป กระดูกกระดูกไหลพังพอดี
อ๋อ เราไปโดยที่ไม่ได้เปิดโรมมิ่งไม่เปิดอินเตอร์เนตไปเลย เพราะโรงแรม wifi ฟรีส่วนที่ public location แล้วก็พวกแผนที่ต่างๆ ขอได้ทุกเมืองที่ไปเลย สะดวกมาก ยิ่งที่ Paris นี่ละเอียดมากสะดวกสบาย ไม่ต้องยืนกดมือถือให้เสี่ยงโดนฉกแจ๊ะ
มาเรื่องก่อนสุดท้าย พี่ไปเที่ยว แต่ไม่มีรูปพี่กับบ้านเมืองเลย คือมีน้อยมว๊าก เพราะการถ่ายรูปของคุณหญิงนั้น.....เข้าใจพี่ใช่ป่ะ สะเทือนใจสุด มีแต่วิวจนน้องที่ทำงานดูรูปไปเรื่อยๆแล้วถามว่า พี่บัวไปเซฟรูปในเนตมาเปล่าเนี้ย ฮ่าๆๆๆๆ แสด
สุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมค่าตั๋วไปกลับ+ค่ารถไฟระหว่างเมือง+ค่าโรงแรม+ค่าเดินทางอื่นๆ+ค่ากิน+ของฝาก+ไวน์ 2 ขวด+แชมเปญขวดเล็ก+ทู๊กกกกกกกกกอย่างแล้ว สิริรวมคนละ 60000 บาท
ก่อนไปต่อที่เมืองต่างๆ มาดู mission ที่อยากทำก่อน แล้วดูกันว่าสุดท้ายแล้วจะทำอะไรสำเร็จบ้าง
1. ไวน์จาก Riquewhir หรือ Colmar
2. ตับห่านจาก Riquewhir
3. กินช๊อคโกแลตร้อนหน้าวังที่ Luxembourg
4. กินเครปชีสเยิ้มที่ Paris
5. ชมวิวหอไอเฟลตอนกลางคืน (แบบมีไฟ)
6. เดินเรียบ Little Venice ที่ Colmar ตอนกลางคืน (แบบมีไฟ)
7. ไปตลาดมือสองที่ Paris เพื่อเสื้อลูกไม้ (มันมีเปล่าว่ะ ฮ่าๆ)
8. ไปแวนซาย์ส
9. ซื้อน้ำหอมและแว่นกันแดด
10. สุดท้ายหมายใจจะหอบช๊อคโกแลต มาการอง และชีส กลับบ้าน