เห็นเขาเล่าก็อยากเล่ามั่ง ประสบการณ์หลอน (?) ของเราเอง

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เห็นหลายคนแชร์ประสบการณ์หลอนเยอะมาก (และก็แอบตามอ่านเยอะมาก 555) วันนี้เราขอเล่ามั่ง ไม่รู้ว่าตลาดจะวายไปหรือยังนะ

ก่อนอ่าน เราขอเตือนไว้ก่อนว่า เรื่องของเราไม่หลอนนะ บางเรื่องออกจะขำๆ เสียมากกว่า คือเราเป็นประเภทจะกลัวเวลาที่ตัวเองไม่รู้ไม่เห็น ได้แต่ฟังเขาเล่ามา แต่พอเจอจริงๆ เราจะนิ่งมาก

เอาล่ะ เข้าเรื่องเนอะ

บ้านเรา ทางฝ่ายแม่จะมีเซ้นส์ทางนี้สืบต่อกันมาางสายเลือดค่ะ พ่อของทวด (งงมั้ย) พ่อของทวดเราจะเป็นหมอยา พ่วงด้วยหมอไสยขาวด้วย กลุ่มนี้เขาจะมีวิชาติดตัวอยู่ละ แล้วก็มีถ่ายทอดกันมา สายแม่ของเราจะมีเซ้นส์เกือบทุกคนค่ะ ยายเรานี่มากกว่าเพื่อน เห็นบ่อย บางทีมีชวนทวดกับแม่เราสมัยเด็กมาดูผีกันสนุกสนาน (?) ด้วย อันนี้ข้ามไป ไม่เกี่ยวกะเรา ถ้าเล่าหมดเดี๋ยวยาว 555

ประสบการณ์สุดสนุก (ตรงไหนแว้) ของเรานี่ เราจะเริ่มนับตั้งแต่ที่เรารับรู้ได้เองแบบชัดเจนนะคะ ไอ้ที่ยังค้างคาใจหรือที่ไม่แน่ใจ กับเรื่องเล็กๆ นี่เราจะไม่เล่าละ เริ่มละน้า

1. ทำเวรห้องสมุด

เรื่องนี้เกิดตอนอยู่ป. 6 ค่ะ โรงเรียนประถมของเราเป็นโรงเรียนเก่าที่สร้างในที่ดินของวัด อาคารที่เป็นห้องสมุดนี่จะมีสองชั้น เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ สร้างขนานไปกับรั้วโรงเรียน ฝั่งตรงข้ามจะเป็นวัดพอดี อาคารนี้จะแยกเป็นสองฝั่ง โดยมีห้องพักครูคั่นกลาง ห้องสมุดจะอยู่ชั้นล่าง คั่นกลางด้วยห้องพักครูศิลปะ ในห้องนี้จะมีบ่อน้ำเก่าอยู่ด้วย ถัดจากห้องพักครูนี้ไปจะเป็นห้องของชั้น ป.1

ตอนอยู่ ป.6 เราจะมีเวรทำความสะอาดห้องสมุดค่ะ จะทำเป็นคู่ๆ เรียงตามเลขที่ มาทำความสะอาดช่วงพักกลางวัน วันนั้นเป็นเวรเรากับเพื่อนอีกคน พอก้าวเข้าห้องสมุดนี่ เรากับเพื่อนมองหน้ากันแวบนึง เพราะห้องเงียบมาก เงียบผิดกว่าทุกวัน ทั้งที่เป็นช่วงพักกลางวัน แต่วันนั้นไม่รู้เป็นยังไง ไม่มีใครเข้ามาในห้องสมุดเลยแม้แต่ครูบรรณารักษ์ พอเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูปุ๊บ รู้สึกเหมือนเราถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง มันเงียบจริงๆ ทั้งที่พอเปิดประตูออก เราจะได้ยินเสียงเด็กๆ วิ่งเล่นในสนามแท้ๆ และห้องสมุดนี้มันไม่ใช่ห้องสมุดเก็บเสียงด้วย เรากับเพื่อนก็ เออ ช่างมัน รีบทำรีบไปดีกว่า

เราสองคนรีบทำจนใกล้จะเสร็จ อยู่ดีๆ พานพุ่มตรงโต๊ะหมู่บูชาใกล้กับตู้หนังสือเกิดหล่นลงมาเอง เรากับเพื่อนมองหน้ากันทันที ต่างคนต่างถือไม้กวาดค้าง พูดไม่ออกได้แต่มองหน้ากัน เพราะไม่มีใครไปยุ่งหรือเฉียดใกล้ตรงโต๊ะหมู่นั่นเลย แล้วพานพุ่มมันตกลงมาได้ยังไง พานหนักพอสมควรด้วย เพื่อนเราอยู่ใกล้กว่า นางเลยสูดลมหายใจลึกๆ แล้วทำใจกล้ารีบไปเก็บพานวางที่เดิม แล้วเราก็....

ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะค่ะ หัวเราะแว่วๆ แผ่วๆ ใกล้หูนี่แหละ อย่างที่บอกว่าตอนนั้นห้องมันเงียบมาก ชนิดที่ไม่มีเสียงภายนอกเข้ามาได้เลย ทีนี้ทำไงล่ะ

เรารีบเก็บไม้กวาดอย่างเร็วแล้วเผ่นออกมาสิคะ จะอยู่ทำไม
    

2.ใบหน้าบนกระดานดำ
    
เรื่องนี้เราอยู่ ม.2 ค่ะ โรงเรียนมัธยมเราเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ สมัยเรายังเรียนอยู่นั้น เป็นโรงเรียนเกือบหญิงล้วน ชั้นมัธยมต้นจะมีแต่เด็กผู้หญิง ส่วนชั้นมัธยมปลายถึงจะมีผู้ชายบ้าง แต่ก็เป็นประชากรส่วนน้อยมาก ส่วนตอนนี้กลายเป็นโรงเรียนสหเต็มรูปไปแล้วค่ะ
    
เหตุเกิดที่อาคารหลังหนึ่งใกล้กับหอประชุมโรงเรียน ห้องนั้นอยู่สุดทางเดินของตึกปีกซ้ายชั้น 3 (ถ้ายืนหันหน้าเข้าหาตัวตึก) วันนั้นห้องเราเรียนคาบที่ 7 ที่ห้องเจ้าปัญหานี้ พอคาบ 8 จะเป็นห้องว่าง พวกเราเลยเอากระเป๋าวางทิ้งไว้ในห้องก่อนจะลงไปเรียนวิชายุวกาชาดกัน พอคาบ 9 ก็จะกลับเข้ามาเรียนคณิตศาสตร์ที่ห้องนี้
    
หลังจากคาบเรียนยุวกาชาดเลิก และเรารออาจารย์คาบต่อไปมาสอนนั้น เพื่อนเรากลุ่มหนึ่งก็จับกลุ่มเล่นผีตะเกียบกันหลังห้อง (ช่วงนั้นฮิตผีตะเกียบกันค่ะ) ตอนเล่นก็ปกติกันดี เราไม่ได้ร่วมเล่นนะ เรามีหน้าที่คอยดูว่าอาจารย์มาหรือยัง พอเราบอกอาจารย์มาแล้ว แก๊งเล่นผีตะเกียบก็เลิกเล่น แล้วกลับมานั่งประจำที่ ทันใดนั้น เพื่อนเราคนหนึ่งก็กรี๊ดลั่นห้อง และอีกหลายคนก็กรี๊ดตามมา เราก็เหวอดิว่ากรี๊ดอะไรกัน เลยถามเพื่อนที่นั่งใกล้กันว่า กรี๊ดไรวะ เพื่อนมันก็ชี้กระดานหน้าห้องแล้วบอกด้วยเสียงสั่นๆ ว่า
    
“แกมองไม่เห็นจริงๆ เหรอว่าอะไรติดอยู่ที่กระดาน”
    
สาบานค่ะ เรามองไม่เห็นจริงๆ ไม่ว่าจะมองมุมไหน แต่ดูจากสายตาทุกคู่ในห้องแล้ว ก็โฟกัสไปที่กลางกระดานดำเป็นจุดเดียว เพื่อนเห็นว่าเราไม่เห็นจริงๆ เลยบอกว่า
    
“หน้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ติดอยู่ที่กระดาน”
    
ตึ๊ง!!!! ความเย็นยะเยือกและความหลอนแผ่คลุมห้องสิคะงานนี้ เราไม่เห็นก็เลยคิดว่ามันคงอำกันล่ะ แต่...จะอำกันทั้งห้องเลยเหรอ ตอนนั้นอาจารย์คณิตศาสตร์ขึ้นมาถึงห้องพอดี มาทันได้ยินเสียงกรี๊ดด้วย อาจารย์เลยถามว่ากรี๊ดอะไรกัน เพื่อนเราคนหนึ่งก็ตอบอาจารย์ไป ตอนนั้นเราคิดว่าถ้ามีรายการอำกันจริง อาจารย์คงดุแน่ๆ ปรากฏว่า...
    
อาจารย์มองที่กระดานแล้วเกิดอาการสตั้นท์ค่ะ พูดไม่ออกไปพักนึงก่อนจะบอกให้หัวหน้าห้องเอาผ้ามาเช็ด แล้วก็พยายามพูดให้เด็กๆ หายกลัวว่า
    
“ไม่มีอะไร ใครคงมาวาดเล่นแหละ”
    
“ไม่ค่ะ มันเพิ่งมี คาบ 7 พวกหนูเรียนห้องนี้มันยังไม่มี ตอนเลิกคาบยุวขึ้นมามันก็ยังไม่มี มันเพิ่งมีเมื่อกี้ค่ะ”
    
ใครคนหนึ่งในห้องบอก และอีกหลายเสียงก็ยืนยัน เรากำลังจะถอดสร้อยพระออก เพื่อจะมองว่ามันมีจริงหรือเปล่า แต่เพื่อนเราขัดก่อนว่า เมื่อไม่เห็นก็ดีแล้ว อย่าถอดสร้อยด้วย (เดี๋ยวเราจะบอกค่ะว่าสร้อยเรามีอะไร) ตอนเพื่อนบอกเราขมวดคิ้วนิดๆ เพราะเห็นที่คอเพื่อนก็ห้อยสร้อยพระเหมือนกัน แล้วทำไมมันยังเห็นหว่า ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ก่อน ตอนนั้นอาจารย์เองก็สีหน้าไม่ดีแล้ว เพื่อนเราคนหนึ่งบอกว่ายิ่งเช็ดก็ยิ่งชัดขึ้น อาจารย์ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนกระดานเช่นกัน
    
สรุปว่าวันนั้น อาจารย์เลยต้องปล่อยให้พวกเราเลิกก่อนเวลา ด้วยความที่ห้องนั้นเป็นห้องโฮมรูมเราด้วย แต่ใครจะกล้าอยู่ทำเวรช่วงเย็น ห้องก็เลยรกและเกลื่อนไปหนึ่งวัน อีกวันก็ต้องจับกลุ่มขึ้นมาช่วยกันทำเวรกันเยอะๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะอาจารย์ประจำชั้นเราไม่ยอมให้ห้องรกและสกปรกขนาดนั้นแน่นอน เผลอๆ จะโดนทำโทษยกชั้นด้วย
    
ส่วนภาพนั้น อยู่ติดกระดานไปทั้งอาทิตย์ค่ะ แล้วก็ค่อยๆ จางหายไปเอง  (เพื่อนบอกตรงกันหมด)

** มีต่ออีกนิดนะคะ**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่