ย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ไตรภาค ตอนที่ 2 "The Lost World : Jurassic Park ใครว่ามันสูญพันธุ์"

เนื่องด้วยอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ Jurassic World ก็จะเข้าฉายแล้ว จึงขอมาร่วมย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ด้วยรีวิวเรื่องราวกับข้อมูลคร่าว ๆ ของแต่ละภาคที่ผ่านมา ณ ที่นี้กันนะครับ

จากตอนที่ 1 เมื่อวาน
http://ppantip.com/topic/33756068

ย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ไตรภาค ตอนที่ 2



The Lost World : Jurassic Park ใครว่ามันสูญพันธุ์
1997, Steven Spielberg


ที่มาที่ไป

จากการที่ภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ทำให้ทั้งนิยายของไมเคิล คริชตันก็ได้มีภาคต่อ และสปีลเบิร์กก็ได้รับงานกำกับภาคต่ออีกเช่นเคย เดิมทีแล้วตั้งแต่ภาคแรกเอง ก็มีส่วนที่ดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายอยู่มาก ทั้งในด้านบทบาทตัวละครหรือเหตุการณ์บางอย่าง ที่ก็ยังถือว่าเดินไปในโครงที่คล้าย ๆ กันอยู่

ซึ่งภาคต่อนี้ ผู้กำกับสปีลเบิร์กเองก็เพิ่มดีกรีของภาพยนตร์ให้เติบโตไปตามอายุของผู้ชมด้วย จากเด็ก ๆ ที่เคยสนุกสนานและลุ้นระทึกในการผจญภัยภาคแรก ผ่านไป 4 ปี พวกเขาเติบโตมาเป็นวัยรุ่น ก็ย่อมคาดหวังความระทึกใจยิ่งกว่าเก่า ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า จูราสสิกปาร์กภาคต่อนี้ ก็เลือกทางเดินในอีกแบบที่แตกต่างจากเดิมไม่น้อยทีเดียว

ในภาคแรกนั้น เค้าโครงของภาพยนตร์จะประกอบไปด้วย สาระ การเปิดโลกทัศน์ และการผจญภัย ที่ทำให้ภาพรวมของภาพยนตร์นั้นดูหลากหลายและเปิดกว้างต่อผู้ชมทุก ๆ กลุ่ม แต่ในภาคนี้ ได้เดินหน้าในเส้นทางของภาพยนตร์ผจญภัยระทึกขวัญเต็มรูปแบบ ซึ่งแม้ว่าจะดึงกลุ่มผู้ชมจากภาคแรกได้เกือบทั้งหมด แต่ก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่า สิ่งที่พวกเขารับชมนั้นเป็นคนละอารมณ์จากเดิม

เรื่องย่อ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
4 ปีถัดมาหลังจากโครงการสวนสัตว์จูราสสิกปาร์คล่มสลาย ประธานบริษัท InGen อย่างจอห์น แฮมมอนด์ จึงต้องลงจากตำแหน่งด้วยความล้มเหลวครั้งนี้ และอำนาจการดูแลก็ตกเป็นของหลานชายลูกคุณหนูนามว่า ปีเตอร์ ลัดโลว์ พร้อมด้วยความคิดอุตริแบบใหม่ ที่คิดจะเปิดสวนสัตว์จูราสสิกปาร์คอีกครั้งกลางเมืองซานดิเอโก้เลยทีเดียว! ซึ่งแผนการของเขาคือ ขนย้ายไดโนเสาร์จากเกาะมายังแผ่นดินใหญ่นั่นเอง

และแน่นอนว่าจอห์น แฮมมอนด์รู้ดีว่ามันไม่มีสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีอย่างแน่นอน เขาจึงคิดว่านี่จะเป็นโอกาสแก้ตัวจากความล้มเหลวครั้งก่อน ด้วยการติดต่อทาบทามให้ ดร.เอียน มัลคอล์ม นักคณิตศาสตร์ปากร้ายที่เคยทักท้วงปาร์คของเขาตั้งแต่ภาคที่แล้วว่ามันไม่มีทางสำเร็จได้ ซึ่งก็เป็นจริงดังที่มัลคอล์มว่าไว้ และนี่จึงเป็นหน้าที่แกมบังคับให้ ดร.มัลคอล์ม ต้องกลับไปเผชิญหน้าไดโนเสาร์สุดอันตรายที่เคยเกือบเอาชีวิตของเขาเมื่อ 4 ปีที่แล้วอีกครั้ง เพราะแฮมมอนด์บอกเขาว่า ดร.ซาร่าห์ ฮาร์ดิ้ง แฟนสาวของ ดร.มัลคอล์มล่วงหน้าไปที่เกาะนั้นก่อนแล้วน่ะสิ เหตุนี้จะปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้ว

ทว่าที่หมายของพวกเขานั้นไม่ใช่เกาะอิสลา นูบลาร์แห่งเดิม แต่เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีชื่อว่า อิสลา ซอร์น่า (Isla Sorna) หรือเรียกกันว่า Site B แหล่งเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์อีกแห่งหนึ่งของ InGen ที่แตกต่างจากเกาะแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบบอิสระ ไม่มีรั้วไฟฟ้าหรือระบบรักษาความปลอดภัยใด ๆ กั้น และเกาะนี้ก็ถูกปล่อยร้างมาตั้งแต่เหตุพายุถล่มเมื่อ 4 ปีก่อนอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นไดโนเสาร์ในเกาะนี้ก็จะชุกชุมกว่า และดุร้ายกว่าอย่างแน่นอน

การเดินทางของคนสองกลุ่มที่มุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งนี้ จึงประกอบไปด้วย กลุ่มนักปฏิบัติการของประธานหนุ่มปีเตอร์ ลัดโลว์ และกลุ่มนักวิจัยของ ดร.มัลคอล์ม ที่แม้ว่าจะมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางซึ่งกันและกันก็ตาม แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางเจ้าถิ่นที่อันตรายกว่ามนุษย์ การฝ่าฟันเอาชีวิตรอดร่วมกันจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

ตัวละครหลัก

กลุ่มมนุษย์ในเรื่องนี้แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนักวิจัยนำด้วย ดร.มัลคอล์ม ตัวละครเก่าจากภาคที่แล้ว ที่คราวนี้ได้มารับบทนำเต็มตัว พร้อมด้วยแฟนสาว ดร.ซาร่าห์ ฮาร์ดิ้ง นักวิจัยขาลุยที่มักใช้อารมณ์นำเหตุผลเสมอ กับพรรคพวกคนอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึง เคลลี่ ลูกติดของ ดร.มัลคอล์ม ที่แอบติดตามพ่อมาในการผจญภัยครั้งนี้ด้วย

ในขณะที่ฝ่ายของปีเตอร์ ลัดโลว์ จะขนนักปฏิบัติการมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า เพราะเต็มไปด้วยนักล่าและนายพรานที่ช่ำชองการใช้อาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ จำนวนมาก นำโดย โรแลนด์ นักล่าสัตว์ระดับโลก หรือโรเบิร์ต นักบรรพชีวินที่เชี่ยวชาญเรื่องไดโนเสาร์ พร้อมด้วยทีมนักล่ามือโปรนับสิบคน แต่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า การล่าช้างล่าสิงโต มันไม่เหมือนกับการล่าไดโนเสาร์อย่างสิ้นเชิง

ไดโนเสาร์เด่น ๆ

Tyrannosaurus Rex (ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์) – T-Rex ยังคงกลับมามีบทเด่นยิ่งกว่าเดิม และยิ่งเป็นคนละเกาะ ดังนั้นมันจึงมีจำนวนมากกว่าเดิมด้วย ในภาคนี้ทีเร็กซ์อยู่กันเป็นครอบครัวถึง 3 ตัว ได้แก่ พ่อ แม่ และลูกที่ยังเป็นวัยเด็กอยู่ แน่นอนว่า จึงมีทีเร็กซ์ตัวเต็มวัยถึงสองตัวออกอาละวาดในภาคนี้ ความระทึกจึงกลายเป็นสองเท่าไปด้วย

Velociraptor (เวโลซิแรปเตอร์) – แรปเตอร์ในภาคนี้มีบทบาทน้อยกว่าภาคก่อน แต่ในเกาะใหม่นี้ ก็จะได้พบกับแรปเตอร์ที่อยู่รวมกันและล่าเหยื่อเป็นฝูง เป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่น่ากลัวไม่แพ้ภาคที่แล้ว

Compsognathus (คอมพ์ซอกนาธัส) – หรือเรียกย่อว่า Compy ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็กตัวเท่าไก่ อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่เหมือนปลาปิรันย่า ยามที่มันมาเพียงตัวเดียวก็ดูน่ารัก แต่นั่นเป็นเพียงนกต่อในการล่อให้เหยื่อขนาดใหญ่ตกอยู่กลางวงล้อมของพวกมันทั้งฝูง

Stegosaurus (สเตโกซอรัส) – ไดโนเสาร์กินพืชคลานสี่ขา มีแผงกระดูกบนหลังเรียงกันเป็นแนวกระเบื้องตั้ง ปลายหางมีกระดูกแหลมเป็นอาวุธ อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยพื้นฐานแล้วรักสงบ แต่เมื่อมีศัตรูคุกคามก็จะต่อสู้อย่างดุร้ายด้วยอาวุธปลายหางที่อันตราย

Mamenchisaurus (มาเมนจิซอรัส) – ไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่มีรูปร่างในแนวระนาบ ด้วยความยาวจากหัวถึงปลายหางถึง 35 เมตรจึงนับว่าเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาพยนตร์ภาคนี้ ตามข้อมูลแล้ว หางที่เรียวยาวของมันสามารถฟาดใส่ศัตรูได้เหมือนการฟาดแส้

Triceratops (ไทรเซราท็อปส์) – ไดโนเสาร์กินพืชสามเขารูปร่างคล้ายแรด ในอดีตถือเป็นไดโนเสาร์ที่ต่อสู้กับพันธุ์กินเนื้อขนาดใหญ่ได้ด้วยเขาของมัน แม้จะเป็นคนละเกาะ แต่ก็ยังมีไดโนเสาร์พันธุ์นี้เช่นเดียวกัน และในภาคนี้เราจะได้เห็นมันออกอาละวาดด้วย หลังจากภาคที่แล้วมันมีบทเพียงแค่ไดโนเสาร์ป่วยที่นอนอยู่เท่านั้น

Pachycephalosaurus (พาคีเซฟาโลซอรัส) – ไดโนเสาร์กินพืชเดินสองขา มีกระโหลดโค้งกลมเหมือนหัวล้าน แต่นั่นคืออาวุธร้ายของมันที่ใช้โหม่งศัตรูหรือเพื่อต่อสู้กันเองในการเป็นจ่าฝูง

ฉากเด่นน่าจดจำ (สปอยล์)

- ฉากเปิดเรื่องที่เด็กสาวตัวน้อยพบกับเจ้าคอมปี้ กับเหตุการณ์ที่น่าตกใจและเป็นการบ่งบอกผู้ชมได้เป็นอย่างดีว่า “จูราสสิกปาร์คภาคนี้โหดกว่าเดิมนะ” ซึ่งฉากเปิดเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่เจ้าคอมปี้จะได้แสดงความโหดให้ผู้ชมได้ดูกันเต็ม ๆ อีกครั้งในกลางเรื่อง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
- ฉากการออกล่าไดโนเสาร์ในทุ่งกว้างของกลุ่มนักล่าที่นำเสนอไดโนเสาร์หลากสายพันธุ์ได้อย่างน่าตื่นตา และนำเสนอโลกทัศน์บนเกาะอิสลาซอร์น่าได้อย่างเต็มที่

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
- ฉากที่แม่นางซาร่าห์ใจดีเอาลูกทีเร็กซ์ที่บาดเจ็บมารักษา แต่ก็สมเป็นชาวนากับงูเห่า เมื่อพ่อแม่ของมันตามมาด้วยอารมณ์ “ไม่พอใจ” ซึ่งก็ได้เป็นฉากสุดระทึกที่เด็ก ๆ ดูนี่แทบหัวใจจะวาย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
- ฉากทีเร็กซ์บุกซานดิเอโก้ ที่ทั้งโลกมีคนชอบและเกลียดพอ ๆ กัน แต่ส่วนตัวผมก็ว่าผู้สร้างเขากล้านำเสนอดีนะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สรุป

เป็นภาคที่ได้รับเสียงชื่นชมและเสียงบ่นไปพร้อม ๆ กัน เนื่องด้วยการปรับภาพลักษณ์ของการดำเนินเรื่องที่สมบุกสมบันเต็มรูปแบบที่แฟน ๆ บางท่านอาจจะรู้สึกว่าขาดความหลากหลายของอารมณ์เรื่องไปมากหากเทียบกับภาคแรก แต่สำหรับคนที่ชอบก็มองว่าเป็นภาคที่ดูเอามันส์ได้เต็มอิ่มยิ่งกว่าเดิม

อีกจุดหนึ่งที่มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดก็คือเทคนิคการนำเสนอตัวไดโนเสาร์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านงานหุ่นและซีจีที่ละเมียดละไมมากกว่าเดิม นอกจากนี้ไดโนเสาร์แต่ละพันธุ์ก็มีสีสันมากขึ้น ทีเร็กซ์จากสีน้ำตาลปนเทาในภาคแรก ภาคนี้เปลี่ยนมาอยู่เกาะใหม่ ก็ได้สีสันใหม่เป็นสีเขียวเข้มมีลวดลาย โดยตัวพ่อจะมีสีสดกว่าตัวแม่ ในขณะที่แรปเตอร์เองก็เปลี่ยนจากสีเทาอมน้ำตาลจากภาคแรกมาเป็นสีส้มลายเสือที่ดูฉูดฉาดกว่าเดิม จึงนับว่าไดโนเสาร์เด่น ๆ ในภาคนี้มีสีสันมากกว่าเดิมอีกด้วย

ซึ่งบทสรุปของภาคนี้ก็ยังคงอยู่ในโจทย์เดียวกับภาคแรก ที่มนุษย์ฝีนธรรมชาติ สร้างสิ่งที่ธรรมชาติเคยทำลายมันไปแล้วกลับมาอีกครั้ง ก็ยังคงไม่อาจจะควบคุมมันได้อยู่ดี และการปล่อยให้เหล่าไดโนเสาร์มีชีวิตอย่างอิสระ ก็ย่อมเป็นหนทางการอยู่ร่วมกันบนโลกที่ดีที่สุดเสมอ
.
.
.
จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.464680570358174.1073741830.193708284122072&type=1

ติดตามตอนที่ 3 ได้ในวันต่อไปนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่