ตามหาสาวติวเตอร์ที่ร้านนางเงือกหน้าโรงหนังสยามพารากอนวันศุกร์ตอนเย็นครับ

เรื่องมันเริ่มมาจากเพื่อนผมวานให้ผมนำรหัสการจองบัตรคอนเสิร์ตไปจ่ายเงินให้หน่อยเนื่องจากผมทำงานอยู่ในเมือง
พอเลิกงานผมก็ตรงดิ่งไปที่เซ็นทรัลชิดลม เพื่อไปไทยทิกเก็ท พอไปถึงสถานีชิดลม โทรศัพท์เจ้ากรรมแบตก็ดันเหลือหนึ่งเปอร์เซ็น
ก็ได้แต่เปิดไลน์เพื่อน เพื่อท่องรหัสการจอง ไปถึงหน้าเคาเตอร์ บอกเลขไปด้วยความมั่นใจ พนักงานก็เช็คให้อย่างน่ารัก
แล้วถามย้อนกลับมาว่า "ขอชื่อคนจองด้วยค่ะ" ในใจคิด เพื่อนฝากมาก็ต้องชื่อเพื่อนสิ บอกชื่อเพื่อนออกไป
"ขอโทษด้วยนะคะ ชื่อที่บอกไม่ตรงกับชื่อผู้จอง" ผมได้แต่ยืนอึ้ง แล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาเพื่อน!!!
น้องไอผู้น่ารักก็ได้ทำการปิดตัวเองลงตั้งแต่ผมปลดล็อค ผมพยายามอ้อนวอนพี่พนักงาน พี่ได้แต่บอกว่าต้องบอกชื่อคนจองให้ตรง

ด้วยความรักเพื่อน ผมไม่ละความพยายาม สาขานี้เขาไม่ให้ซื้อ ลองไปสาขาที่ใกล้ๆดูก็ได้วะเผื่อฟลุ๊ค
เดินเหงื่อตกกีบจากเซ็นทรัลชิดลมไปถึงสยามพารากอน ขึ้นไปหน้าเคาเตอร์ ระหว่างเดิน มั่นใจว่าท่องเลขที่จำได้ขึ้นใจ
พอถึงหน้าเคาเตอร์ ผมยิ้มให้พนักงานแล้วบอกรหัสการจองออกไป ความมั่นใจเต็มที่ พร้อมกับหยิบเงินมาเพื่อเกียมจ่ายค่าบัตร
พี่พนักงานพิมพ์ต๊อกๆแต๊กๆ อยู่ซักพัก ก็ทักผมว่า ไม่มีรหัสนี้นี่คะ!! เหงื่อเริ่มออก นี่เราพลาดอะไรไป อ๋อ อาจจะเป็นเลขสองตัวท้าย
เราจำสลับกันรึป่าว ก็บอกเลขเขาไปอีกครั้ง คราวนี้พี่พนักงานทำหน้าเอือม ไม่มีนะคะ ผมยืนเคว้งคว้างอยู่หน้าเคาเตอร์ คิดอะไรไม่ออก
ถ้าเลขมันผิด ต้องหาทางเปิดโทรศัพท์มาเช็คสิ

ว่าแล้วก็ถอยร่างออกมาจากไทยทิกเก็ต เดินไปฝั่งสยาม หาซื้อสายชาร์จ พอได้สายมาก็กลับมาร้านนางเงือกที่อยู่ติดกับไทยทิกเก็ต
จะเข้าไปนั่งหน้ามึนใช้ไฟเขาฟรีก็ละอายใจ เลยสั่งกาแฟมากันตอนทุ่มสี่สิบกว่านาทีหนึ่งแก้ว!!!
พอได้ที่นั่งก็จัดแจงเสียบสายชาร์จ นั่งกินกาแฟด้วยความวิตกว่า เครื่องมันจะเปิดมาทันก่อนที่เคาเตอร์จะปิดรึป่าว
พอใจเริ่มเย็น สายตาก็สอดส่ายไปภายในร้าน แล้วก็ไปสะดุดกับผู้หญิงคนนึง เธอเป็นติวเตอร์ กำลังนั่งสอนเด็กนักเรียนถักผมเปียสองข้าง
ผมไม่ได้แอบมองเธอ ต้องใช้คำว่า "จ้อง" ถึงจะถูก

ตลอดเวลาที่ผมนั่งรอให้โทรศัพท์ฟื้นคืนชีพ ผมแอบหันไปมองเธอแทบจะตลอดเวลา
เธอเป็นติวเตอร์ที่น่ารักมาก ไม่มีการหยิบมือถือมาเล่นขณะที่สอนน้องแม้แต่ครั้งเดียว ถึงจะปล่อยให้น้องทำโจทย์ก็ตาม
ผมเริ่มคิดอยากจะเข้าไปทัก "ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรครับ พอดีอยากรู้จัก"
เวลาที่เธอคุยเล่นกับน้องแล้วเธอยิ่ม หัวเราะ (ตาเธอเป็นสระอิเลย) ผมก็เผลอยิ้มตาม ให้ตายสิ ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยครับ
กำลังแอบมองเพลินๆ โทรศัพท์เจ้ากรรมก็คืนชีพ เปิดดูรหัส แล้วรีบบึ่งไปหน้าเคาเตอร์ทันที แต่ ไทยทิกเก็ตเอาป้ายมาตั้ง
"เวลาให้บริการ 10.00 - 20.00 น."

ผมเดินกลับไปเข้าร้านนางเงือก แต่ไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับการที่ซื้อบัตรให้เพื่อนไม่สำเร็จ แต่กลับไปนั่งแอบมองติวเตอร์คนเดิมที่นั่งสอน
ซักพักเหมือนการเรียนการสอนก็จบลง เธอหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก แล้วก็กดวางสาย ในใจได้แต่ภาวนา คงโทรหาเพื่อนอาจจะมีนัดกินมือค่ำกัน
ระหว่างที่เธอกำลังเคลียร์ค่าเรียน ผมก็เตรียมใจอยากจะเข้าไปทัก พอเธอลุกผมก็ทำท่าทีชักปลั๊กออก และตามเธอออกมา
เธอเดินไปที่ลิฟท์ พร้อมกับน้องที่เธอสอน ใจผมไปอยู่ที่หน้าลิฟท์แล้ว แต่ทำไมขามันดันก้าวไปที่บันไดเลื่อน ผมไม่เข้าใจ
พอจะต้องเข้าไปทักจริงๆ มันกลับไม่กล้า มันไม่กล้าจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนั้นยังไง เขิน อาย กลัว มันปนกันไปหมด

พอถึงหน้าบันไดเลื่อนก็ยังไม่อดมองเธอที่กำลังรอลิฟท์ เลยคิดในใจว่า เอาวะ ลงบันไดเลื่อนเร็วๆ แล้วไปเจอกันหน้าลิฟท์ชั้น M ก็ได้
แต่วันนี้คือวันศุกร์ พารากอนคนเยอะมากกกก จะรีบแค่ไหนก็ยังช้า แต่ตลอดเวลาที่ลงบันไดเลื่อนผมก็ยังไม่ถอดใจ
พอมาถึงชั้น M มองไปที่ลิฟท์ ผมเห็นลิฟท์ทั้งสองตัว มีสายสลิงโชว์หรา หมายความว่ามันลงไปข้างล่างแล้ว ผมคราดกับเธอซะแล้ว
ความโลกสวยของผม บอกผมว่า บางทีนะ เธออาจจะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็ได้ ผมก็ไปเดินวนรอบโซนร้านอาหารต่างๆ 2 รอบ ไร้วี่แวว
แต่ได้ถามตัวเอง ทำไมนะ ทำไมไม่กล้าวะ แค่เข้าไปทักเองทำไมไม่ทำ

แต่ความพยายามมันยังมีอยู่ผมเลยมานั่งเขียนกระทู้นี้
ฝากไปถึงผู้หญิงที่เป็นติวเตอร์ มานั่งสอนน้องที่ร้านนางเงือกชั้นโรงหนังที่สยามพารากอนวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน
ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อเลยข้อศอก กับกางเกงขาสั้นลายหลายๆสี สะพายกระเป๋าใบเล็กๆมีลายนูนเป็นหน้านกฮูก
สอนน้อง น้องน่าจะโรงเรียนลงท้ายด้วยคอนแวนต์ น้องถักผมเปีย นั่งสอนถึงประมาณสองทุ่มสิบสี่นาที (เป๊ะขนาดนี้ยังจะใช้คำว่าประมาณ = =)
เราไม่ได้ต้องการให้เธอตอบเราในนี้ แต่เราอยากรู้จักเธอมากจริงๆ ถ้าเธอยังไม่มีใคร และเป็นไปได้ที่เธอจะให้โอกาสเราทำความรู้จักกัน
วันศุกร์หน้าถ้าเธอสอนน้องคนนี้อีก พาน้องไปสอนที่ร้านนางเงือกอีกนะ ชั้นไหนก็ได้ในพารากอนเดี๋ยวเราจะพยายามเดินตามหาเอง
เราใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์นี้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วไปทักเธอนะ

ปล. ต้องมีคนมาว่าผมไม่แมนแน่ๆ แต่ ณ ตอนนั้น ผมปอดแหกจริงๆ เดินออกจากพารากอนแทบจะไป รพ ตำรวจ บอกหมอว่า
"หมอครับ เย็บปอดให้ผมหน่อย" T^T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่