เหตุเกิดจากเย็นวันนึงขณะกำลังขับรถออกจากซอยเลี้ยวขวา ปรากฏว่ามีมอเตอร์ไซค์ชนท้ายแล้วหนีไปเพราะเขาไม่ล้ม เราขับปาเจโร่ รถคันใหญ่ อยู่กลางถนนละ พยายามกลับรถและขับตามไปเพื่อจะเอาผิดจากคนชั่ว แต่แน่นอนว่าขับตามไม่ทัน ถอดใจขับรถกลับมาที่จุดเกิดเหตุ หน้าปากซอยเห็นกล้องวงจรปิด 2 ตัว และจากที่สะพานลอยใกล้จุดเกิดเหตุอีกตัวหนึ่ง จึงโทรเรียกประกันและแจ้งเหตุดังกล่าว บอกว่าจะไปแจ้งความว่ามีคนชนแล้วหนี เพราะกรณีนี้เราไม่ผิด เจ้าหน้าที่รับแจ้งตกปากรับคำว่าไปเจอที่ สน (เราแจ้งทุกอย่างตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น วันนั้นขับรถคนเดียว)
พอไปถึง เจ้าหน้าที่ของโตเกียวแจ้งว่ากล้องบริเวณดังกล่าวเป็นของ กทม ซึ่งเสียมานานแล้ว จึงสรุปแน่นอนว่า "อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีคู่กรณี และเราต้องจากค่า excess 1000 บาท" แน่นอนว่าเราไม่พอใจมาก เพราะเราไม่ใช่คนผิด เราก็แจ้งถึงเหตุผลว่ากรณีนี้ควรได้รับการยกเว้นค่า excess หลังจากโวยวายอยู่นาน แม้แต่ผู้กองที่ สน ยังโมโหแทนว่าเจ้าหน้าที่ประกันไม่เข้าข้างเราเลย (
ประกันแถมมากะรถเป็นแบบนี้ เพลียเลยบอกตรงๆ) เจ้าหน้าของโตเกียวจึงแนะนำดังนี้
"ผมยกเลิกเคลมนี้ แล้วเดี๋ยวทำเคลมใหม่ แจ้งใหม่ว่าพี่ไปเบียดเสามา แค่นี้พี่ก็ไม่ต้องเสียค่า excess (แต่เรากลายเป็นคนผิดและไม่มีส่วนลดถ้าต้องการต่อประกันในปีถัดไป) เพราะถ้าคู่กรณีเป็นเสา ถังขยะ ฟุตบาท สัตว์ พี่ไม่ต้องเสียค่า excess แค่พี่รับเป็นฝ่ายผิด" คราวหน้าถ้ามีเหตุแบบนี้อีกพี่ก็อย่าเพิ่งแจ้ง เพราะไม่มีคู่กรณียังไงพี่ก็ต้องเสียค่า excess!!!"
ถามตรงๆ นะ ว่าเราเป็นฝ่ายได้เปรียบตรงไหนกับการที่เราทำประกันชั้นหนึ่งค่าเบี้ยปีละเกือบสองหมื่น แต่บริษัทประกันมีนโยบายห่วยแตก ที่มีแต่จะได้กับได้ มันไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปเหรอ แล้วเวลาเกิดเหตุ ถามจริงๆ ว่าใครจะมานั่งแต่งเรื่องเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด (เผอิญไม่ได้เป็นคนเลวขนาดนั้นค่ะ)
สุดท้ายเรายืนยันกับเจ้าหน้าที่ของโตเกียวว่า ยังไงเราก็ไม่ผิด และเราก็จะไม่จ่ายค่า excess นี่แม้ว่ามันจะแค่ 1000 บาทก็ตาม เพราะมันคนละเรื่องกันละ มันเกี่ยวกับการที่เราถูกบริษัทโตเกียวเอาเปรียบ เจ้าหน้าที่คนนี้แนะนำว่าให้โทรคุยกับหัวหน้าของเขาในเช้าวันถัดมาก่อนที่จะส่งเรื่องเคลมเข้าระบบ แต่ตอนที่เราโทรไปคุยกับหัวหน้านั้น หัวหน้าคนนี้แจ้งมาแล้วเรื่องเข้าระบบไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว!!!! มันคืออะไรวะ ความจริงใจของพวกคุณมีรึเปล่า
หัวหน้าคนดังกล่าวแจ้งว่า ระบบของโตเกียว คนที่จะให้อนุมัติการอนุโลมค่า excess ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าจะได้หรือไม่ แนะนำว่าให้ลองเอารถเข้าศูนย์มิซซูดูเพื่อทางฝ่ายซ่อมของมิซซูจะช่วยแทงเรื่องเข้ามาขออนุโลมแทนลูกค้าให้
ล่าสุดโทรไปที่ศูนย์มิซซู ได้รับคำตอบว่าถ้าใบเคลมแจ้งมาแล้วว่าต้องจ่ายค่า excess ทางศูนย์จะทำอะไรไม่ได้
เฮ้ยยยยย!!!!! มันคืออะไรวะ
คือแน่ๆ ว่าปีต่อไปไม่ต่อประกันของบริษัทนี้แน่นอน แต่สิ่งที่ต้องขอระบายในกระทู้นี้คือ
1. ทำไมระบบประกันรถยนต์ต้องสอนให้คนโกหก ไม่แจ้งความจริง
2. ทำไมบริษัทนี้ไม่อะลุ่มอะล่วยเมื่อลูกค้าแสดงความบริสุทธิ์ใจ หรือว่าต้องให้ไปขึ้นฝากฟ้องกันแค่เงิน 1000 บาท เพราะความเจ็บใจในบริการ
3. ทำไมบริษัทไม่เข้าข้างเรา หรือให้ความยืดหยุ่นเป็นกรณีไป (ดิฉันใช้เทเวศน์ ช่วยเหลือและอนุโลมตลอด)
4. ทำไมถึงโยนงานกันไปมา ศูนย์รถมิซซู และโตเกียวมารีน พวกคุณยัดแถมประกันของบริษัทนี้พร้อมบริการที่ห่วยแตก ลูกค้าบ่นหลายรายแต่ไม่คิดจะแก้
5. ปกติประกันห้าง เค้าไม่ซ่อมแต่เปลี่ยน โทรถามศูนย์ บอกว่าซ่อม ไม่เปลี่ยน
6. ทำไม สคบ หรือองค์กรใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องไม่ออกมาแก้ไขตรงนี้ คนซื่อ คนบริสุทธิ์ ต้องรับผิด มันใช่ไหมคะ
ตอนนี้อึดอัดมาก ที่ต้องทนใช้บริการของบริษัทห่วยๆ ต่อไปอีก 10 เดือน รถออกมาป้ายแดงยังไม่ได้ป้ายเลย เจอแบบนี้ประทับใจจนอยากจะดิ้นตาย รถคันนี้ไม่ใช่คันแรก ใช้ประกันมา 2-3 บริษัท แต่ขอยืนยันว่าที่นี่ห่วยแตกที่สุด
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เสียไปหรือจะเสียไปแต่อย่างใด เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ เป็นภัยของคนใช้รถ ผู้บริโภค ที่ต้องก้มหน้ารับกันไป หรือไม่ก็หัด
ให้เป็น
[CR] เรื่องจริงของบริษัทประกันรถยนต์
พอไปถึง เจ้าหน้าที่ของโตเกียวแจ้งว่ากล้องบริเวณดังกล่าวเป็นของ กทม ซึ่งเสียมานานแล้ว จึงสรุปแน่นอนว่า "อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีคู่กรณี และเราต้องจากค่า excess 1000 บาท" แน่นอนว่าเราไม่พอใจมาก เพราะเราไม่ใช่คนผิด เราก็แจ้งถึงเหตุผลว่ากรณีนี้ควรได้รับการยกเว้นค่า excess หลังจากโวยวายอยู่นาน แม้แต่ผู้กองที่ สน ยังโมโหแทนว่าเจ้าหน้าที่ประกันไม่เข้าข้างเราเลย (ประกันแถมมากะรถเป็นแบบนี้ เพลียเลยบอกตรงๆ) เจ้าหน้าของโตเกียวจึงแนะนำดังนี้
"ผมยกเลิกเคลมนี้ แล้วเดี๋ยวทำเคลมใหม่ แจ้งใหม่ว่าพี่ไปเบียดเสามา แค่นี้พี่ก็ไม่ต้องเสียค่า excess (แต่เรากลายเป็นคนผิดและไม่มีส่วนลดถ้าต้องการต่อประกันในปีถัดไป) เพราะถ้าคู่กรณีเป็นเสา ถังขยะ ฟุตบาท สัตว์ พี่ไม่ต้องเสียค่า excess แค่พี่รับเป็นฝ่ายผิด" คราวหน้าถ้ามีเหตุแบบนี้อีกพี่ก็อย่าเพิ่งแจ้ง เพราะไม่มีคู่กรณียังไงพี่ก็ต้องเสียค่า excess!!!"
ถามตรงๆ นะ ว่าเราเป็นฝ่ายได้เปรียบตรงไหนกับการที่เราทำประกันชั้นหนึ่งค่าเบี้ยปีละเกือบสองหมื่น แต่บริษัทประกันมีนโยบายห่วยแตก ที่มีแต่จะได้กับได้ มันไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปเหรอ แล้วเวลาเกิดเหตุ ถามจริงๆ ว่าใครจะมานั่งแต่งเรื่องเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด (เผอิญไม่ได้เป็นคนเลวขนาดนั้นค่ะ)
สุดท้ายเรายืนยันกับเจ้าหน้าที่ของโตเกียวว่า ยังไงเราก็ไม่ผิด และเราก็จะไม่จ่ายค่า excess นี่แม้ว่ามันจะแค่ 1000 บาทก็ตาม เพราะมันคนละเรื่องกันละ มันเกี่ยวกับการที่เราถูกบริษัทโตเกียวเอาเปรียบ เจ้าหน้าที่คนนี้แนะนำว่าให้โทรคุยกับหัวหน้าของเขาในเช้าวันถัดมาก่อนที่จะส่งเรื่องเคลมเข้าระบบ แต่ตอนที่เราโทรไปคุยกับหัวหน้านั้น หัวหน้าคนนี้แจ้งมาแล้วเรื่องเข้าระบบไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว!!!! มันคืออะไรวะ ความจริงใจของพวกคุณมีรึเปล่า
หัวหน้าคนดังกล่าวแจ้งว่า ระบบของโตเกียว คนที่จะให้อนุมัติการอนุโลมค่า excess ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าจะได้หรือไม่ แนะนำว่าให้ลองเอารถเข้าศูนย์มิซซูดูเพื่อทางฝ่ายซ่อมของมิซซูจะช่วยแทงเรื่องเข้ามาขออนุโลมแทนลูกค้าให้
ล่าสุดโทรไปที่ศูนย์มิซซู ได้รับคำตอบว่าถ้าใบเคลมแจ้งมาแล้วว่าต้องจ่ายค่า excess ทางศูนย์จะทำอะไรไม่ได้
เฮ้ยยยยย!!!!! มันคืออะไรวะ
คือแน่ๆ ว่าปีต่อไปไม่ต่อประกันของบริษัทนี้แน่นอน แต่สิ่งที่ต้องขอระบายในกระทู้นี้คือ
1. ทำไมระบบประกันรถยนต์ต้องสอนให้คนโกหก ไม่แจ้งความจริง
2. ทำไมบริษัทนี้ไม่อะลุ่มอะล่วยเมื่อลูกค้าแสดงความบริสุทธิ์ใจ หรือว่าต้องให้ไปขึ้นฝากฟ้องกันแค่เงิน 1000 บาท เพราะความเจ็บใจในบริการ
3. ทำไมบริษัทไม่เข้าข้างเรา หรือให้ความยืดหยุ่นเป็นกรณีไป (ดิฉันใช้เทเวศน์ ช่วยเหลือและอนุโลมตลอด)
4. ทำไมถึงโยนงานกันไปมา ศูนย์รถมิซซู และโตเกียวมารีน พวกคุณยัดแถมประกันของบริษัทนี้พร้อมบริการที่ห่วยแตก ลูกค้าบ่นหลายรายแต่ไม่คิดจะแก้
5. ปกติประกันห้าง เค้าไม่ซ่อมแต่เปลี่ยน โทรถามศูนย์ บอกว่าซ่อม ไม่เปลี่ยน
6. ทำไม สคบ หรือองค์กรใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องไม่ออกมาแก้ไขตรงนี้ คนซื่อ คนบริสุทธิ์ ต้องรับผิด มันใช่ไหมคะ
ตอนนี้อึดอัดมาก ที่ต้องทนใช้บริการของบริษัทห่วยๆ ต่อไปอีก 10 เดือน รถออกมาป้ายแดงยังไม่ได้ป้ายเลย เจอแบบนี้ประทับใจจนอยากจะดิ้นตาย รถคันนี้ไม่ใช่คันแรก ใช้ประกันมา 2-3 บริษัท แต่ขอยืนยันว่าที่นี่ห่วยแตกที่สุด
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เสียไปหรือจะเสียไปแต่อย่างใด เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ เป็นภัยของคนใช้รถ ผู้บริโภค ที่ต้องก้มหน้ารับกันไป หรือไม่ก็หัดให้เป็น