ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ วิธีดูว่าคู่เรานั้นเสมอ (สม)กันหรือไม่

ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภรรยาและสามีทั้งสอง พึงหวังพบกันและกัน
ทั้งในปัจจุบัน และในสัมปรายภพ ทั้งสองเทียว
พึงเป็นผู้ มีศรัทธาเสมอกัน
มีศีลเสมอกัน
มีจาคะเสมอกัน
มีปัญญาเสมอกัน
ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน
ทั้งในสัมปรายภพ ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา
รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวมเป็นอยู่โดยธรรม
เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก
มีความผาสุกทั้งสองฝ่าย มีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก
ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว
ทั้งสองเป็นผู้มีศีล และวัตร (การปฏิบัติ) เสมอกัน
ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก.
---------------
(บาลี) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๘๑/๕๖.




จากที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัส ว่าหญิงชายจะพบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็เพราะมีเหตุ
คือต่างฝ่ายต่างมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คำว่า "เสมอกัน" นั้น
อย่างน้อยที่สุดคือร่วมยินดีไปในแนวความเชื่อเดียวกัน มีใจปรารถนาจะรักษาศีล
มีใจอยากสละให้ และอย่างน้อยพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง

ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งเสนอ อีกฝ่ายนอกจากไม่สนองแล้วยังเอาแต่ขัดๆๆ



ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุสองประการ
ประการแรกคือเคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ
ประการที่สองคือชาตินี้ได้เกื้อกูลกัน
นั่นแหละความรักอย่างลึกซึ้งถึงจะเกิดได้


มองด้วยข้อสรุปนี้
คู่บุญตัวจริงก็คือ
คนที่เคยคิดดี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน
รวมทั้งมีศรัทธาไปในทางเดียว  แข็งแรงในศีลข้อเดียวกัน
มีใจคิดสละประมาณเดียวกัน

และอย่างน้อยต้องพูดกันรู้เรื่องประมาณเพลินคุยได้ไม่รู้เบื่อ


ประเภทใส่บาตรครั้งสองครั้ง
อาจมีผลให้เกิดความรู้สึกปิ๊งๆบ้าง
แต่จะไม่มีเหตุปัจจัยส่งเสริมสนับสนุนให้ได้พบกันบ่อยๆ
ไม่มีเหตุได้เกื้อกูลกันโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวางอย่างสิ้นเชิง
พูดง่ายๆ  ว่าต้องสร้างปัจจัยใหม่กันเหนื่อยพอดู





ถ้านับตามบันทึกของพุทธ ก็ต้องว่าคนเราแม้อยู่เคียงครองเรือน
คนหนึ่งตายแล้วอาจไปสวรรค์ คนหนึ่งตายแล้วอาจไปนรก
ใช่จะพุ่งขึ้นหรือไหลลงตามกันเพียงเพราะอยู่เรียงเคียงหมอน
มันขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายแต่ละฝ่ายเดินอยู่บนทางสวรรค์หรือทางนรกเท่านั้น




ตรงข้าม คู่ผัวตัวเมียที่มีบารมีอันได้แก่ทาน ศีล สมาธิ และปัญญาเสมอกัน หรือคล้อยตามกัน
ย่อมมีโอกาสได้พบเจอบ่อยกว่าคู่อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจิตเป็นกุศลแล้วอธิษฐานสำทับร่วมกันเสมอๆ
ก็จะให้ผลแรงเป็นทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ หนักแน่นมั่นคง
และเป็น ‘ตัวจริง’ ของกันและกันอย่างยากจะหาใครมาแทนที่

          


วิธีนับคะแนนเกี่ยวกับคู่ คนนี้เป็นคู่แท้หรือคู่บุญหรือไม่?


คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้

คำว่า ‘คู่แท้’
จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ

เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น
ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’


หากหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน
อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น
เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้
ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป
และนั่นก็แปลว่า

คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป

ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ




มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที
ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา
หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน




เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้
อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก





ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย
หรือที่เรียกง่ายๆว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อๆมา
กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริงๆ










ความรู้สึกด้านดีชั้นแรกในระยะแรกพบสบตานั้น
เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ


ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆมาด้วยกัน
เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ








พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้
หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน

ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่
บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆกัน
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ได้แก่



๑) มี ศรัทธา ไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน
เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน



เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆกัน
เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น



เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน
เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน
เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว
อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น

ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลย
ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน
ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน




๒) มี ศีล อันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน

คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน
เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน


พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้
แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมีย
กับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต
อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว



และนั่นก็เช่นเดียวกัน
ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน
ยิ้มไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น
ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อ
ถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว




ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้ว
ย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกัน
สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ






๓) มี จาคะ อันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน

อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง
ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด
เช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น

การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล
ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น
เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี
อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ



ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้ว
ร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น
จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียง
ย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่
เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน
ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน



๔) มี ปัญญา เสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่อง

กล่าวทางธรรมคือ
มีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน
หรืออย่างน้อยเป็นไปไปในทางเดียวกัน
ไม่ใช่พูดคนละภาษา
ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ
หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา

หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม่เที่ยง
ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย
แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อย
ก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง

ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกัน
ย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา
และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน






หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ
(อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้) ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้
ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด
เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง


และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆหน่อยๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง
อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง
ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง
และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันที
แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้



แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉา
โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่า
เหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้น
รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร
ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง
ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุติธรรม
จากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหาก
แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับ
เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้




"บุพเพสันนิวาส" ตามความหมายอันแท้จริง จะต้องเคยครองคู่
ร่วมทุกข์ร่วมสุข ฝ่าฟันแล้วสุขสมด้วยกันมาก่อน
มีลูกให้ช่วยกันเลี้ยงดูด้วยกันมาก่อน
มีความจากพรากอันน่าอาลัยมาก่อน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยสำคัญอย่างสูงคือ
เคยทำบุญในพุทธเขตร่วมกันมาก่อน
(จะทำบุญร่วมกันในศาสนาไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ลัทธิความเชื่ออันนำไปสู่อบาย
แต่การทำบุญร่วมกันในพุทธเขต มีกำลัง มีความสว่างสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใด)



cr. รักแท้มีจริง  ดังตฤณ
http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=63:true-love-are-exist&Itemid=278
หนังสือกรรมพยากรณ์ตอนชนะกรรม  ,หนังสือทางนฤพาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่