มนุษย์ต่างดาวในทัศนะของวิทยาศาสตร์และศาสนา



ศาสตราจารย์แอนดรูว์ วัตสัน (Prof Andrew Watson) จากคณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) ประเทศอังกฤษ สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อคำนวณหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่อยู่นอกโลก และตีพิมพ์ในวารสารแอสโทรไบโอโลจี (www.astrobiology.com)
       
       ศ.วัตสัน ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ บนโลกที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต และพัฒนาเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สามารถคิดคำนวณความน่าจะเป็นในการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา
       
       เขาใช้เงื่อนไขสำคัญบนโลก ที่เป็นสิ่งกำหนดการวิวัฒน์ของสิ่งมีชีวิตในการทำนายความเป็นไปได้ ที่จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้บนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่คล้ายกับโลก ซึ่งการหล่อหลอมของสภาวะที่เหมาะสม สำหรับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะอุบัติขึ้นบนโลกหรือดาวเคราะห์ดวงใดๆ จะเสร็จสิ้นลงเมื่อดวงอาทิตย์ส่องสว่าง
       
       แบบจำลองดวงอาทิตย์บ่งบอกว่าเมื่อแสงสว่างของดวงอาทิตย์มากขึ้น ส่งผลสู่แบบจำลองของอุณหภูมิก็จะให้ข้อมูลที่ทำนายได้ว่า ยุคสมัยของสิ่งมีชีวิตกำกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกประมาณพันล้านปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก หากเทียบกับช่วงเวลา 4 พันล้านปีที่ผ่านมา นับแต่ดาวเคราะห์ดวงนั้นถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
   
       "ณ เวลานี้ โลกก็เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่จะให้เราเรียนรู้เรื่องราวของดาวเคราะห์อันเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ถ้าเราศึกษาลึกลงไปว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีสิ่งใดเอื้อให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ รวมทั้งวิวัฒนาการของพวกเราที่มีมาก่อนหน้านี้"
       
       "และตัวอย่างเดียวของเรานี้แหละ ที่เราจะคาดคะเนต่อไปได้ว่า การวิวัฒนาการจากสิ่งมีชีวิตอย่างง่ายๆ จนกลายเป็นชีวิตที่ซับซ้อน และพัฒนาไปสู่สิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดได้อย่างไร อย่างไรก็ดี ขณะนี้เราเชื่อกันว่าพวกเราวิวัฒนาการขึ้นมาในยุคท้ายๆ ของช่วงเวลาแห่งการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งเป็นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ และในความเป็นจริงแล้วช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ นั้นก็สอดคล้องกันอย่างเหมาะเจาะ" ศ.วัตสันกล่าว
       
       ศ.วัตสัน เสนอว่า จำนวนขั้นของการวิวัฒนาการที่จำเป็นสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดอย่างเช่นมนุษย์เรานั้นมี 4 ขั้นด้วยกัน คือ
1.นับตั้งแต่การปรากฏของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว 2.ต่อไปเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ 3.พัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอวัยวะซับซ้อนมากขึ้น และ 4.จนกระทั่งกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดล้ำและมีภาษาพูดสำหรับสื่อสารให้เข้าใจกัน
       
       "สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนนั้นก็จะมีรูปร่างแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอย่างง่ายที่สุด ด้วยการวิวัฒนาการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ความความซับซ้อนมากขึ้นและหลงเหลือสิ่งที่เป็นธรรมดาสามัญน้อยลง ส่วนสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาก็จะต้องมีวิวัฒนาการมากกว่านั้น และคงเหลือส่วนที่ธรรมดาๆ น้อยลงไปอีก" ศ.วัตสัน อธิบาย
       
       ทั้งนี้แบบจำลองของ ศ.วัตสัน บ่งชี้ว่า เฉพาะในกาแลกซีทางช้างเผือกที่เราอยู่ มีดวงดาวมากถึง 100,000,000,000 ดวง (หนึ่งแสนล้านดวง) แต่ด้วย 4 ขั้นของวิวัฒนาการที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ความน่าจะเป็นสูงสุดที่อาจมีวิวัฒนาการในแต่ละขั้นเกิดขึ้นไม่น่าเกิน 10% ดังนั้นโอกาสที่จะพบสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาจึงน้อยมากๆ น้อยกว่า 0.01% ในรอบ 4 พันล้านปีเลยทีเดียว

reference
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นอกจากนี้ คําอธิบายของอาจารย์มหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย ยังสอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนาด้วย
(ยํา้ เป็นความคิดเห็นทางฝั่งศาสนา)

ภาพจากเพจ https://www.facebook.com/alienisnottrue
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่