คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เราคิดว่าแหวน ยังไงก็ควรคืนแน่ๆค่ะ เพราะเป็นของคุณแม่ เขาน่าจะตั้งใจเก็บไว้ให้สะใภ้
เงิน2แสนก็ควรคืน แต่ไม่คืนก็ไม่ผิด
ส่วนซองกับเงินจัดงาน คิดว่ารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คุณออก แล้วหักค่าซองที่ได้ทั้งหมด หารสอง ถ้าเหลือน้อยกว่า 35000ก็คืนส่วนต่างเขาไป ถ้าเหลือมากกว่าก็ทวงส่วนต่างเลยค่ะ
( ถ้าฝ่ายชายไม่ได้อยากจัดงานแพงขนาดนี้ แต่คุณเรียกร้องเองก็เป็นอีกกรณีนะ )
แต่ทั้งหมดนี้ ถ้าเลิกกันเพราะฝ่ายชายมีชู้ก็ไม่ต้องคืนซักอย่างค่ะ ถ้าไม่ใช่ มันก็ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้ง 2คนนะ ควรร่วมกันรับผิดชอบ บางครอบครัวเขาให้สินสอดเพราะอยากให้เป็นต้นทุนในการสร้างครอบครัว หรือให้เป็นเงินรับขวัญสะใภ้ ถ้าไม่ได้สร้างและไม่ได้เป็นสะใภ้แล้วก็น่าจะคืนนะคะ แต่อย่างที่บอก ไม่คืนก็ไม่ผิด แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ที่ทางนั้นเขาจะมองว่ามาหลอกเอาเงิน
เงิน2แสนก็ควรคืน แต่ไม่คืนก็ไม่ผิด
ส่วนซองกับเงินจัดงาน คิดว่ารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คุณออก แล้วหักค่าซองที่ได้ทั้งหมด หารสอง ถ้าเหลือน้อยกว่า 35000ก็คืนส่วนต่างเขาไป ถ้าเหลือมากกว่าก็ทวงส่วนต่างเลยค่ะ
( ถ้าฝ่ายชายไม่ได้อยากจัดงานแพงขนาดนี้ แต่คุณเรียกร้องเองก็เป็นอีกกรณีนะ )
แต่ทั้งหมดนี้ ถ้าเลิกกันเพราะฝ่ายชายมีชู้ก็ไม่ต้องคืนซักอย่างค่ะ ถ้าไม่ใช่ มันก็ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้ง 2คนนะ ควรร่วมกันรับผิดชอบ บางครอบครัวเขาให้สินสอดเพราะอยากให้เป็นต้นทุนในการสร้างครอบครัว หรือให้เป็นเงินรับขวัญสะใภ้ ถ้าไม่ได้สร้างและไม่ได้เป็นสะใภ้แล้วก็น่าจะคืนนะคะ แต่อย่างที่บอก ไม่คืนก็ไม่ผิด แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ที่ทางนั้นเขาจะมองว่ามาหลอกเอาเงิน
ความคิดเห็นที่ 14
ค่าตัวไม่ต้องคิดค่ะ
คืนแหวนของคุณแม่เค้าไปค่ะ แต่ตอนส่งมอบ ขอให้มีหลักฐานบันทึกเทป ให้แม่เค้าได้รับเอง เดี๋ยวลูกชายไม่คืนให้แม่ อมไว้เอง เราเสียหาย
เรื่องเงิน 2 แสนของพ่อ เก็บไว้ก่อนเพื่อเคลียร์บัญชีการจัดงานค่ะ
ต่อไป นั่งทำบัญชีค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน แบบที่คุณแจงมาข้างต้น
รายรับ-รายจ่าย กว่างานจะเสร็จ เงินที่เจ้าบ่าว+พ่อเจ้าบ่าว ให้มา ไม่ครอบคลุม
รายรับจากซอง ได้มาเท่าไร แจงเลย
แล้วหักลบ กลบหนี้ ให้เค้าเห็นว่ารายจ่ายเยอะกว่ารายได้ และ เรา+แขกฝ่ายเรา ออกเงินไปเยอะกว่า
ทำสำเนาเอกสาร เป็น 3 ชุด เรา เขา พ่อแม่เขา ให้เซ็นรับทราบ จะเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือจะคืนแล้ว(โว้ย)
คืนแหวนของคุณแม่เค้าไปค่ะ แต่ตอนส่งมอบ ขอให้มีหลักฐานบันทึกเทป ให้แม่เค้าได้รับเอง เดี๋ยวลูกชายไม่คืนให้แม่ อมไว้เอง เราเสียหาย
เรื่องเงิน 2 แสนของพ่อ เก็บไว้ก่อนเพื่อเคลียร์บัญชีการจัดงานค่ะ
ต่อไป นั่งทำบัญชีค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน แบบที่คุณแจงมาข้างต้น
รายรับ-รายจ่าย กว่างานจะเสร็จ เงินที่เจ้าบ่าว+พ่อเจ้าบ่าว ให้มา ไม่ครอบคลุม
รายรับจากซอง ได้มาเท่าไร แจงเลย
แล้วหักลบ กลบหนี้ ให้เค้าเห็นว่ารายจ่ายเยอะกว่ารายได้ และ เรา+แขกฝ่ายเรา ออกเงินไปเยอะกว่า
ทำสำเนาเอกสาร เป็น 3 ชุด เรา เขา พ่อแม่เขา ให้เซ็นรับทราบ จะเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือจะคืนแล้ว(โว้ย)
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าเลิกกันด้วยสาเหตุที่เข้ากันไม่ได้ เราจะคืนสินสอดค่ะ ส่วนค่าจัดงานกับซองแต่งก็แบ่งกันรับผิดชอบไปคนละครึ่ง เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อคุณนี่คะ มันเป็นเรื่องที่คนสองคนเข้ากันไม่ได้
ในส่วนเรื่องความสาวของคุณที่คุณใช้ชีวิตกับเค้ามา 3 เดือน มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันไม่ใช่เหรอคะ เค้าไม่ได้บังคับคุณมาแต่งงานด้วย คุณตัดสินใจเองว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ และในเมื่อเค้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อคุณฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องที่สองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เราก็ไม่คิดว่าคุณจะมาอ้างว่าคุณเสียความสาวให้เค้าแล้ว เพราะฉะนั้นสินสอดเป็นของคุณ มันก็ไม่ใช่น่ะ
ในส่วนเรื่องความสาวของคุณที่คุณใช้ชีวิตกับเค้ามา 3 เดือน มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันไม่ใช่เหรอคะ เค้าไม่ได้บังคับคุณมาแต่งงานด้วย คุณตัดสินใจเองว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ และในเมื่อเค้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อคุณฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องที่สองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เราก็ไม่คิดว่าคุณจะมาอ้างว่าคุณเสียความสาวให้เค้าแล้ว เพราะฉะนั้นสินสอดเป็นของคุณ มันก็ไม่ใช่น่ะ
ความคิดเห็นที่ 22
เป็นเรา เราไม่คืนอ่ะ ทั้งความสาวที่เสียไป ใครจะมาว่าเค้าไม่ได้บังคับให้เสียนิ !! เเล้วไง !! ชั้นถือ พ่อเเม่ญาติพี่น้องโบราณบ้านชั้นถือ ตั้งใจรักษาจนมาถึงเเต่งงาน
แล้วอีกเรื่อง. พอเลิกกัน. ผญ จะได้ตำแหน่งเเม่ม่าย. ซึ่งเเน่นอนว่าเครดิสเสียกว่า ผช เยอะ เพราะการที่จะหาคนใหม่ แล้วได้เเต่งงานใหม่เเละเป็นที่ยอมรับของฝั่งฝ่ายชายยาก. ไม่คืนค่ะ. เเล้วค่าใช้จ่ายจัดงานเเต่ง เราว่ามันก็คงเกือบๆ 2 แสนเท่าๆกับสินสอดเงินสดละมังค่ะ. เท่ากันว่า เงินเเต่งงาน วัดวากับ เงินค่าจัดงานไปเกือบหมดเเล้ว
เเล้วไอค่า. ความสาวล่ะ. ค่าความเสี่ยงเมื่อเป็นม่าย โอกาสน้อยลงที่จะเริ่มต้นกับใครใหม่ ล่ะ. เป็นเรา เราก็ถือเอา แหวนนั้นล่ะ. เเต่อันนี้เเล้วเเต่น่ะค่ะ นานาจิตตัง
ถ้าคิดว่า คืนไปแล้วจะไม่เสียดาย ก็แล้วเเต่เลยจ้า เอาความสบายใจ
แล้วอีกเรื่อง. พอเลิกกัน. ผญ จะได้ตำแหน่งเเม่ม่าย. ซึ่งเเน่นอนว่าเครดิสเสียกว่า ผช เยอะ เพราะการที่จะหาคนใหม่ แล้วได้เเต่งงานใหม่เเละเป็นที่ยอมรับของฝั่งฝ่ายชายยาก. ไม่คืนค่ะ. เเล้วค่าใช้จ่ายจัดงานเเต่ง เราว่ามันก็คงเกือบๆ 2 แสนเท่าๆกับสินสอดเงินสดละมังค่ะ. เท่ากันว่า เงินเเต่งงาน วัดวากับ เงินค่าจัดงานไปเกือบหมดเเล้ว
เเล้วไอค่า. ความสาวล่ะ. ค่าความเสี่ยงเมื่อเป็นม่าย โอกาสน้อยลงที่จะเริ่มต้นกับใครใหม่ ล่ะ. เป็นเรา เราก็ถือเอา แหวนนั้นล่ะ. เเต่อันนี้เเล้วเเต่น่ะค่ะ นานาจิตตัง
ถ้าคิดว่า คืนไปแล้วจะไม่เสียดาย ก็แล้วเเต่เลยจ้า เอาความสบายใจ
แสดงความคิดเห็น
แต่งงานกับแฟน 3 เดือน เลิกกัน ควรคืนสินสอดไหมคะ
คือเรากับแฟน รู้จักกันในที่ทำงาน คบหาดูใจกันมาประมาณ 3 ปี จนเมื่อปลายปีที่แล้วได้ตัดสินใจแต่งงานกันค่ะ แต่อยู่กันได้แค่ 3 เดือน ก็มีเหตุให้ต้องเลิกกันไป
ไม่ใช่มือที่ 3 นะคะ เป็นเหตุที่เราสองคนเข้ากันไม่ได้จริงๆ อย่างว่าค่ะ แฟนกับสามีภรรยานั้นแตกต่างกัน
ฐานะทางบ้านของเจ้าบ่าว อยู่ฐานะปานกลางค่ะ คุณพ่อคุณแม่เราท่านไม่ได้เรียกสินสอดอะไรเพราะเห็นเด็กรักกัน
แต่คุณพ่อฝ่ายชายได้กรุณามอบเงินสดให้เป็นเงิน 200,000บ. และแหวนเพชรที่ติดตัวคุณแม่มาสมัยยังสาวให้เรา 2 วงค่ะ เราก็ไม่ทราบมูลค่าของแหวนนะคะ
ตอนเราเลิกกันนั้น ครอบครัวฝ่ายชายต่อว่าเรา ว่าเราหลอกแต่งงานเพื่อหวังเงินสินสอดค่ะ
เราพูดไม่ออก ในฐานะลูกผู้หญิง เรามีค่าแค่นั้นเองหรอคะ ถึงต้องยอมหลอกแต่งงานเพื่อเงินสองแสน และแหวน
เค้าขอเงินคืน พร้อมทั้งของทั้งหมดที่ให้เรามา
อ้อ เค้าขอซองที่แขกทางฝ่ายขายให้เราคืนด้วยค่ะ
แขกทั้งงาน 100% จัดได้ว่าเป็นแขกเราประมาณ 80% แขกฝ่ายชาย 20% ค่ะ
ซองเราเก็บหมด เพราะเราเป็นคนออก คชจ ในการจัดงานค่ะ (ซองจากฝั่งฝ่ายชาย นับได้ประมาณ 20,000ค่ะ)
ฝ่ายชายให้เงินสดเรามา จำนวน สามหมื่น ห้าพันบาท เพื่อจัดงานแต่ง เพื่อนๆที่เคยแต่งงานน่าจะทราบนะคะว่าเงินจำนวนนี้ไม่พอแน่นอนค่ะ
เรามีโต๊ะจีน 10 โต๊ะ แค่นี้ก็ไม่พอค่าโต๊ะจีนแล้วค่ะ
ช่างถ่ายภาพ ช่างแต่งหน้า ออแกไนซ์เซอร์ ฯลฯ ตอนแต่งเราไม่คิดว่าจะเลิก ก็เลยกะว่าอยากทำดีที่สุด ต้องออกเองเราก็ไม่ว่าอะไร
แต่พอเลิกกัน ไม่คิดอยากจะให้ฝ่ายชายมาจ่ายเงินคืนให้เรานะคะ
แต่มันรู้สึกน้อยใจเท่านั้นว่า ผช ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรบ้างเลยหรือ แถมยังมาเรียกร้องขอเงินสินสอด เงินซองคืนอีก
คือเราไม่เข้าใจว่าเค้าเอาอะไรมาคิดว่าเราหลอกแต่งงาน ถ้าเราหลอกแต่ง เราจะเชิญญาติ พี่ น้อง เพื่อนฝูงมาทำไมให้อายขายขี้หน้า
หรือเราคิดอะไรผิด เข้าข้างตัวเองไปคะ
------------------------------------------
เพื่อนๆหลายคนแนะนำให้เราคืน เงินจำนวนนี้ไม่ลำบากในการคืนสำหรับเราค่ะ แต่เราทำไมรู้สึกเหมือนเจ็บใจยังไงไม่ทราบค่ะ
เรื่องนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้วนะคะ ตอนแรกเราคิดไว้ว่าเราจะคืน แต่ฝั่งนู้นด่าเราเหลือเกินค่ะ ทั้งส่งข้อความมาด่า
ตอนแรกส่งมาดีๆ พอเรานิ่ง ก็ส่งมาด่าเรา และกลับมาพูดดีกับเราอีก และก็มาด่าเราอีก
ด่าหยาบๆคายๆ แต่เราไม่เคยตอบค่ะ ไม่อยากต่อความยาว
เรานอนคิดอยู่นานว่จะคืนดีไหม ถ้าคืน เหมือนเรากลัวเค้าที่เค้าขู่เรา ยอมคืนเพราะโดนเค้าด่า เหมือนเรายอมแพ้
เราคิดว่าเราไม่ผิด เราถึงได้มาถามความคิดเห็นในนี้
เงินจำนวนหลายบาทที่เราเสียไปในการจัดค่าแต่งงาน เราไม่คิดขอฝ่ายชายให้มาชดใช้ให้เลย เพราะเกิดจากความพอใจของเราทั้งสองในตอนนั้นเอง เรายินดีรับผิดชอบ จบแล้วจบไป
แต่เรารู้สึก โมโห กับการกระทำที่ไม่แมนของฝั่งนั้น เงินจำนวนเท่านี้สามารถเผยสันดานดิบของคนบางคนได้เลย
-----------------------------
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ เพื่อนๆหลายท่านบอกให้คืนแหวน ก็จริงค่ะ แหวนถึงแม้ไม่มีมูลค่า แต่อาจจะมีมูลค่าทางใจ
แหวนเราไม่เคยใส่อีกเลย ได้แต่เก็บไว้ในลิ้นชัก
ส่วนเงิน จำนวนนี้เราสาบานได้เลยว่าไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับครอบครัวเรา หรือตัวเรา แต่เราแค้นมันที่มันมาทวง มาด่าเสียๆหาย
ถึงขั้นนำเรื่องส่วนตัว หรือข้อมูลบางอย่างที่เคยคุยกันสมัยยังญาติดีกัน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มาพูด แต่งสีใส่ไข่ในทางที่เสียหายกับครอบครัวเรา
มันเลยกลายเป็นว่า อยากจะแกล้งมันให้มันตาย ให้มันดิ้นตายไปเลย เพราะให้เราไปด่าสู้กับเค้า เราทำไม่ได้ค่ะ ก็ได้แต่นิ่งให้มันอกแตกตายไป
แต่ยอมรับว่าใจเราก็เป็นทุกข์ไม่น้อยค่ะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไร
เราอยากคืนเงินนะคะ แต่มันเหมือนเรามีทิฐิมากเช่นกัน จะไปเรียกเค้าให้มาเอาเงินคืนไป ก็เหมือนกับเราแพ้เค้า
---------------- เพิ่มเติมค่ะ ----------------
เห็นเพื่อนๆหลายท่าน สอบถามมาว่าเลิกเพราะอะไร ขอบอกก่อนว่าตอนแรกที่เราไม่บอก เพราะ
เราไม่อยากพูดฝั่งเดียว จริงอยู่แล้วค่ะ ฝ่ายชายต้องไม่ดีในสายตาเรา ไม่งั้นเราจะเลิกทำไมจริงไหมคะ
แต่เรามาพูดฝั่งเดียวว่าเค้าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่พี่เค้าเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรามาตั้งกระทู้ ไม่มีโอกาสโต้กลับ
แต่ก็จริงค่ะ สาเหตุของการเลิก มันก็เป็นปัจจัยอีกตัวหนึ่งที่จะเอามาตัดสิน ว่าควรคืนหรือไม่คืนดี
เราบอกก่อนนะคะ ว่าตอนตัดสินใจแต่งงานกัน ตอนนั้นคิดแล้วว่าดี คบกันมาก็นาน 3 ปี อะไรๆก็ดี จะรอทำไม เรามาสร้างครอบครัวกันดีกว่า
แต่เราไม่รู้ว่านี่จะเป็นข้ออ้างได้ไหม เราทำงาน กทม แต่แฟนเรา ทำงานบริษัทเดียวกับเรา แต่เจ้าตัวเค้าอยู่ต่างจังหวัดค่ะ
เจอกันก็ราวๆ เดือนละ 2-3 ครั้งค่ะ เจอกันก็เสาร์ อาทิตย์ กินข้าว ดูหนัง เสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน
โทรคุยกันวันละครั้ง สองครั้งตามประสาแฟนกันค่ะ
เราเป็นคนชอบคนพูดเพราะ สุภาพ แต่แฟนเราช่วงแรกที่คบกัน แฟนเราชอบตะโกน ไปกินอาหารเรียกเด็กเสิร์ฟทีนี่หูแทบแตก
ขาก ถรุย ลงพื้นถนน เป็นเรื่องปกติ เราบอกเลยว่าเราไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆ บอกว่าอย่าทำได้ไม๊ เค้าบอกก็อย่ามองสิ แต่หลังๆก็เปลี่ยนค่ะ
แต่พอแต่งงานกับปุ้บ ลายเก่าออกทันที
-ทั้งตะคอก ชี้หน้าด่า ส่วนเราก็ได้แต่มองหน้ามัน เพราะเราไม่ชอบถกเถียงกับใคร อยากด่า แต่ด่าไม่ทัน ได้แต่เถียงด่าในใจ
-ปิดประตูดัง ทำข้าวของเสียงดัง
- ขับรถทีแทบจะพุ่งชนบ้าน เวลาที่เค้าโมโห (หลังแต่งงานแล้วฝ่ายชายย้ายมาอยู่บ้านเราค่ะ)
- งอนกันที ฝ่ายชายจะแยกห้องทันที ย้ายไปนอนห้องรับแขก ไม่พูดไม่จา ง้อก็ไม่มา (เราไม่ได้ขอให้ทำ เค้าทำเอง)
- ใครว่าเซ็กส์ไม่สำคัญ แต่งงานกันมาสามเดือน สาบานได้เลยว่า มีเซ็กส์กัน ไม่น่าเกิน 6-9 ครั้งค่ะ จำไม่ได้ ไม่ได้นับ
- มีปัญหากับเรา แต่พาลคนในบ้าน โกรธกับเรา ต้องโกรธคนในบ้านด้วย ไม่พูดกับใครทั้งนั้น แบบนี้เราอึดอัดค่ะ
- จนล่าสุดนี้ เขาโกรธเรา ขนข้าวของกลับบ้านเก่าตัวเอง ไปราวๆ 2 อาทิตย์ เราเลยไปง้อที่บ้านเค้า เค้าก็ไม่พูดกับเรา เราก็ยอมรับค่ะว่าเราเป็นคนเอาแต่ใจ เราง้อครั้งเดียว มันไม่มา เราก็คิดในใจว่าตรูไม่เอา ผช คนนี้แล้ว ก็เลยขอเลิกซะเลย
- อ้อ ก่อนแต่งงาน ราวๆ 3 เดือน ฝ่ายชายลาออกจากงานค่ะ บอกว่าไม่อยากทำแล้ว จะหาอย่างอื่นทำ ระหว่างที่ไม่มีงานทำ เราเลยให้มาช่วยงานของลุงเราไปก่อนค่ะ ทำงานก็มีปัญหาชกต่อย(ไม่แรงมาก)กับลูกน้อง แฟนก็มาฟ้องเรา แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เราไม่อยากก้าวก่ายเรื่องงานของลุงเรา แล้วเราก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ก็ได้แต่บอกให้อดทน แต่ในใจเรานี่คือเฟลมาก เหมือนมันผิดหวัง
ผิดหวังทุกอย่างในตัวเค้าค่ะ คิดเอาไว้ว่าเราจะสร้างครอบครัว แต่ดูแล้วอนาคตไม่มีค่ะ
รวมๆแล้วมันก็มีอีกหลายเหตุผลนะคะ เหตุผลจุกจิกเล็กน้อย ที่ตัวเรารับไม่ได้ อย่าบอกว่าทำไมคบกันมาตั้งนานไม่รู้
บางอย่าง จะรู้ได้อย่างไร ต้องอยู่ด้วยกันค่ะ ถึงจะรู้ค่ะ และเรายอมรับว่าเราเป็นคนตัดสินใจเร็วค่ะ
แต่ข้อดีเค้าก็มีค่ะ ถึงได้คบกันมาได้นาน เพราะเค้าไม่เคยเอาเปรียบเราเรื่องเงิน ไปกินเที่ยว เราสองคนช่วยกันออก หารกันแฟร์ๆตลอด
ดูแลเราอย่างดี แต่ไม่เข้าใจเหมือนกัน พอแต่งกันแล้วทำไมถึงเปลี่ยนไปแบบนี้
แฟนเราไม่เคยพาเราไปรู้จักเพื่อนเค้าเลยค่ะ ไม่รู้จักสักคน (แต่เพื่อนทีทำงานรู้จักค่ะ เพราะทำที่เดียวกัน) แต่อันนี้ไม่ใช่สาเหตุที่เลิกนะคะ เพราะมีคนถามมาว่าทำไมโต๊ะจีนมันน้อยจังแค่ 10 โต๊ะ งานเราเป็นงานเล็กๆค่ะ เพื่อนแฟนเรามาคนเดียว นอกนั้นก็แม่ฝ่ายชาย ลุง น้อง พี่ แค่นั้นค่ะ
เราไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเงินไว้ เพราะเราเสียตัวให้เค้านะคะ เพราะก่อนแต่งกันมันก็มีอะไรกันก่อนหน้านั้นแล้วค่ะ แต่เราแค่ไม่อยากคืนเฉยๆ
เพราะเกลียดวิธีการพูดจา ทวงของคืนของพวกเค้าค่ะ
ยาวมาก ช่วยอ่านหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
------ ทำไปทำมาชักยาวกลัวจะอ่านกันไม่จบ
คือเรานี่มันดื้อจริงๆ เราไม่อยากจะคืน (แล้วจะมาถามทำไม)แต่ใจก็รู้สึกผิดเพราะเราไม่ได้อยากได้เงินมันเล้ย
แหวน ไม่น่าจะมีมูลค่าอะไรมากค่ะ เราไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่เค้าบอกให้ใช้แหวนนี้ เราก็ต้องยอมค่ะ ก็ตามเค้าว่า
เอาแบบนี้ดีไหมคะ เราอ่านควาคิดเห็นของเพื่อนท่านนึงที่แสงดในกระทู้นี้ เราชอบใจมากเลย คิดไม่ถึงมาก่อนค่ะ
เราจะเอาเงินสองแสนของมันไปทำบุญตามมูลณิธิต่างๆ ให้เค้าออกใบเสร็จมา เสร็จแล้วส่งไปรษณีย์ไปให้เค้าที่บ้าน พร้อมกับแหวน
คือเรายอมรับเลยว่าเราไม่อยากให้มันได้เงินไปค่ะ
ตอนแรกมีการบอกจะฟ้องร้องเราด้วย เราบอก เออ ไปเลย ไปฟ้องเลย เดี๋ยวรอ แต่นี่ก็เงียบอยู่
มันจะฟ้องได้ยังไง? ไม่รู้เอาอะไรมาคิด
คือฟังแล้วมันโมโหค่ะ จะมาฟ้อง พอฟ้องไม่ได้ก็มาด่า แล้วก็มาลูบหลังพูดดี หลังจากนั้นงัดไม้เด็ดว่าขอซองแขกเขาคืนด้วย
งั้นที่แขกเขากินๆเข้าไปนี่ช่วยอ้วกออกมาคืนเราด้วยละกัน อยากจะตอบแบบนี้จริงๆ