ขอแชร์ประสบการณ์การเดินทางโดยรถไฟในปารีส และ วิธีซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ
จากประสบการณ์การไปปารีสครั้งแรกแบบไม่ได้หาข้อมูลอะไรไป ก็จะได้บทสรุปง่ายๆ แบบฉบับไปครั้งแรกก็ไม่หลง แบบที่จะกล่าวต่อไปนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า
การเดินทางในปารีสหลักๆของเราในครั้งนี้ จะใช้รถไฟเป็นหลัก ซึ่งรถไฟที่ใช้ก็จะแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
1. รถไฟ Metro (เมโทร) เป็นรถไฟ ที่วิ่งเฉพาะย่านใจกลางเมือง (โซน 1-2 ) เท่านั้น เส้นทางในแผนที่ สังเกตที่เป็นตัวเลข ราคาตั๋วเที่ยวเดียว เริ่มต้นที่ 1.9 ยูโร ตลอดสายต่อ 1 เที่ยว ใช้งานได้เครั้งเดียวแต่ครบคลุมทั้งรถไฟ RER (ในโซน1) รถบัส และรถราง ในโซนที่กำหนดเท่านั้น
2. รถไฟ RER (แอ-เออ-แอ) ซึ่งตอนแรกเราอ่านว่า อาร์อีอาร์ ไปจนถึง เรอ ฮ่าฮ่าฮ่า สำหรับรถไฟแอร์เออแอร์นี้ เป็นรถไฟที่วิ่งเข้าในเมืองและออกย่านชานเมือง โดยจะวิ่งตั้งแต่โซน 1-5 เส้นทางในแผนที่สังเกตที่เป็นตัวอักษร A,B,C, ฯลฯ ราคาจะไม่เท่ากันในแต่ละโซน เช่น ถ้าจะไปยังพระราชวังแวร์ซายซึ่งอยู่ย่านชานเมือง จากโซนจุดท่องเที่ยวในเมืองเช่น หอไอเฟล ก็ต้องเลือกนั่งรถไฟ RER ซึ่งจะต้องซื้อตั๋วใหม่ ราคาตามระยะทาง
ในครั้งแรกที่ไปถึงสนามบิน CDG ก็เริ่มงง ว่าจะต้องเดินทางยังไงดี แต่ทุกคนไม่ต้องกังวล เพราะที่สนามบินจะมี Tourist information อยู่ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ เราสามารถถามทาง และซื้อตั๋วได้เลยที่จุดนี้
**แนะนำให้ขอแผนที่รถไฟเขาเลย เพราะจะสะดวกมากเวลาเราต้องการถามทางในครั้งต่อๆไป รวมถึงการดูสายรถไฟที่เราต้องขึ้นต่อ
ซึ่งในครั้งนี้เราบินการบินไทยไปลง Terminal 1 เมื่อถามทางเจ้าหน้าหน้าที่ เขาแนะนำให้เราเดินทางจากสนามบินไปที่พัก(เมโทรCommerce) โดยรถไฟ RER B ขึ้นที่ Terminal 3 ซึ่งตั๋ว RER ที่ซื้อมาสามารถต่อรถไฟใต้ดินได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งหากไปเที่ยวกับ
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่จะไม่ค่อยแนะนำให้ขึ้นเมโทรหรือ RERเท่าไหร่เพราะต้องเดินขึ้นลง
บันไดหลายขั้นมาก (ซึ่งหากจำเป็นจริงๆแนะนำให้ขึ้นต้นๆขบวนจะมีพื้นที่สำหรับจักรยานอยู่)
การซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Navigo
ราคาเที่ยวละ 1.9 ยูโร ซื้อเองได้ไม่ยากเลย ถ้าจะให้ประหยัดแนะนำซื้อแบบ 10 ใบ 14.9 ยูโร หรือจะ 20 ใบ 29.8 ยูโร ไปเลย ไปหลายคนก็แบ่งกันใช้ได้ ราคาจะถูกลง ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย ซึ่งหน้าตาของเครื่องจะมีปุ่มไว้กดตกลง และลูกกลิ้งไว้หมุนเลือกตัวเลือกบนจอ
1. ขั้นตอนแรกหมุนลูกกลิ้งลงเพื่อเลือกภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วกดปุ่มเขียวขวามือ
2. หมุนลูกกลิ้งลงเพื่อเลือก Buy Tickets แล้วกดปุ่มเขียวขวามือ
3. เลือกชนิดของตั๋วที่จะซื้อ เช่น Ticket t+ (ใช้ขึ้นเมโทร, รถราง, รถบัส , RER ในตัวเมืองปารีส) หรือ Airport Ticket ไปสนามบินก็ได้
4. ผู้ใหญ่ให้เลือก Full Fare คือตั๋วราคาเต็ม สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ให้เลือก Reduced fare -10 year old
5. เลือกจำนวนตั๋วที่ต้องการ
6. เลือก validateเพื่อยืนยัน
7. ใส่เงิน ซึ่งเครื่องจะรับได้ทั้งเหรียญและ ธนบัตร ซึ่งธนบัตรรับได้สูงสุดคือ 20 ยูโร
8. จากนั้นเครื่องก็จะถามว่าเราต้องการใบเสร็จไหม ถ้าไม่เอาก็หมุนเลือก No
9. เครื่องก็จะพิมพ์ตั๋วให้เราตามจำนวนที่เลือก พร้อมเงินทอน
ซึ่งจากประสบการณ์ที่เจอมา ขบวนรถไฟ Metro บางขบวนไม่มีการประกาศบอกสถานี ซึ่งต่อให้ประกาศก็ฟังยากมากกกกกก และที่สำคัญคือ
ประตูไม่ยอมเปิดเอง ต้องสังเกตุป้ายนอกกระจกรถไฟเวลารถไฟจะถึงสถานี แล้ว
ดึงตัวล็อกประตู หรือกดปุ่มเพื่อออก
สรุป
จะบอกว่าการเดินทางในปารีสโดยรถไฟสะดวกมากถึงมากที่สุด เพราะมีรถไฟทั่วถึงมาก แต่ไม่เหมาะกับคนที่เดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เนื่องจากบางสถานีไม่มีบันใดเลื่อน และลิฟต์ พื้นที่ในรถไฟน้อย ซึ่งหากต้องใช้งานจริงๆ ก็ให้เลือกขึ้นขบวนหน้าๆเพราะจะมีที่สำหรับจักรยานอยู่ ถ้าเดินทางหลายๆที่ และไปหลายคน ก็ซื้อตั๋วเป็น Booklets 10 ใบ ไปเลย ช่วยประหยัดไปได้นิดหน่อย
แชร์ประสบการณ์การเดินทางโดยรถไฟในปารีส (วิธีซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ)
จากประสบการณ์การไปปารีสครั้งแรกแบบไม่ได้หาข้อมูลอะไรไป ก็จะได้บทสรุปง่ายๆ แบบฉบับไปครั้งแรกก็ไม่หลง แบบที่จะกล่าวต่อไปนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า
การเดินทางในปารีสหลักๆของเราในครั้งนี้ จะใช้รถไฟเป็นหลัก ซึ่งรถไฟที่ใช้ก็จะแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
1. รถไฟ Metro (เมโทร) เป็นรถไฟ ที่วิ่งเฉพาะย่านใจกลางเมือง (โซน 1-2 ) เท่านั้น เส้นทางในแผนที่ สังเกตที่เป็นตัวเลข ราคาตั๋วเที่ยวเดียว เริ่มต้นที่ 1.9 ยูโร ตลอดสายต่อ 1 เที่ยว ใช้งานได้เครั้งเดียวแต่ครบคลุมทั้งรถไฟ RER (ในโซน1) รถบัส และรถราง ในโซนที่กำหนดเท่านั้น
**แนะนำให้ขอแผนที่รถไฟเขาเลย เพราะจะสะดวกมากเวลาเราต้องการถามทางในครั้งต่อๆไป รวมถึงการดูสายรถไฟที่เราต้องขึ้นต่อ
ซึ่งในครั้งนี้เราบินการบินไทยไปลง Terminal 1 เมื่อถามทางเจ้าหน้าหน้าที่ เขาแนะนำให้เราเดินทางจากสนามบินไปที่พัก(เมโทรCommerce) โดยรถไฟ RER B ขึ้นที่ Terminal 3 ซึ่งตั๋ว RER ที่ซื้อมาสามารถต่อรถไฟใต้ดินได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งหากไปเที่ยวกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จะไม่ค่อยแนะนำให้ขึ้นเมโทรหรือ RERเท่าไหร่เพราะต้องเดินขึ้นลงบันไดหลายขั้นมาก (ซึ่งหากจำเป็นจริงๆแนะนำให้ขึ้นต้นๆขบวนจะมีพื้นที่สำหรับจักรยานอยู่)
การซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Navigo
ราคาเที่ยวละ 1.9 ยูโร ซื้อเองได้ไม่ยากเลย ถ้าจะให้ประหยัดแนะนำซื้อแบบ 10 ใบ 14.9 ยูโร หรือจะ 20 ใบ 29.8 ยูโร ไปเลย ไปหลายคนก็แบ่งกันใช้ได้ ราคาจะถูกลง ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย ซึ่งหน้าตาของเครื่องจะมีปุ่มไว้กดตกลง และลูกกลิ้งไว้หมุนเลือกตัวเลือกบนจอ
1. ขั้นตอนแรกหมุนลูกกลิ้งลงเพื่อเลือกภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วกดปุ่มเขียวขวามือ
2. หมุนลูกกลิ้งลงเพื่อเลือก Buy Tickets แล้วกดปุ่มเขียวขวามือ
สรุป
จะบอกว่าการเดินทางในปารีสโดยรถไฟสะดวกมากถึงมากที่สุด เพราะมีรถไฟทั่วถึงมาก แต่ไม่เหมาะกับคนที่เดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เนื่องจากบางสถานีไม่มีบันใดเลื่อน และลิฟต์ พื้นที่ในรถไฟน้อย ซึ่งหากต้องใช้งานจริงๆ ก็ให้เลือกขึ้นขบวนหน้าๆเพราะจะมีที่สำหรับจักรยานอยู่ ถ้าเดินทางหลายๆที่ และไปหลายคน ก็ซื้อตั๋วเป็น Booklets 10 ใบ ไปเลย ช่วยประหยัดไปได้นิดหน่อย