คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เพราะคนมีโอกาศสูงกว่า(มีอำนาจ รวย) .. ยังหิวไม่เลิก(แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)
และเพราะผู้ด้อยโอกาศ .. ยังงอมืองอตีน(แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)
รวมถึงพวกที่เห็นปัญหา .. ก็หนีเอาตัวรอด(อย่างเพื่อนคุณ)(แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)
ปัญหาทั้งหมดเรียกโดยรวมว่า เห็นแก่ตัว ..
ทรัพยากร เป็นของทุกคน โลกทุนนิยมเปิดช่องให้การปล้นทรัพยากรเป็นเรื่องถูกต้อง ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมในการแข่งขัน(แย่งชิงทรัพยากร) ..
ก็ในเมื่อต้นทุน(อำนาจ ความรู้ เทคโนโลยี ฯ)แต่ละคน แต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศ มีไม่เท่ากัน การแข่งขันที่ยุติธรรมจึงเป็นเรื่องสมมติ ในโลกความจริง กลายเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ประเทศไทยเป็นสังคมขี้อวดและมองอะไรตื้นเขิน .. เปลือกจึงเป็นสิ่งที่เราใช้แสดงต่อกัน .. สังคมเช่นนี้ สุ่มเสี่ยงมากต่อการตกเป็นเหยื่อของโลก บริโภคนิยม .. ล่าสุดมีการรายงานหนี้สินภาคประชาชนของทั่วโลก ประเทศไทยอยู่ที่จุดสูงสุด มาเป็นที่ 1 ด้วยหนี้ 80% ของ GDP ...
ปัญหาจะร้ายแรงขึ้นวันที่กู้ไม่ได้แล้วภาพจะชัดเจนกว่านี้ .. .. ขาย ขาย ขาย ทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติบรรพบุรุษ ยัน ความเป็นคน
และแน่นอนทันทีที่หนี้สินล้นพ้นตัว อาการงอมืองอตีนก็จะปรากฏออกมา .. .. โยนภาระให้ภาครัฐ .. .. เห็นมีนโยบายของรัฐเมื่อเร็วๆนี้ ให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับบุคคลทั่วไป(โดยไม่เข้มงวดนัก เอาไปใช้หนี้นอกระบบ เอาไปลงทุน) .. .. ฟองสบู่รอบที่ 2 กำลังก่อตัว เพราะเงินที่จะหมุนในประเทศกลายเป็นเงินกู้ แท้ที่จะมาจากการประกอบอาชีพ .. .. ..
และเพราะผู้ด้อยโอกาศ .. ยังงอมืองอตีน(แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)
รวมถึงพวกที่เห็นปัญหา .. ก็หนีเอาตัวรอด(อย่างเพื่อนคุณ)(แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)
ปัญหาทั้งหมดเรียกโดยรวมว่า เห็นแก่ตัว ..
ทรัพยากร เป็นของทุกคน โลกทุนนิยมเปิดช่องให้การปล้นทรัพยากรเป็นเรื่องถูกต้อง ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมในการแข่งขัน(แย่งชิงทรัพยากร) ..
ก็ในเมื่อต้นทุน(อำนาจ ความรู้ เทคโนโลยี ฯ)แต่ละคน แต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศ มีไม่เท่ากัน การแข่งขันที่ยุติธรรมจึงเป็นเรื่องสมมติ ในโลกความจริง กลายเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ประเทศไทยเป็นสังคมขี้อวดและมองอะไรตื้นเขิน .. เปลือกจึงเป็นสิ่งที่เราใช้แสดงต่อกัน .. สังคมเช่นนี้ สุ่มเสี่ยงมากต่อการตกเป็นเหยื่อของโลก บริโภคนิยม .. ล่าสุดมีการรายงานหนี้สินภาคประชาชนของทั่วโลก ประเทศไทยอยู่ที่จุดสูงสุด มาเป็นที่ 1 ด้วยหนี้ 80% ของ GDP ...
ปัญหาจะร้ายแรงขึ้นวันที่กู้ไม่ได้แล้วภาพจะชัดเจนกว่านี้ .. .. ขาย ขาย ขาย ทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติบรรพบุรุษ ยัน ความเป็นคน
และแน่นอนทันทีที่หนี้สินล้นพ้นตัว อาการงอมืองอตีนก็จะปรากฏออกมา .. .. โยนภาระให้ภาครัฐ .. .. เห็นมีนโยบายของรัฐเมื่อเร็วๆนี้ ให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับบุคคลทั่วไป(โดยไม่เข้มงวดนัก เอาไปใช้หนี้นอกระบบ เอาไปลงทุน) .. .. ฟองสบู่รอบที่ 2 กำลังก่อตัว เพราะเงินที่จะหมุนในประเทศกลายเป็นเงินกู้ แท้ที่จะมาจากการประกอบอาชีพ .. .. ..
แสดงความคิดเห็น
ชาวบ้าน กับระบบสังคมที่กำลังร่มสลาย
หมู่บ้านหนึ่งซึ่งจัดว่าเป็นหมู่บ้านมาตรฐานของบ้านเรา ซึ่งผมได้จากมานานเพื่อไปเรียนต่อ - ทำงาน วันหนึ่งไม่นานมานี้ ผมกลับไปเยี่ยมยาย อาจจะซัก 5 ปี แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งสุดๆ คือสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
เป็นสังคมในเขตุจังหวัด นครสวรรค์ ชัยนาท และอุทัยธานี เป็นเขตุชนบทริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่คนหาปลากำลังบ่น... เมื่อในแม่น้ำไม่มีปลา ในไร่นาไม่มีกบไม่มีเขียด และในดินที่ไม่มีทรัพยากรณ์ ที่หนักกว่าคือ ที่ดินเหล่านั้นที่เคยเป็นของผู้หลักผู้ใหญ่ หรือของครอบครัวถูกขายไปจนหมด และพวกเขา "กำลังเช่าที่ดินตัวเองเพื่อทำการเกษตร" เด็กๆ ไม่ได้เรียนหนังสือ หรือ ไม่ต้องการไปโรงเรียน ญาติคนหนึ่งที่เคยเรียนมาด้วยกัน ตอนนี้ เรียนไม่จบ และเด็กที่ควรจะอยู่ในโรงเรียนตอนนี้ไม่ไปเรียนโดยที่ผู้ใหญ่ ไม่มีความเห็นที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ (ไม่ให้ความสำคัญ) แถม ไม่ยอมทำงานบวกกับจิตใจที่กำลังป่วยของผู้มีอำนาจในท้องถิ่น... ที่นี่กลายเป็นสังคมของการลักเล็กขโมยน้อย และวัฒนธรรมที่ทำให้คน "จนลง"
"หลานไม่มีความสุขหรอกไปทำงานต่างจังหวัดห่างพ่อแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง" หลายคนพูด
พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าผมไม่มีความสุขผมไม่รู้ (จริงๆ แล้วผมค่อนข้างมีความสุข) แต่ที่ผมรู้แน่ๆ คือ พวกเขา "โกหกตัวเองทุกวัน" ว่าตัวเองมีความสุข เด็กๆ ที่ไม่มีนมหรืออาหารดีๆ กิน ไม่มีที่นอนที่อบอุ่น หรือสังคมที่เป็นมาตรฐาน ไม่มียาดีๆ เพื่อรักษาโรค พอเกิดเรื่องมีอะไรก็โทษเทวดาฟ้าดินไว้ก่อน ทุกข์มาก็โทษแต่บุญแต่กรรม ล่าสุดคนที่รับของจากบ้านผมไปขายออกมาโวยวายว่าร้านของเขาถูกรื้อเพราะเจ้าของปั้มเรียกที่คืน ซึ่งดูเหมือนน่าสงสารในหมู่ชาวบ้านด้วยกัน ขณะที่ครอบครัผมมองว่า ปัญญาชนจำนวนมากกำลังปรับตัว แต่คนโง่พวกนี้ตามไม่ทัน นั่นมันบ้านเขา เขาเรียกที่คืน มันไม่มีเหตุผลไดๆ เลยที่จะทำให้เขาเป็นตัวร้าย.. เพื่อมผม สามในสี่ที่มีไอคิวและศักยภาพสูงหนึ่งคนไปสก็อตแลนด์ ส่วนอีกสองไปเยอร์มัน พวกเขากำลังทำสิ่งเดียวกันกับที่คนจีนทำในอดีต "อพยพ"
ไม่มี อาหาร ไม่มีบ้าน ไม่มีคนที่มีคุณภาพ มีแต่ความสุขที่ท่องตามๆ กันมาซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า พวกเขากำลังแห้งตายขณะที่ปากก็ท่องว่าตัวเองมีความสุขดี แล้ว... จะเป็นอย่างไรในอีกสิบปีข้างหน้า? มีใครพอจะเดาออกไหม หรือ เราพอจะทำอะไรได้ไหม?
ปล. นี่เป็นเรื่องของสังคมแต่ผมก็อยากรู้ว่าห้องศาสนาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้นะครับ