สวัสดีพี่น้องชาวพันทิพ ทุกท่านครับ
วันนี้ว่างๆจากการทำงานมีโอกาสได้จังหวะที่จะได้มารีวิวรถจักรยานเสือหมอบแบรนด์ญี่ปุ่น นั่นคือ Fuji altamira SL
การรีวิวแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้นะครับ
1.รูปลักษณ์ภายนอก
2.การขับขี่+data analysis
3.conclusion

************************************************************************************************************
เริ่มที่ส่วนแรกกก่อนเลยนะครับ
1.รูปลักษณ์ภายนอก
Fuji Altamira SL เป็นรถที่ผลิตใน taiwan เหมือนแบรนด์อื่นๆทั่วไป แต่เป็นรถที่อยู่ในระดับ level ที่โปรใช้กัน
ปี2011 Cobo ได้แชมป์ Vuelta espana กับทีม Footon Geox
ปี2012 Leopold Konig จบ Topten Vuelta espana กับทีม Netapp
ส่วนตัวถือว่าดีกรีดีเลยครับ ปอกรกับส่วนตัวชอบรถที่เป็น all around เลยตัดสินใจซื้อมาลองดูได้มาจัดการยกจากคันเก่ามาทั้งหมดยกเว้น
หลักอานอย่างเดียวที่ต้องซื้อใหม่ น้ำหนักไกล้เคียงกับของเดิมที่ทำได้ครับ (CAAD10) 7.3kg
จขกท สูง 178 ซื้อรถขนาด53 cm ท่อบนยาว 56 cm เสตม 100 ยก6 เบาะชักสูงจากกะโหลก 73.2cm
สิ่งที่เด็ดในรถคันนี้คือมีอยู่4-5 อย่างสำหรับผมนะครับ มาดูกัน


1.ตะเกียบแบบ taper ที่มีขนาดใหญ่รองรับการกระแทกได้ดี
2.seat stay แบบ super thin บางและเบามากทางแบรนด์เคลมว่าที่ทำบางก็เพราะส่วนนี้ไม่ได้รับน้ำหนักจึงทำให้สามารถผลิตเฟรมที่มีขนาดเบาได้
3.ท่อล่างขนาดใหญ่
4.กะโหลก BB86
5.chain stay แบบ ใหญ่หนา รองรับแรงกระแทกได้ดี

คือรถบางรุ่น บางแบรนด์ไม่ได้มีแบบที่กล่าวมาทั้งหมดก็เลยเลือก Fuji นี่แหล่ะ แต่ weak point คือ สายมันไม่ซ่อนครับ
เลยทำให้มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ก็ว่ายดีกับการ service

************************************************************************************************************
2.การขับขี่+data analysis
อยากแบ่ง part นี้ออกเป็น3 ส่วนนะครับคือ
- แบบ flat คือปั่นทางราบ
ผมทดสอบโดยการจับเวลาทางราบโดยเปรีบเทียบใน App Strava เป็นอย่างไรมาดูกัน


Segment ที่ผมเซตไว้คือแถวๆหน้าบ้านครับคือเส้นสันกำแพงสายใหม่ 6กิโล แบบปั่นเดี่ยวเป็น PR ของตัวเองแบบจริงๆ ผลที่ได้คือทำเวลาได้ดีเลยทีเดียว


ทางราบส่วนตัวคิดว่าสามารถคงความเร็วได้ดีแต่ตอนกระชากออกตั้งความเร็วไม่ดีเหมือน CAAD10 ครับอาจเป็นเพราะ geometry ของตัวรถ
กับวัสดุ ได้มาขี่คาร์บอนหลังจากขี่อลูมานานก็รู้สึกว่ามันนิ่มๆ softๆ แข็งไม่กระด้างมากถ้าเทียบกับ อลูนี่สะเทือนได้ใจกว่าเยอะ

- แบบHilly คือปั่นขึ้นเขา
ทั้งสองรุ่นคือดีคนละอย่างนะครับ ตอนแรกๆที่เริ่มขึ้นเขารู้สึกว่า CAAD 10 ออกได้ดีกว่าพอหลังเริ่มขี่รอบขามา Fuji นี่ทำได้ดีกว่าครับ
มีผลการทดสอบมาให้ดูสักหน่อย

จับมาขี่สองครั้งขึ้นเขาก็ไกล้เคียงกับ CAAD10 แต่รู้สึกว่ารถยังไม่เข้ากับตัวเองเท่าไหร่ต้องปรับๆอีกนิดหน่อย

- แบบDown hill คือปั่นลงเขา
ทำไมผมถึงอยากมาเขียนถึงจุดนี้เพราะอยากแนะนำว่ารถCAAD10 ลงเขานี่แหกตลอดเลยครับ 555+
คืออาจเป็นด้วยที่รถมีจัดกะโหลกที่สูงกว่ารถทั่วไปด้วยส่วนนึง แล้วก็เจ้าเบรค Sram force เนี่ยมันเบรคแรงๆไม่ดีเลยมันจะคอยไหลอยู่เรื่อยพลังเบรคไม่ดีเท่าไหร่ เปลี่ยนเฟรมปั๊บรู้เลยว่าลงดีกว่าเดิมเยอะมากไม่ค่อยแหกมั่นใจมากขึ้น ไม่รู้เป็นกับ Super six มั๊ย

************************************************************************************************************
3.conclusion
สรุปคือ เจ้า Fuji นี่ขี่ได้แหล่มมากระดับนึง ด้วยที่ว่าระดับรถโปรแต่จ่ายถูกกว่าตัวทอปค่ายอื่นๆ แต่เสียอย่างเดียวคือสายไม่ซ่อนเนี่ยแหล่ะ
-ขึ้นเขาทำได้ดีมาก
-ทางราบก็ดีกว่า CAAD10 (ส่วนตัวนะครับ) ไม่เติมเยอะ
-ลงเขาก็ดีกว่าอาจจะเกิดจากที่จุดหมุนกะโหลกต่ำกว่าเลยรู้สึกได้แบบนั้นครับ
*** สปริ้นส์ยังไม่เคยลองนะครับไว้ออกทริปจะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
*** ขายCAAD 10ไปงอกคันนี้มา ไม่ผิดหวังครับ
*** เฟรมทุกอย่างดีหมด อยู่ที่การเซตรถ และวัตถุประสงค์ของการใช้งานนะครับ
ขออภัยหากพิมพ์ตก ผิดพลาดไปนะครับ ทุกอย่างที่พิมพ์ไปออกมาจากความรู้สึกตอนปั่นนะครับ ^_^

*** อย่าลืมออกกำลังด้วยนะครับ เย้ ไปแล้วครับ happy holiday