ผมเชื่อว่า นครวัด เป็นที่ในฝันของใครหลายคน ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และตัวผมเองฝันไว้แบบนั้นเช่นกัน
โดยการเดินทางครั้งนี้ผมคิดไว้ว่าจะต้องเที่ยวปราสาทต่างๆ ให้มากที่สุด ภายใน 7 วัน 20-27 กันยายน 2557 โดยติดต่อ Sok Paul (ผมจะเรียกสั้นๆ ว่า พอล) คนขับสามล้อที่นี่ไว้ล่วงหน้า โดยรู้จากสมาชิกท่านอื่นๆ ที่ไปเที่ยวและนำในกระทู้พันทิพ ติดต่อคุยกันทางเฟสบุ๊ค พอลพูดไทยไม่ได้นะครับ ผมต้องพยายามสื่อสารกับเขาเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Nikon D800 เลนส์ AF 28-105 F3.5-4.5D Macro, AFS 18-35 F3.5-4.5G, AF 35 F2D, AFS 50 F1.4G, AFS 85 F1.8G, AF 80-200 F2.8D และ CPL B&W, CPL Hoya, GND Half Tianya Filter, ND8 Tianya Filter, ขาตั้งกล้อง Slik
หลังจากลงเครื่องบินและเช็คอินวางกระเป๋าไว้ที่พัก ก็บอกพอลว่าไปนครวัด (Angkor Wat) กันทันที โดยผมจะไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทแบบ 7 วัน 60 ดอลล่าร์หลังจากถ่ายรูปและได้บัตรแล้ว ก็เข้าไปที่นครวัดกันทันที สัมผัสแรกที่เห็นนครวัด มันยิ่งใหญ่และกินพื้นที่เยอะมาก ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ เดินเข้าไปด้วยอาการงงๆ จะทางไหนก่อนดี เพราะมันกว้างจริงๆ สุดท้ายก็เดินแบบมั่วตามชาวบ้านเขาไปเรื่อย เจออะไรที่น่าสนใจก็เดินไปทางนั้น
มองไปทางไหนก็เจอนางอัปรา มีทั้งที่ยังสมบูรณ์และแตกหัก
จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบนตัวปราสาทซึ่งทางเดินค่อนข้างชันพอสมควร ในแต่ละทิศจะมีพระประดับอยู่ในฐานด้านใน
งานแกะสลักบนหินละเอียดแต่มีสึกหรอไปบ้างตามกาลเวลา
หลังจากเที่ยวนครวัดเสร็จ ก็ไปชมอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่าจะเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยสักเท่าไหร่ บอกให้เก็บแต่คิดว่าตอนพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งนครวัดน่าจะสวยกว่า เลยถามพอลว่าที่นี่เขาไม่เปิดให้เข้าชมดวงอาทิตย์ขึ้นเหรอ พอลบอกว่าจริงๆ แล้วก็เคยมีคนมาชมอาทิตย์ขึ้นนะ แต่เขายังไม่แน่ใจเรื่องเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ขึ้นไปหรือเปล่า ก็เลยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน โดยด้านบนนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ขาตั้งกล้อง มีเจ๊คนจีนมากางขาตั้งอย่างอลังการ กินเนื้อที่ไปเยอะ นักท่องเที่ยวมองเจ๊แกเป็นสายตาเดียว เจ๊แกใช้กล้อง Nikon D800 Len 70-200 F2.8 Nano สักพักเจ้าหน้าที่เดินมาหาทันที บอกให้เก็บ เจ๊แกรีบเก็บแล้วไปอย่างไว
โชคดีได้เห็นเมฆสีรุ้งบนพนมบาเค็งด้วย ราวๆ 6 โมงเย็นเจ้าหน้าที่จะเริ่มให้นักท่องเทียวลงจากปราสาท ต้องรีบเดินกลับก่อนมืด
นครวัด นครธม ในมุมมองของผม - Angkor Wat, Angkor Thom
โดยการเดินทางครั้งนี้ผมคิดไว้ว่าจะต้องเที่ยวปราสาทต่างๆ ให้มากที่สุด ภายใน 7 วัน 20-27 กันยายน 2557 โดยติดต่อ Sok Paul (ผมจะเรียกสั้นๆ ว่า พอล) คนขับสามล้อที่นี่ไว้ล่วงหน้า โดยรู้จากสมาชิกท่านอื่นๆ ที่ไปเที่ยวและนำในกระทู้พันทิพ ติดต่อคุยกันทางเฟสบุ๊ค พอลพูดไทยไม่ได้นะครับ ผมต้องพยายามสื่อสารกับเขาเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Nikon D800 เลนส์ AF 28-105 F3.5-4.5D Macro, AFS 18-35 F3.5-4.5G, AF 35 F2D, AFS 50 F1.4G, AFS 85 F1.8G, AF 80-200 F2.8D และ CPL B&W, CPL Hoya, GND Half Tianya Filter, ND8 Tianya Filter, ขาตั้งกล้อง Slik
หลังจากลงเครื่องบินและเช็คอินวางกระเป๋าไว้ที่พัก ก็บอกพอลว่าไปนครวัด (Angkor Wat) กันทันที โดยผมจะไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทแบบ 7 วัน 60 ดอลล่าร์หลังจากถ่ายรูปและได้บัตรแล้ว ก็เข้าไปที่นครวัดกันทันที สัมผัสแรกที่เห็นนครวัด มันยิ่งใหญ่และกินพื้นที่เยอะมาก ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ เดินเข้าไปด้วยอาการงงๆ จะทางไหนก่อนดี เพราะมันกว้างจริงๆ สุดท้ายก็เดินแบบมั่วตามชาวบ้านเขาไปเรื่อย เจออะไรที่น่าสนใจก็เดินไปทางนั้น
มองไปทางไหนก็เจอนางอัปรา มีทั้งที่ยังสมบูรณ์และแตกหัก
จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบนตัวปราสาทซึ่งทางเดินค่อนข้างชันพอสมควร ในแต่ละทิศจะมีพระประดับอยู่ในฐานด้านใน
งานแกะสลักบนหินละเอียดแต่มีสึกหรอไปบ้างตามกาลเวลา
หลังจากเที่ยวนครวัดเสร็จ ก็ไปชมอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่าจะเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยสักเท่าไหร่ บอกให้เก็บแต่คิดว่าตอนพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งนครวัดน่าจะสวยกว่า เลยถามพอลว่าที่นี่เขาไม่เปิดให้เข้าชมดวงอาทิตย์ขึ้นเหรอ พอลบอกว่าจริงๆ แล้วก็เคยมีคนมาชมอาทิตย์ขึ้นนะ แต่เขายังไม่แน่ใจเรื่องเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ขึ้นไปหรือเปล่า ก็เลยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน โดยด้านบนนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ขาตั้งกล้อง มีเจ๊คนจีนมากางขาตั้งอย่างอลังการ กินเนื้อที่ไปเยอะ นักท่องเที่ยวมองเจ๊แกเป็นสายตาเดียว เจ๊แกใช้กล้อง Nikon D800 Len 70-200 F2.8 Nano สักพักเจ้าหน้าที่เดินมาหาทันที บอกให้เก็บ เจ๊แกรีบเก็บแล้วไปอย่างไว
โชคดีได้เห็นเมฆสีรุ้งบนพนมบาเค็งด้วย ราวๆ 6 โมงเย็นเจ้าหน้าที่จะเริ่มให้นักท่องเทียวลงจากปราสาท ต้องรีบเดินกลับก่อนมืด