[CR] ทริปฝรั่งเศส in JUNE : PARIS > ROLAND GARROS > PROVENCE > COTE D'AZUR : Day 1 Paris วิวดี๊ดีย์


ทริปฝรั่งเศส in June นี่เกิดได้ต้องอวยเพจ arpae.com เป็นสำคัญ ที่ส่งข้อมูลตั๋วโปรที่ทำให้คันมือและตาลุกวาวมากกก จนมันต้องเคาะๆๆๆๆ เอาตั๋วมาครอบครอง ทั้งที่ก็รู้ว่าวีซ่ายังไม่ได้ขอ ตั๋วคืนไม่ได้เปลี่ยนไม่ได้ แต่ด้วยโปรบินตรงปารีสกับ Airfrance ด้วยราคาต่ำกว่า 2หมื่นนี่ห้ามมือไม่อยู่จริมๆ

โปรมา ราคารอละ ทีนี้ก็มาหาวันกัน เผอิญว่านี่บ้าเทนนิส ช่วงโปรนี่ก็คลุมรายการ Grand slam French open หรือ Roland Garros พอดี เป๊ะปังมาก ดังนั้นไม่รอช้าเคาะวันไป 31/5 กลับ 6/6 รวม 7วัน 6คืน ขาไปบินตรงลง ปารีส CDG ขากลับนี่แพลนว่าจะลงไปเที่ยวเฟรนช์ริเวียร่าเลยเลือกกลับจาก Nice บิน 2ตุ๊บ Nice-Amsterdam-Bangkok บินด้วย KLM เครือเดียวกัน รวมราคาแล้วทุกอย่าง กระเป๋า ที่นั่ง อาหาร 19,980.-/คน หย่อนสองหมื่นไปแค่แบงค์เขียวใบนุง ฟินมากกก

นี่จองตั๋วเสร็จมีเวลาเกือบๆ 2เดือนทำวีซ่า แนะนำว่าให้รีบทำโดยไว เพราะหลายขั้นตอน ต้องลงทะเบียนผ่านเวบไซต์ TSLcontact นัดวันยื่นเอกสาร รอสถานทูตอนุมัติ เผื่อไว้ถ้าไม่ผ่านควรมีเวลายื่นอีกรอบได้ทัน เตรียมเอกสารให้พร้อม ที่มารายได้ statement เดินดี ยอดคงเหลือดี ยื่นเอกสารเฉยๆ ไม่ต้องสัมภาษณ์ ก็ผ่านไม่ยากนะ ให้มาตั้ง 3เดือน ถือว่าใจดีกว่าวีซ่าเชงเก้นประเทศอื่นๆ ที่ต้องมานั่งสัมภาษณ์ให้เค้า-ดันอย่างเยอรมัน แถมให้วันมาเป๊ะแบบไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดให้เลย

ระยะเวลาคืนเล่มจากสถานทูตประมาณ 5-10วันทำการ ค่าวีซ่ารวมค่าดำเนินการคนละประมาณ 3,000บาท ช่วงรอวีซ่านี่ก็ลุ้นมาก ไม่กล้าจองกล้าจ่ายอะไรล่วงหน้าเลย กลัวไม่ผ่านแล้วตั๋วเป็นกระดาษเช็ดน้ำตาแทน แนะนำว่าช่วงนี้ก็หาโรงแรม จัด route ไปพลางก่อน จองได้ก็จองแบบจ่ายทีหลังไป ล๊อคห้องเอาไว้ก่อน วีซ่าผ่านละว่ากัน

เนื่องจากไฟลท์ขาไป Airfrance บินกลางวันถึงเย็น หลายคนอาจจะไม่โปรดปราน เพราะเสียเวลาเที่ยว แต่ก็เอาโนะราคานี้น่ะบินการบินไทยแบบออกดึกถึงเช้าได้แค่ครึ่งตูดเอง trade off กันไปละกัน ส่วนแผนแบบหลวมๆ นี่อยู่ปารีส 4คืน 3วันเต็ม ดูเทนนิสเต็มๆ 1วัน แล้วนั่ง TGV ลงใต้ไป Avignon เช่ารถต่อขับดูทุ่งลาเวนเดอร์ แล้วเลาะ French Riviera ไปถึง Monte Carlo พักตามทาง 2คืน แล้วบินกลับไทยจาก Nice เลย

แนะนำว่าเวลาแพลนเที่ยวเอง อย่า"งก"ว่าต้องไปชะโงกหลายเมือง มาปารีสทั้งทีนะ ยิ่งใครมาครั้งแรกบอกเลยจัดไป 3-4วัน ถึงจะจุใจ ทั่วถึง ใครจะค่อนแคะว่าได้เชงเก้นทั้งที เที่ยวแค่ไม่กี่ประเทศก็ช่างเขาโนะ สะบัดบ๊อบไปละก็ยิงสลุตรูปปารีสใส่ feed รัวๆๆๆ

เอาล่ะตัดภาพมาวันบินจริงกันเลยโลด ส่วนเรื่องที่พักขอบอกว่าเด็ดๆๆๆ มากกกกกก แต่เดี๋ยวไว้เล่ารวบรวดเดียวตอนไปถึงที่พักคืนแรกกัน จะได้สรุปความเด็ดว่าจริงตามรูปมั้ย

ไฟลท์ AF165 ออกจากสุวรรณภูมิเกท E3 เวลา 09:50 เรียกขึ้นเครื่องก่อนตั้งชั่วโมงแน่ะ ไฟนอลคอลล์กันไวมาก อย่าช้อปเพลินล่ะเพราะเกทปิด 20นาทีก่อนเครื่องออก ไฟลท์นี้บินด้วยเครื่อง 777-300ER ที่นั่งส่วน Eco ยัดคอนฟิกมาแบบ 3-4-3 ก็เป็นคอนฟิกยัดทะนานคลาสสิคของเครื่องรุ่นนี้ จะเฉือนกันตรง seat pitch ซึ่งของ AF จัดว่าแคบสำหรับไซส์ยุโรปเลยนะ คนในจะออกนี่ลุกกันทั้งแถว สภาพทั่วไปเครื่องเก่าทีเดียว IFE ก็จอกระจิ๊ด โปรแกรมโบร้าณณณ โบราณ หยิบ ipad มาเล่นเกมตัวเองหนุกกว่าเยอะ หนังก็ไม่ค่อยอัพเดท ใช้เวลาบิน 12:15 นาที ถึง ปารีส CDG เวลา 17:05

ก่อนบินก็ไปอ่านรีวิวมาก่อน เขาบอกว่า AF บริการขนม น้ำ ไอติม ตลอดไฟลท์ แต่ต้องเดินไปหยิบเองที่ galley นะ รู้ตามนี้ตอนจอง ก็เลือกที่นั่งริมทางเดินใกล้ galley ไว้ก่อน งกกินม้ากกกมากก 555 พอมาบินจริงก็แนะนำนะ เลือกใกล้ galley เป็นดีงาม แต่อย่าเลือกติดกับ Galley!!! ทีเดียวเชียว เพราะพลุกพล่านมากกกก ใครหวังจะนอนยาวคงนอนไม่หลับ เพราะคนฝรั่งเศสชอบเดินยืดเส้นและ socialise มาก แล้วจะเดินไปไหนถ้าไม่เดินมารุมหาของกินกันที่ galley เรียกว่ายืนสิงกันทีเดียว ไฟขึ้นรัดเข็มขัดทีถึงจะแตกฮือกลับที่กัน แต่นี่ดีอย่างพอมี turbulence ปุ๊บแอร์ก็เดินตรวจให้รัดเข็มขัดทุกรอบนะ

ส่วนอาหารมื้อแรก บินไปราวๆ ชั่วโมงครึ่งถึงจะเสิร์ฟ มาไฟลท์นี้ไม่ได้เลือก special meal ไว้ มาลุ้นเอาว่าจะได้กินอะไรกันหน้างาน AF ไม่มีเมนูให้แล้วก็ไม่มี choice ให้ด้วย มาถึงวางถาดเลย มี smoke salmon salad เป็น appetiser มีขนมปังให้ 2ก้อนพร้อมเนย main course เป็น สตูว์ไก่กับมันบด เสิร์ฟคู่กะไวน์แดงเล็กๆ คนละขวด ตบท้ายด้วย dessert เป็น cracker กับ cheese Camembert และ เค้กบาน้อฟฟี่ เครื่องดื่มอื่นสั่งได้ตามใจ ส่วนกาแฟและชาจะเสิร์ฟตบท้ายหลังจากเก็บถาด

ส่วนมื้อที่สองจะเสิร์ฟก่อนเครื่องลงประมาณ 2ชั่วโมง ประมาณบินถึงแถวเวียนนาปุ๊บนั่นล่ะจะได้กินละ ระยะระหว่าง 2มื้อนี่ร่วม 8ชม. เพราะฉะนั้นจงเดินไปหยิบแซนด์วิช ขนม น้ำจาก galley มากินบ้างนะ อย่าเอาแต่นอนอย่างเดียว ไส้จิขาดไม่รู้ด้วย ส่วนอาหารมื้อนี้เป็น cold meal สลัด fusilli โปะ Bologna ไก่ เสิร์ฟพร้อมขนมปังและเนยแข็ง และมี Brownie ตบท้าย มื้อนี้เน้นเสิร์ฟพร้อม ชา กาแฟ เข้ากันดีกะอาหาร แต่ใครจะขอน้ำอื่นๆ เขาก็จัดให้นะ อิ่มปุ๊บเก็บถาดปั๊บเครื่องก็ไต่ระดับลงที่ CDG พอดี ไฟลท์ถึงก่อนเวลาประมาณ 10นาที

ก่อนจะออกจากเครื่องแอร์จะประกาศว่าเราจะจอดที่เทอร์มินอลอะไร กระเป๋าสายพานไหน ก็เงี่ยหูฟังไว้ให้ดี จะได้ไม่ต้องคอยไปดูจอ เนื่องจากสนามบินนี้ใหญ่มากกก ออกจากเครื่องมาก็ disoriented มาก เอาว่าเดินตามป้าย "baggage claim" เป็นสำคัญ มันจะพาเราไปขึ้น shuttle train อะไรก็ตามป้ายรับกระเป๋าไป ถ้าตามถูกเด๋วจะเจอด่านตรวจ passport ระหว่างทาง ก่อนเข้าตรวจก็มีแยกโซน passport EU และ passport อื่นๆ ก็เดินให้ถูกช่อง ถึงคิวจะยาวแต่ตรวจไม่นาน ส่วนมากปั๊มโชะๆ ไม่ถงไม่ถามซ้ากกกคำ ผ่านด่านนี้ก็สบายละ Bienvenue á Paris

จากนั้นก็จะเดินมาสายพานที่แอร์บอกไว้ ถ้าจำไม่ได้ก็ดูจอหาเบอร์ไฟลท์ตัวเองจะมีเลขสายพานบอกก็ไปตามช่องนั้นๆ สายพานนึงนี่รวมกระเป๋าไว้หลายไฟลท์ ค่อนข้างจะมั่วอยู่ เพราะงั้นเช็คtag กระเป๋าดีๆ ยิ่งใครใช้กระเป๋าหน้าตาเหมือนชาวบ้าน (เป๋าโหลววว) ยิ่งต้อง double check นะฮะ

เสร็จจากนี่ละก็เข็นไปผ่าน custom ซึ่งก็ไม่เห็นมีใครตรวจ ออกมาได้คือเสร็จพิธีการละ ที่เหลือคือจะเข้าปารีสยังไง เลือกได้ตาม choice เลย Taxi/รถไฟ/รถบัส นี่เลือกไปรถไฟเพราะจ่ายต่อเดียวจบ ถ้านั่งบัสต้องไปเสียเงินต่อเมโทรอีกรอบนึง สนนราคารถไฟเข้าเมืองที่ 10e/คน เดินตามป้าย "RER B" ไปขึ้นรถไฟไม่ยาก เดินยาวววไปเรื่อยๆ ไปถึงก็ไปกดตู้ขายตั๋วสีเขียว ตู้บ้านี่รับเฉพาะเหรียญกับบัตรเครดิตที่มีชิพเท่านั้นนะ นี่กว่าจะกดได้เสียบบัตรไป 3-4 บัตร 555

ก่อนขึ้นรถไฟแนะนำให้ load app RATP ขนส่งมวลชนปารีสไว้ จะได้มีแผนที่ไว้ใกล้ตัว วิธีขึ้นรถให้ดูปลายทางที่เราจะไป เหมือน BTS งี้ ถ้าอยู่สยามจะไปนานา ก็ต้องดูชานชาลาที่ปลายทางแบริ่ง หลักการเดียวกัน เพราะงั้นเช็คแอพว่าสาย RER B นี้มีปลายทางไหนบ้าง แล้วก็ขึ้นให้ถูก เพราะชีวิตคนลากกระเป๋าใบใหญ่ที่ปราศจากการหลงเป็นชีวิตที่ดีงามมมม

รถไฟใช้เวลา 40-50 เข้าปารีส ลงต่อ metro ให้ถูกสถานี เดินใจเย็นๆ อย่ารีบร้อนขึ้นเด๋วจะหลง เอาช้าแต่ชัวร์ไว้ ส่วนนี่ไปลงสถานี St.michel-Notre dame ไปต่อ RER C เพื่อไปลงปลายทางที่ Pont de l'alma ตอนต่อนี่ก็ดูปลายทางดีละนะ พอโผล่แว้บมาที่ชานชาลาปุ๊บ รถจอดอยู่พอดี รออะไรล่าาา วิ่งขึ้นเลยสิ ประตูเกือบหนีบตูด พอนั่งไปรถจอดสถานีหน้า เช็คชื่อสถานีปุ๊บก็เย่ขึ้นถูกทางละ ไม่มีหลง แต่พอจะถึงสถานีถัดไปที่ Invalides รถประกาศไรไม่รู้ เหมือนคล้ายๆว่า รถหมดระยะที่นี่ ลงๆๆๆ ลงให้หมด อ้าววววววเห้ย อีกป้ายนึงก็ถึงละ ไปต่อให้กรูหน่อยเหอะ

ลงมานี่ก็มึนๆ ดูจอว่าจะไปขึ้นขบวนไหนต่อ ก็งง เพราะเห็นแค่ สองรางซ้ายขวา ไป-กลับ ไอ้ทางที่เราจะไปรถขบวนเมื่อกี้ก็จอดนอนดับไฟอยู่ ไปอีกทางก็ไม่ได้เพราะย้อนกลับทางเดิมแน่ๆ เผอิญมีคนฝรั่งเศสใจดีถามว่าไปไหน เขาเลยบอกให้ไปต่อรถสายเดียวกันนี่แหล่ะแต่อีกชานนึง สรุปว่าต้องลงบันได ลอดรางไปขึ้นต่ออีกชาน นี่ถ้าไม่รีบร้อนขึ้นรถขบวนแรกนะ ดูซะก่อนว่ามันไปสุดที่ไหนก็ไม่ต้องงมหลงแล้ว สรุปว่าจะไม่หลงนี่ก็หลงนะ หลงไปเบาๆ 555

โผล่ขึ้นดินจากสถานี Pont de l'alma ก็เดินเลียบแม่น้ำแซนมาอีก 600เมตรถึงที่พักที่จองไว้กับ Airbnb 4คืน ซึ่งเจ้าของห้องจั่วหัวเอาไว้ว่า "Amazing view on the Eiffel Tower"

เกริ่นก่อนว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยใช้ airbnb มาก่อน ใช้แต่ Booking กับ Agoda เพิ่งลองใช้ airbnb ครั้งแรก คอนเซ็ปของ Airbnb คือเอาห้องมาให้นักท่องเที่ยวเช่าพัก เจ้าของห้องก็กำหนดเอาจะให้เช่าขั้นต่ำกี่คืน พักได้กี่คน facility รวมอะไรบ้าง นโยบายการยกเลิกเป็นยังไง พร้อมรูปถ่ายห้องพักและวิว ตอนแรกตามแพลนคืออยู่ปารีส 4คืน ก็ตั้งใจตาม concept การเที่ยวคือ พักเน่าหนอนกี่คืนก็ได้ขอดีๆ คืนนึง! ก็เปิด booking จองโรงแรมงบไม่เกิน 100e ได้มาที่นึงคืนละ 80e อยู่ไกลโพ้นแถบชานเมืองปารีส จองไว้ 3คืนยังไม่เสียตัง ส่วนคืนสุดท้ายนี่จะขอสั่งลาปารีสด้วยโรงแรมวิวไอเฟลรึประตูชัยก็ได้ซักคืน นี่ก็ search มาจนได้ shortlist อยู่ 2โรงแรม Pullman Eiffel กับ Splendid etoile วิวประตูชัย ทั้งสองที่ราคาแพงระยับ 400e up นี่ก็ว่าจะกลั้นใจจองไปละ แต่มันมีออพชั่น pay now ที่ถูกกว่าเป็น 10% ก็เลยยั้งมือรอวีซ่าผ่านก่อนค่อยจอง

ครั้นพอวีซ่าผ่านก็ดั้นใกล้เวลาเข้าพัก ราคาก็อัพไปอีกตามสูตร เริ่มทำใจไม่ได้ และตอนนี้แหล่ะมีโฆษณา airbnb โปรกะบัตรกสิกรลด 12% แว้บเข้ามาใน feed ก็เลยลองจิ้มเข้าไปดู นั่นแหล่ะถึงได้เปิดกระโหลก เปิดโลก เลยทีเดียว นี่ก็นั่งจิ้มเลือกห้องเพลินมากกก จนมาเจอห้องนี้เข้า! ตรงหมดที่ต้องการ วิวไอเฟลเป๊ะจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน แถมรวมอาหารเช้าอีก พักขั้นต่ำ 4คืน ก็เข้าล๊อกอีก แถมวันที่ห้องว่างก็โหว่เป็นช่วงที่นี่ต้องการพอดี คือทุกอย่างลงตัว right place and right time แค่ราคาเท่านั้นที่ต้องตัดสินใจ

ราคาที่เจ้าของห้องปล่อยมาคือ 150e/2คน/คืน อะไรนะแค่ 150e นี่ตาไม่ฝาดใช่ป่ะ วิวนี้กะราคาแค่นี้ โอ้วม่ายยย มือไม้สั่นนน จะกดจองให้ได้ แต่เพื่อความรอบคอบ ไม่ให้ภาพเจ้าของห้องมาหลอกเรา นี่ก็เข้าไปเช็คที่อยู่ของอพาร์ทเม้นต์กับ google maps และเปิด street view ดู คือมันใช่ละ ใช่เลย มันคือตึกสุดท้าย ก่อนที่จะเป็นสวน champ de mars และภาพหอไอเฟลเต็มๆ จากห้องนอนไม่ใช่เรื่องหลอก


(มีต่อ...)
ชื่อสินค้า:   Paris, France
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่