** นี่เป็นครั้งแรกที่ chillnaidee (ชิวไหนดี) จะลองเปลี่ยนแนวมารีวิวใน pantip ดูบ้าง ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ
บางคนอาจจะรู้จักแล้ว แต่อีกหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าอะไรคือ chillnaidee
ขอแนะนำก่อนเลยล่ะกันค่ะ chillnaideeเป็นinstagram accountที่ให้ข้อมูลและอัพเดทเรื่องของความชิว การกิน และการท่องเที่ยวต่างๆ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ .... instagram @chillnaidee .... หรือจะเข้าทาง www.chillnaidee.com ก็ได้เช่นกัน
ทริปนี้เป็นการแพลนแบบง่ายๆมั่วๆ แต่ทุกอย่างกลับออกมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบ! แค่คิดว่าอยากไปที่ไหนใกล้ๆ ไม่น่าเบื่อ จะได้ไปค้นหาอะไรใหม่ๆดูบ้าง
** ปีนัง ** ก็เป็นที่ๆคิดว่าน่าสนใจเลยเริ่มวางแผนการเดินทาง แต่ล่องใต้ทั้งที ขอไปทะเลด้วยละกัน ทะเลแถบใต้ก็มีตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจเลือกหลีเป๊ะละกัน...ทางผ่าน
และแล้วเมื่อมาถึงวันเดินทาง เราใช้บริการของสายการบิน nok air
พอถึงสนามบินหาดใหญ่ก็เรียก taxi ไปที่พัก buri sriphu พอ check-in เก็บของเสร็จก็ออกไปหาของกินที่ตลาดใหม่ซึ่งก็อยู่ห่างจากโรงแรมเพียงแค่ 1 กิโล ก็เลยเรียกตุ๊กๆไป
พอไปถึงก็เห็นตลาดใหม่อันโด่งดัง ลักษณะเป็นซอยเข้าไปและมีร้านอาหารหลายๆร้าน
มาเริ่มจากร้านแรกเลยละกัน ... ร้านนี้เป็น
ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ (ร้านเนื้อเปื่อยโคกเสม็ดชุนข้างโรงไฟฟ้าเก่า)
• เนื้อเปื่อย เด็ดมาก เปื่อยจิงแต่ยังคงความเป็นเนื้อ
• ขายแค่5วัน วันละ4ชั่วโมงไม่ธรรมดาๆ
• ชามใหญ่ ให้เยอะ ราคาเหมาะสมกับปริมาณ
ถัดมาร้านที่สองนี้เป็น
ร้านบะหมี่เป็ดตุ๋นซึ่งอยู่เยื้องๆกับร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลย
• เส้นหมี่ไข่ นุ่มชุ่มชื่น
• น้ำซุปเป็นซุปตุ๋นยาจีน มีความหอมของยาจีนซดน้ำแกงแล้วฟินนน
• เป็ด...แค่เป่าเนื้อก็หลุดออกจากกระดูกแล้ว
ร้านสุดท้ายที่พลาดไม่ได้คงจะต้องเป็นร้านซาลาเปาชื่อดังอย่าง
ร้านโกอ้วนซึ่งตอนนี้เค้าก็มีเปิดสาขาที่กรุงเทพแล้ว รู้ยัง
• ซาลาเปามีให้เลือกทั้งคาวและหวาน
• อยากรู้กรอบนอกนุ่มในเป็นยังไง ลองไส้ครีมทอดแล้วจะเข้าใจ
• ชามะนาวรสเปรี้ยวๆ สดชื่นที่สุด
คืนนี้อิ่มล่ะ กลิ้งกลับโรงแรม
มาถึงวันที่สองของการเดินทาง รถมารอรับที่โรงแรมตอน8โมง และไปรับคนอื่นๆต่อ จากนั้นมุ่งหน้าไปท่าเรือปากบารา ใช้เวลา1ชั่วโมงครึ่ง
พอไปถึงท่าเรือก็จะมีตัวแทนของบริษัททัวร์มารับ แจกตั๋วเรือ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางและพื้นที่ภายในเกาะ จากนั้นก็พอมีเวลาอีกหน่อยเพื่อซื้อของก่อนที่จะไปขึ้นเรือ speed boat ไปที่เกาะหลีเป๊ะ ถ้าใครไม่อยากไปซื้อของแพงบนเกาะก็ซื้อเตรียมกันไปก่อนได้เลย ข้างๆท่าเทียบเรือมี 7-11 อยู่
พอได้เวลาเรือใกล้ออก เค้าก็จะเรียกคนไปลงเรือซึ่งเรือลำที่เรานั่งก็บรรทุกคนได้ประมาณ40กว่าคน
ระหว่างทางไปเกาะหลีเป๊ะ เรือก็จะแวะให้เที่ยวที่เกาะไข่ก่อน (ถ้าเป็นช่วงธรรมดาจะมีแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาด้วย แต่เราดันมาเที่ยวช่วง low season เขาปิดเกาะอยู่ เลยเข้าไปเที่ยวไม่ได้)
เกาะไข่เป็นเกาะที่มีชายหาดขาวและน้ำทะเลใส
แต่highlightของเกาะนี้ก็คงต้องเป็นจุดถ่ายรูปที่เหมือนประตูลอด ในวันที่เราไปนั้นเป็นวันที่น้ำขึ้นสูง (คนเรือเรียกว่า น้ำเกิด) เราก็เลยไม่ได้ลงไปถ่ายรูปใกล้ๆเพราะตอนนั้นยังไม่พร้อมเปียก ☺
หลังจากถ่ายรูปเล่นบนเกาะไข่เสร็จ (มีเวลาประมาณ 15 นาที) ก็กลับขึ้นเรือเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่เกาะหลีเป๊ะกันจิงๆซะที
พอไปใกล้ๆก็จะเห็นว่าเรือ speed boat ที่นั่งมานั้นไม่สามารถเข้าเทียบที่ชายหาดได้เลย เรือทุกลำจะต้องเทียบที่โป๊ะซึ่งลอยอยู่ห่างออกจากฝั่งแค่ประมาณไม่กี่ร้อยเมตร แต่ยังไงก็ต้องต่อเรือหางยาวนั่งเข้าไปที่หน้าหาดพัทยา จะต้องมีการจ่ายเงินค่าเก็บขยะคนละ20บาทและค่าเรือหางยาวอีกคนละ50บาทสำหรับระยะทางที่สั้นมากกกกกก
เมื่อถึงหน้าหาดเราก็เห็นรถ3ล้อ จอดรอรับนักท่องเที่ยวไปที่โรงแรมต่างๆ ก็เลยเรียกให้เค้าไปส่งที่รีสอร์ท ค่ารถ3ล้อราคา50บาทต่อเที่ยวต่อคน ไปไหนมาไหนก็50บาท!!! และรถคันนึงก็นั่งได้แค่2-3คน
ทริปนี้เราได้จองรีสอร์ทชื่อ the cliff ทั้งหมด 2 คืน รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ที่หาด sunset และได้ทราบว่าเป็นรีสอร์ทที่ใหม่ที่สุดบนเกาะในขณะนี้
เมื่อมาถึงที่รีสอร์ทแล้วก็หายเหนื่อยและลืมไปเลยว่านี่เราออกเดินทางมาอย่างยาวไกล บรรยากาศที่รีสอร์ทมีความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย จำนวนห้องไม่เยอะ และสามารถรับแขกเข้าพักได้เต็มที่เพียงแค่29คน เพราะฉะนั้นรู้เลยว่าไม่วุ่นวายแน่ๆ ส่วนการต้อนรับก็ถือว่าดีมากๆ คุณอีฟเป็นผู้จัดการของรีสอร์ทที่เข้ามาต้อนรับเราด้วยตัวเองและเป็นกันเองมากๆ
ตอนนั้นไปถึงที่โรงแรมก็ประมาณบ่ายโมง หิวพอดี เลยสั่งอาหารที่โรงแรมกินซะหน่อย อาหารรสชาติถูกปากดี
แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือวิวทะเลสวยๆที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในบณะที่นั่งทานข้าวกลางวัน แค่นี้ก็ฟินและลืมไปเลยว่าเหนื่อย
รีสอร์ทแห่งนี้จะอยู่สูงขึ้นมาจากหาด เพราะฉะนั้นสามารถมองเห็นวิวทะเลจากมุมสูง ทำให้เห็นความใสของน้ำทะเลได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ห้องที่เราเข้าพักในครั้งนี้คือห้อง ocean view Jacuzzi ซึ่งจะเป็น villa 2 ชั้น โดยเข้าไปชั้นแรกจะเป็นชั้นที่มีห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียง ตรงระเบียงก็จะมี sofa กลมใหญ่ๆหนึ่งตัวเพื่อที่จะสามารถนั่งชมวิวจากด้านบนได้ ส่วนของห้องน้ำก็จะมี outdoor shower
ด้านข้างของห้องจะมีบันไดเดินลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปส่วนของ Jacuzzi และที่นั่งเล่น บริเวณทั้งหมดนี้สามารถมองออกไปเห็นวิวทะเลได้หมดเลย สำหรับอ่าง jacuzziถ้าแช่น้ำในตอนกลางคืนก็จะมีไฟหลายสีให้เลือกด้วย
พอสำรวจและชื่นชมห้องพักเสร็จเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวออกไปดำน้ำเล่นที่หน้าหาด ซึ่งทางรีสอร์ทมี kayakให้ยืมออกไปพายได้ และก็ยังมี snorkel และตีนกบให้อีกด้วย เราดำน้ำออกไปไกลมากแบบไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับโลกใต้น้ำ มีปลาว่ายผ่านไปมาให้เห็นประปราย และก็มีหอยเม่นค่อนข้างเยอะแล้วแต่จุด แต่ก็ถ้าเราไม่ไปซนจับหรือเหยียบโดนมันก็ไม่เป็นไร ส่วนจุดที่น่าตื่นเต้นตอนออกไปดำน้ำเล่นคือ.....เจอปลา nemo น่ารักมากๆอยู่ไม่ไกลจากฝั่งสักเท่าไหร่ด้วย
พอดำน้ำเล่นจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยก็กลับมาที่โรงแรม แช่อ่าง Jacuzziสักหน่อย รอดูพระอาทิตย์ค่อยๆตกก่อนแล้วค่อยออกไปหาของกินกันต่อที่ walking street
อาหารเย็นวันนี้รู้สึกอยากอาหารไทยๆ แถวนั้นมีสองร้านที่เป็นที่รู้จัก คือร้านรักษ์เล กับฅนเล แต่ได้ข่าวมาว่าร้านรักษ์เลต้องรออาหารนานบวกกับตอนนั้นคนเยอะเลยตัดสินใจไปลองร้านฅนเลแทน
อาหารของร้านนี้ก็เป็นเหมือนตามสั่งตามร้าน seafood ทั่วไป โดยเน้นไปที่ซีฟู้ดย่าง ส่วนรสชาติของอาหารใต้นั้นก็ถึงพริกถึงขิงตามสไตล์คนใต้ ส่วนราคานั้นก็เป็นไปตามราคาอาหารบนเกาะ
• รออาหารไม่นาน
• อาหารทะเลสด
• แกงส้มรสชาติดี
หลังจากทานอาหารเสร็จ ยังไงท้องก็ยังต้องมีที่พอสำหรับของหวานแน่นอน เพราะเล็งร้านโรตี เตอร์บิลัง เอาไว้แล้วตั้งแต่เดินผ่านมา ก็ร้านนี้เค้ามีลีลาชงชาชัก คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่สะดุดตาก็ไม่รู้จะว่ายังไง โรตีก็กระทะใหญ่ๆ แปลกแบบนี้ไม่ลองก็คงจะพลาด
พอได้ลองโรตีกล้วยก็พูดได้เลยว่าอร่อยกว่าที่อื่นจริงๆนะ
• แป้งร้อนๆนุ่มๆ
• เลือกกล้วยได้แบบสุกกำลังพอดี
• หวานกำลังดี กินแล้วไม่รู้สึกผิดมากเท่าไหร่
เอาอีกล่ะ กินไปกินมาลืมตัว อิ่มแบบนี้ต้องขอเดินย่อยสักหน่อย เดินไปเดินมาก็เห็นมีร้านนั่งชิวอยู่หลายร้านน่าสนใจแต่ไม่ไหวล่ะกินอะไรเข้าไปอีกคงพุ่งออกมาแน่ พอเดินต่อไปเรื่อยๆก็เจอร้านสะดวกซื้อชื่อดัง 7-11อยู่ใจกลาง walking street เลย เดินเข้าไปดูซะหน่อยปรากฎว่าตกใจกับราคาสินค้าแต่ละอย่าง เดินออกแทบไม่ทัน สินค้าแพ๊งงงแพง บางอย่างคือเพิ่มราคา1เท่า บางอย่างเพิ่มกันไปถึง3-4เท่าเลย โหดเกิ๊นนน
ออกมาจาก 7-11 ก็ไม่รู้จะไปไหนแล้วเพราะร้านก็ปิดกันเยอะ มาช่วงนี้ไม่ค่อยคึกครื้น กลับรีสอร์ทไปนอนเล่นดีกว่า ขากลับก็นั่งรถ3ล้อกลับเหมือนเดิม โดนไปอีกคนละ50บาท
.....และแล้ววันเดินทางวันที่สองก็จบลง เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้เช้าที่เราจะออกไปดูโลกใต้น้ำกัน!!
**อ่านต่อในคอมเม้นท์.....
[CR] ชิวไหนดี พาตะลุย หาดใหญ่ – หลีเป๊ะ -- ปีนัง เส้นทางการเดินทางที่ได้ครบถ้วนทั้งความชิว การกิน และการผจญภัยในต่างแดน
บางคนอาจจะรู้จักแล้ว แต่อีกหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าอะไรคือ chillnaidee
ขอแนะนำก่อนเลยล่ะกันค่ะ chillnaideeเป็นinstagram accountที่ให้ข้อมูลและอัพเดทเรื่องของความชิว การกิน และการท่องเที่ยวต่างๆ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ .... instagram @chillnaidee .... หรือจะเข้าทาง www.chillnaidee.com ก็ได้เช่นกัน
ทริปนี้เป็นการแพลนแบบง่ายๆมั่วๆ แต่ทุกอย่างกลับออกมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบ! แค่คิดว่าอยากไปที่ไหนใกล้ๆ ไม่น่าเบื่อ จะได้ไปค้นหาอะไรใหม่ๆดูบ้าง
** ปีนัง ** ก็เป็นที่ๆคิดว่าน่าสนใจเลยเริ่มวางแผนการเดินทาง แต่ล่องใต้ทั้งที ขอไปทะเลด้วยละกัน ทะเลแถบใต้ก็มีตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจเลือกหลีเป๊ะละกัน...ทางผ่าน
และแล้วเมื่อมาถึงวันเดินทาง เราใช้บริการของสายการบิน nok air
พอถึงสนามบินหาดใหญ่ก็เรียก taxi ไปที่พัก buri sriphu พอ check-in เก็บของเสร็จก็ออกไปหาของกินที่ตลาดใหม่ซึ่งก็อยู่ห่างจากโรงแรมเพียงแค่ 1 กิโล ก็เลยเรียกตุ๊กๆไป
พอไปถึงก็เห็นตลาดใหม่อันโด่งดัง ลักษณะเป็นซอยเข้าไปและมีร้านอาหารหลายๆร้าน
มาเริ่มจากร้านแรกเลยละกัน ... ร้านนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ (ร้านเนื้อเปื่อยโคกเสม็ดชุนข้างโรงไฟฟ้าเก่า)
• เนื้อเปื่อย เด็ดมาก เปื่อยจิงแต่ยังคงความเป็นเนื้อ
• ขายแค่5วัน วันละ4ชั่วโมงไม่ธรรมดาๆ
• ชามใหญ่ ให้เยอะ ราคาเหมาะสมกับปริมาณ
ถัดมาร้านที่สองนี้เป็นร้านบะหมี่เป็ดตุ๋นซึ่งอยู่เยื้องๆกับร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลย
• เส้นหมี่ไข่ นุ่มชุ่มชื่น
• น้ำซุปเป็นซุปตุ๋นยาจีน มีความหอมของยาจีนซดน้ำแกงแล้วฟินนน
• เป็ด...แค่เป่าเนื้อก็หลุดออกจากกระดูกแล้ว
ร้านสุดท้ายที่พลาดไม่ได้คงจะต้องเป็นร้านซาลาเปาชื่อดังอย่างร้านโกอ้วนซึ่งตอนนี้เค้าก็มีเปิดสาขาที่กรุงเทพแล้ว รู้ยัง
• ซาลาเปามีให้เลือกทั้งคาวและหวาน
• อยากรู้กรอบนอกนุ่มในเป็นยังไง ลองไส้ครีมทอดแล้วจะเข้าใจ
• ชามะนาวรสเปรี้ยวๆ สดชื่นที่สุด
คืนนี้อิ่มล่ะ กลิ้งกลับโรงแรม
มาถึงวันที่สองของการเดินทาง รถมารอรับที่โรงแรมตอน8โมง และไปรับคนอื่นๆต่อ จากนั้นมุ่งหน้าไปท่าเรือปากบารา ใช้เวลา1ชั่วโมงครึ่ง
พอไปถึงท่าเรือก็จะมีตัวแทนของบริษัททัวร์มารับ แจกตั๋วเรือ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางและพื้นที่ภายในเกาะ จากนั้นก็พอมีเวลาอีกหน่อยเพื่อซื้อของก่อนที่จะไปขึ้นเรือ speed boat ไปที่เกาะหลีเป๊ะ ถ้าใครไม่อยากไปซื้อของแพงบนเกาะก็ซื้อเตรียมกันไปก่อนได้เลย ข้างๆท่าเทียบเรือมี 7-11 อยู่
พอได้เวลาเรือใกล้ออก เค้าก็จะเรียกคนไปลงเรือซึ่งเรือลำที่เรานั่งก็บรรทุกคนได้ประมาณ40กว่าคน
ระหว่างทางไปเกาะหลีเป๊ะ เรือก็จะแวะให้เที่ยวที่เกาะไข่ก่อน (ถ้าเป็นช่วงธรรมดาจะมีแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาด้วย แต่เราดันมาเที่ยวช่วง low season เขาปิดเกาะอยู่ เลยเข้าไปเที่ยวไม่ได้)
เกาะไข่เป็นเกาะที่มีชายหาดขาวและน้ำทะเลใส
แต่highlightของเกาะนี้ก็คงต้องเป็นจุดถ่ายรูปที่เหมือนประตูลอด ในวันที่เราไปนั้นเป็นวันที่น้ำขึ้นสูง (คนเรือเรียกว่า น้ำเกิด) เราก็เลยไม่ได้ลงไปถ่ายรูปใกล้ๆเพราะตอนนั้นยังไม่พร้อมเปียก ☺
หลังจากถ่ายรูปเล่นบนเกาะไข่เสร็จ (มีเวลาประมาณ 15 นาที) ก็กลับขึ้นเรือเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่เกาะหลีเป๊ะกันจิงๆซะที
พอไปใกล้ๆก็จะเห็นว่าเรือ speed boat ที่นั่งมานั้นไม่สามารถเข้าเทียบที่ชายหาดได้เลย เรือทุกลำจะต้องเทียบที่โป๊ะซึ่งลอยอยู่ห่างออกจากฝั่งแค่ประมาณไม่กี่ร้อยเมตร แต่ยังไงก็ต้องต่อเรือหางยาวนั่งเข้าไปที่หน้าหาดพัทยา จะต้องมีการจ่ายเงินค่าเก็บขยะคนละ20บาทและค่าเรือหางยาวอีกคนละ50บาทสำหรับระยะทางที่สั้นมากกกกกก
เมื่อถึงหน้าหาดเราก็เห็นรถ3ล้อ จอดรอรับนักท่องเที่ยวไปที่โรงแรมต่างๆ ก็เลยเรียกให้เค้าไปส่งที่รีสอร์ท ค่ารถ3ล้อราคา50บาทต่อเที่ยวต่อคน ไปไหนมาไหนก็50บาท!!! และรถคันนึงก็นั่งได้แค่2-3คน
ทริปนี้เราได้จองรีสอร์ทชื่อ the cliff ทั้งหมด 2 คืน รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ที่หาด sunset และได้ทราบว่าเป็นรีสอร์ทที่ใหม่ที่สุดบนเกาะในขณะนี้
เมื่อมาถึงที่รีสอร์ทแล้วก็หายเหนื่อยและลืมไปเลยว่านี่เราออกเดินทางมาอย่างยาวไกล บรรยากาศที่รีสอร์ทมีความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย จำนวนห้องไม่เยอะ และสามารถรับแขกเข้าพักได้เต็มที่เพียงแค่29คน เพราะฉะนั้นรู้เลยว่าไม่วุ่นวายแน่ๆ ส่วนการต้อนรับก็ถือว่าดีมากๆ คุณอีฟเป็นผู้จัดการของรีสอร์ทที่เข้ามาต้อนรับเราด้วยตัวเองและเป็นกันเองมากๆ
ตอนนั้นไปถึงที่โรงแรมก็ประมาณบ่ายโมง หิวพอดี เลยสั่งอาหารที่โรงแรมกินซะหน่อย อาหารรสชาติถูกปากดี
แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือวิวทะเลสวยๆที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในบณะที่นั่งทานข้าวกลางวัน แค่นี้ก็ฟินและลืมไปเลยว่าเหนื่อย
รีสอร์ทแห่งนี้จะอยู่สูงขึ้นมาจากหาด เพราะฉะนั้นสามารถมองเห็นวิวทะเลจากมุมสูง ทำให้เห็นความใสของน้ำทะเลได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ห้องที่เราเข้าพักในครั้งนี้คือห้อง ocean view Jacuzzi ซึ่งจะเป็น villa 2 ชั้น โดยเข้าไปชั้นแรกจะเป็นชั้นที่มีห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียง ตรงระเบียงก็จะมี sofa กลมใหญ่ๆหนึ่งตัวเพื่อที่จะสามารถนั่งชมวิวจากด้านบนได้ ส่วนของห้องน้ำก็จะมี outdoor shower
ด้านข้างของห้องจะมีบันไดเดินลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปส่วนของ Jacuzzi และที่นั่งเล่น บริเวณทั้งหมดนี้สามารถมองออกไปเห็นวิวทะเลได้หมดเลย สำหรับอ่าง jacuzziถ้าแช่น้ำในตอนกลางคืนก็จะมีไฟหลายสีให้เลือกด้วย
พอสำรวจและชื่นชมห้องพักเสร็จเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวออกไปดำน้ำเล่นที่หน้าหาด ซึ่งทางรีสอร์ทมี kayakให้ยืมออกไปพายได้ และก็ยังมี snorkel และตีนกบให้อีกด้วย เราดำน้ำออกไปไกลมากแบบไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับโลกใต้น้ำ มีปลาว่ายผ่านไปมาให้เห็นประปราย และก็มีหอยเม่นค่อนข้างเยอะแล้วแต่จุด แต่ก็ถ้าเราไม่ไปซนจับหรือเหยียบโดนมันก็ไม่เป็นไร ส่วนจุดที่น่าตื่นเต้นตอนออกไปดำน้ำเล่นคือ.....เจอปลา nemo น่ารักมากๆอยู่ไม่ไกลจากฝั่งสักเท่าไหร่ด้วย
พอดำน้ำเล่นจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยก็กลับมาที่โรงแรม แช่อ่าง Jacuzziสักหน่อย รอดูพระอาทิตย์ค่อยๆตกก่อนแล้วค่อยออกไปหาของกินกันต่อที่ walking street
อาหารเย็นวันนี้รู้สึกอยากอาหารไทยๆ แถวนั้นมีสองร้านที่เป็นที่รู้จัก คือร้านรักษ์เล กับฅนเล แต่ได้ข่าวมาว่าร้านรักษ์เลต้องรออาหารนานบวกกับตอนนั้นคนเยอะเลยตัดสินใจไปลองร้านฅนเลแทน
อาหารของร้านนี้ก็เป็นเหมือนตามสั่งตามร้าน seafood ทั่วไป โดยเน้นไปที่ซีฟู้ดย่าง ส่วนรสชาติของอาหารใต้นั้นก็ถึงพริกถึงขิงตามสไตล์คนใต้ ส่วนราคานั้นก็เป็นไปตามราคาอาหารบนเกาะ
• รออาหารไม่นาน
• อาหารทะเลสด
• แกงส้มรสชาติดี
หลังจากทานอาหารเสร็จ ยังไงท้องก็ยังต้องมีที่พอสำหรับของหวานแน่นอน เพราะเล็งร้านโรตี เตอร์บิลัง เอาไว้แล้วตั้งแต่เดินผ่านมา ก็ร้านนี้เค้ามีลีลาชงชาชัก คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่สะดุดตาก็ไม่รู้จะว่ายังไง โรตีก็กระทะใหญ่ๆ แปลกแบบนี้ไม่ลองก็คงจะพลาด
พอได้ลองโรตีกล้วยก็พูดได้เลยว่าอร่อยกว่าที่อื่นจริงๆนะ
• แป้งร้อนๆนุ่มๆ
• เลือกกล้วยได้แบบสุกกำลังพอดี
• หวานกำลังดี กินแล้วไม่รู้สึกผิดมากเท่าไหร่
เอาอีกล่ะ กินไปกินมาลืมตัว อิ่มแบบนี้ต้องขอเดินย่อยสักหน่อย เดินไปเดินมาก็เห็นมีร้านนั่งชิวอยู่หลายร้านน่าสนใจแต่ไม่ไหวล่ะกินอะไรเข้าไปอีกคงพุ่งออกมาแน่ พอเดินต่อไปเรื่อยๆก็เจอร้านสะดวกซื้อชื่อดัง 7-11อยู่ใจกลาง walking street เลย เดินเข้าไปดูซะหน่อยปรากฎว่าตกใจกับราคาสินค้าแต่ละอย่าง เดินออกแทบไม่ทัน สินค้าแพ๊งงงแพง บางอย่างคือเพิ่มราคา1เท่า บางอย่างเพิ่มกันไปถึง3-4เท่าเลย โหดเกิ๊นนน
ออกมาจาก 7-11 ก็ไม่รู้จะไปไหนแล้วเพราะร้านก็ปิดกันเยอะ มาช่วงนี้ไม่ค่อยคึกครื้น กลับรีสอร์ทไปนอนเล่นดีกว่า ขากลับก็นั่งรถ3ล้อกลับเหมือนเดิม โดนไปอีกคนละ50บาท
.....และแล้ววันเดินทางวันที่สองก็จบลง เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้เช้าที่เราจะออกไปดูโลกใต้น้ำกัน!!
**อ่านต่อในคอมเม้นท์.....