คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 282
เรียน คุณ จขกท.
กระผมเป็นข้าราชการ (ทหาร/ตำรวจ) เป็นชายแท้ แต่เป็นไบเซ็กซวล คือ เอาได้ทั้งหญิงและชาย ผมขาว แนวจีนๆ เป็นผูใหญ่เต็มตัวแล้ว ที่สำคัญผมเลือกแบบที่คุณ จขกท.เลือกไว้เช่นเดียวกัน คือ หาหญิงที่รับรู้รับทราบและ เราเป็นเพื่อนกันจนกระทั่งเราได้แต่งงานกัน
สำหรับความเห็นส่วนตัวมีดังนี้ครับ
1. ผมกับภรรยามีความสุขหลังแต่งงานมาก เพราะเราเป็นเพื่อนกันที่รู้จักและเข้าใจกันดีมาก่อนแต่งงาน เรื่องบนเตียงจึงไม่ใช่ปัญหา ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายตกนรกเหมือนที่หลายคนข้างบนวิพากษ์
2. ผมและภรรยาเป็นเสมือนเพื่อนรักกัน เข้าใจกัน ผมมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ชายที่ผมรักได้ โดยไม่มีปัญหา เพียงแค่บอกภรรยาว่าผมกำลังคบกับใครอยู่เท่านั้นเอง และชายคนนั้นก็ยินดีในสถานะที่เป้น "ชายน้อย(เมียเก็บ)" ของผม
3. ผมและภรรยาอยู่ด้วยกันก็จริงแบบสามัญธรรมดาทั่วไป แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ไปๆ มาๆ อยู่ค้างนอนด้วยกันเป็นครั้งคราว... ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพราะเราสองคนมีภูมิลำเนา(บ้านพักอาศัยแต่เดิม) เราอยู่ห่างกันคนละจังหวัดครับ สบายดีครับคิดถึงกันดีด้วย ไม่เคยเรียกร้องกันและกันให้หนักใจอะไร เพราะต่างก็รู้ และเข้าใจกันดี
4. ผมเป็นคนหน้าตาดีและมีบุคลิกภาพดีคนหนึงที่มี หญิงและชายมานิยมชมชอบผมมากทีเดียว แต่ผมกับภรรยาก็คุยกันอยู่เสมอว่า เพราะเราบอกกล่าว เล่าสู่กันฟังและหารือร่วมกันเสมอ ดังนั้น... เธอและผมไม่เคยถือว่าเราเอาเปรียบกันเรยแม้แต่น้อย
5. ผมและเธอก็หมดปัญหากับคำถาม "เน่าๆ.... เมื่อไหร่แต่งงานเสียที" ไปอย่าง Happy endding
6. คำถามต่อมาก็คือ "เมื่อไหร่มีลูก"... แรกๆ บ่องต่งนะว่าก็อยากมีลูกเหมือนกัน แต่คุยไปคุยมาแล้ว ได้บทสรุปว่าในเมื่อลูกที่จะเกิดขึ้นมา (แม้จะไปผสมเทียมก็ตาม) เราก็ไม่ควรไปต่อเวร ต่อกรรม บาปกรรมอะไรขึ้นมาอีกเลย ให้มันจบกันไปชาตินี้เถอะ
7. พ่อแม่ของเราสองฝ่ายมีความสุขมาก และภูมิใจในหน้าที่การงาน พร้อมกับความสมบูรณ์ของเราสองคน
8. หลังแต่งงาน พ่อ(ภรรยา)ผมเสียชีวิตลงกระทันหัน แต่เขาก็ดีใจ อุ่นใจที่ลูกสาวเขามีคู่ครองที่ดี และ แม่(ของผม) ก็เสียชีวิตลงตามไปในอีกปีถัดมา ซึ่งท่านก็ภูมิใจที่ลูกชายของตนมีคู่ครองที่ดีและมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
9. ผมใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข และไม่มีปัญหาเรื่องใครต้องมาแบกรับกรรมของฝ่ายไหนเรย .... มีเรื่องเดียวที่เรายอมรับก็คือ "เราสองคนอยู่กันแบบเพื่อน Home old mate" ไปด้วยกันจนแก่จนเฒ่าก็พอ ..... แต่ถ้าหากผมมีแฟนผู้ชายที่ดีสักคน วันหนึ่งเราอาจจะรับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้ครับ... ภรรยาผมบอกว่าดีเสียอีก เราไม่เหงายามแก่... (เธอเป็นคนใจกว้างและ ไม่สนใจเรื่องบนเตียงนัก แต่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไรให้มีความสุขโดยไม่ต้องทำร้ายใคร)
.......
ด้วยความเคารพในความเห็นทุกฝ่าย แต่เรื่องราวของผมมันคล้าย หรือเหมือนกับ จขกท. มากทีเดียว ผมต้องการบอกว่า "ทำแบบนี้แล้วไม่ใช่เรื่องของการ หลอกลวงใครเรย ไม่ใช่หลอกฝ่ายหญิง ไม่ใช่หลอกตัวเอง และไม่ได้หลอกพ่อแม่ด้วย..."
หากท่าน จขกท. สนใจอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ ผมยินดีให้คำแนะนำ... ติดต่อผมได้ที่ cadetpolice@hotmail.com ซึ่งเป็นอีเมลที่ตั้งขึ้นเฉพาะกิจเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้จักตัวตนแท้จริงผมได้เรยในที่นี้ แล้วสบายใจได้ครับว่าเราจะได้พูดคุยกันอย่างเปิดอก... หากคุณเห็นด้วยกับผม คุณติดต่อมาเราอาจเป็นเพื่อนคุยที่ดีและให้คำแนะนำ ที่ดีต่อกันได้คับ
พ.ต.ต.เคน ภูมิพงพันธุ์
กระผมเป็นข้าราชการ (ทหาร/ตำรวจ) เป็นชายแท้ แต่เป็นไบเซ็กซวล คือ เอาได้ทั้งหญิงและชาย ผมขาว แนวจีนๆ เป็นผูใหญ่เต็มตัวแล้ว ที่สำคัญผมเลือกแบบที่คุณ จขกท.เลือกไว้เช่นเดียวกัน คือ หาหญิงที่รับรู้รับทราบและ เราเป็นเพื่อนกันจนกระทั่งเราได้แต่งงานกัน
สำหรับความเห็นส่วนตัวมีดังนี้ครับ
1. ผมกับภรรยามีความสุขหลังแต่งงานมาก เพราะเราเป็นเพื่อนกันที่รู้จักและเข้าใจกันดีมาก่อนแต่งงาน เรื่องบนเตียงจึงไม่ใช่ปัญหา ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายตกนรกเหมือนที่หลายคนข้างบนวิพากษ์
2. ผมและภรรยาเป็นเสมือนเพื่อนรักกัน เข้าใจกัน ผมมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ชายที่ผมรักได้ โดยไม่มีปัญหา เพียงแค่บอกภรรยาว่าผมกำลังคบกับใครอยู่เท่านั้นเอง และชายคนนั้นก็ยินดีในสถานะที่เป้น "ชายน้อย(เมียเก็บ)" ของผม
3. ผมและภรรยาอยู่ด้วยกันก็จริงแบบสามัญธรรมดาทั่วไป แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ไปๆ มาๆ อยู่ค้างนอนด้วยกันเป็นครั้งคราว... ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพราะเราสองคนมีภูมิลำเนา(บ้านพักอาศัยแต่เดิม) เราอยู่ห่างกันคนละจังหวัดครับ สบายดีครับคิดถึงกันดีด้วย ไม่เคยเรียกร้องกันและกันให้หนักใจอะไร เพราะต่างก็รู้ และเข้าใจกันดี
4. ผมเป็นคนหน้าตาดีและมีบุคลิกภาพดีคนหนึงที่มี หญิงและชายมานิยมชมชอบผมมากทีเดียว แต่ผมกับภรรยาก็คุยกันอยู่เสมอว่า เพราะเราบอกกล่าว เล่าสู่กันฟังและหารือร่วมกันเสมอ ดังนั้น... เธอและผมไม่เคยถือว่าเราเอาเปรียบกันเรยแม้แต่น้อย
5. ผมและเธอก็หมดปัญหากับคำถาม "เน่าๆ.... เมื่อไหร่แต่งงานเสียที" ไปอย่าง Happy endding
6. คำถามต่อมาก็คือ "เมื่อไหร่มีลูก"... แรกๆ บ่องต่งนะว่าก็อยากมีลูกเหมือนกัน แต่คุยไปคุยมาแล้ว ได้บทสรุปว่าในเมื่อลูกที่จะเกิดขึ้นมา (แม้จะไปผสมเทียมก็ตาม) เราก็ไม่ควรไปต่อเวร ต่อกรรม บาปกรรมอะไรขึ้นมาอีกเลย ให้มันจบกันไปชาตินี้เถอะ
7. พ่อแม่ของเราสองฝ่ายมีความสุขมาก และภูมิใจในหน้าที่การงาน พร้อมกับความสมบูรณ์ของเราสองคน
8. หลังแต่งงาน พ่อ(ภรรยา)ผมเสียชีวิตลงกระทันหัน แต่เขาก็ดีใจ อุ่นใจที่ลูกสาวเขามีคู่ครองที่ดี และ แม่(ของผม) ก็เสียชีวิตลงตามไปในอีกปีถัดมา ซึ่งท่านก็ภูมิใจที่ลูกชายของตนมีคู่ครองที่ดีและมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
9. ผมใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข และไม่มีปัญหาเรื่องใครต้องมาแบกรับกรรมของฝ่ายไหนเรย .... มีเรื่องเดียวที่เรายอมรับก็คือ "เราสองคนอยู่กันแบบเพื่อน Home old mate" ไปด้วยกันจนแก่จนเฒ่าก็พอ ..... แต่ถ้าหากผมมีแฟนผู้ชายที่ดีสักคน วันหนึ่งเราอาจจะรับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้ครับ... ภรรยาผมบอกว่าดีเสียอีก เราไม่เหงายามแก่... (เธอเป็นคนใจกว้างและ ไม่สนใจเรื่องบนเตียงนัก แต่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไรให้มีความสุขโดยไม่ต้องทำร้ายใคร)
.......
ด้วยความเคารพในความเห็นทุกฝ่าย แต่เรื่องราวของผมมันคล้าย หรือเหมือนกับ จขกท. มากทีเดียว ผมต้องการบอกว่า "ทำแบบนี้แล้วไม่ใช่เรื่องของการ หลอกลวงใครเรย ไม่ใช่หลอกฝ่ายหญิง ไม่ใช่หลอกตัวเอง และไม่ได้หลอกพ่อแม่ด้วย..."
หากท่าน จขกท. สนใจอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ ผมยินดีให้คำแนะนำ... ติดต่อผมได้ที่ cadetpolice@hotmail.com ซึ่งเป็นอีเมลที่ตั้งขึ้นเฉพาะกิจเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้จักตัวตนแท้จริงผมได้เรยในที่นี้ แล้วสบายใจได้ครับว่าเราจะได้พูดคุยกันอย่างเปิดอก... หากคุณเห็นด้วยกับผม คุณติดต่อมาเราอาจเป็นเพื่อนคุยที่ดีและให้คำแนะนำ ที่ดีต่อกันได้คับ
พ.ต.ต.เคน ภูมิพงพันธุ์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขอยืมคำพี่อ้อยพี่ฉอดมาหน่อยนะ
"ทำไมคนที่มีปัญหา ไม่ยอมแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แต่ชอบดึงตัวละครอื่นเข้ามาร่วมชะตากรรมให้เจ็บด้วย ? "
อยู่ในโอวาท ถึงขนาดยอมสร้างทายาท
อุทิศตนจังนะคะ
แล้วไม่คิดถึงความสุขของตัวเองเลย
นั่นชีวิตคุณนะ พ่อเลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้นแหละ
บุญคุณมีวิธีตอบแทนเยอะแยะ
นี่ก็เลือกกันจัง ไอ้วิธีที่เป็นตรรกะคนไทยว่าต้องมีลูกเนี่ย
----------------------------------
แล้วจากคอมเม้นท์ย่อย
ครอบครัว (ในความหมายของคุณ)
คือ... โอเค๊ !!! มีพ่อ - แม่ - ลูก ครบสมบูรณ์ เย้ !!!
แต่แม่... ต้องให้พ่อไปมีอะไรกับผู้ชายได้น๊าาา
คิดแต่ว่า "ฉันอยากมี" แต่ไม่สนใครทั้งสิ้นจ้าาา
ตอนนี้เรื่องลูกที่เกิดมานี่คิดรึยัง หรือคิดแค่จะหาภรรยายังไงดี ?
ไหนจะภรรยาที่มีสามีเป็นเกย์นี่ยังรับได้นะ.... แต่สามีไปมีอะไรกับผู้ชายนี่คือไม่ไหวอ่ะ
เหมือนคุณเห็นผู้หญิงเป็นแค่ "เครื่องผลิตลูก" อ่ะ
"ทำไมคนที่มีปัญหา ไม่ยอมแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แต่ชอบดึงตัวละครอื่นเข้ามาร่วมชะตากรรมให้เจ็บด้วย ? "
อยู่ในโอวาท ถึงขนาดยอมสร้างทายาท
อุทิศตนจังนะคะ
แล้วไม่คิดถึงความสุขของตัวเองเลย
นั่นชีวิตคุณนะ พ่อเลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้นแหละ
บุญคุณมีวิธีตอบแทนเยอะแยะ
นี่ก็เลือกกันจัง ไอ้วิธีที่เป็นตรรกะคนไทยว่าต้องมีลูกเนี่ย
----------------------------------
แล้วจากคอมเม้นท์ย่อย
ครอบครัว (ในความหมายของคุณ)
คือ... โอเค๊ !!! มีพ่อ - แม่ - ลูก ครบสมบูรณ์ เย้ !!!
แต่แม่... ต้องให้พ่อไปมีอะไรกับผู้ชายได้น๊าาา
คิดแต่ว่า "ฉันอยากมี" แต่ไม่สนใครทั้งสิ้นจ้าาา
ตอนนี้เรื่องลูกที่เกิดมานี่คิดรึยัง หรือคิดแค่จะหาภรรยายังไงดี ?
ไหนจะภรรยาที่มีสามีเป็นเกย์นี่ยังรับได้นะ.... แต่สามีไปมีอะไรกับผู้ชายนี่คือไม่ไหวอ่ะ
เหมือนคุณเห็นผู้หญิงเป็นแค่ "เครื่องผลิตลูก" อ่ะ
แล้วขนาดเพศตัวเองคุณยังไม่ภูมิใจเลย
อย่าหวังเลยค่ะ ว่าต่อให้มีลูก...ลูกจะศรัทธาในตัวคุณ
อย่าหวังเลยค่ะ ว่าต่อให้มีลูก...ลูกจะศรัทธาในตัวคุณ
ความคิดเห็นที่ 78
บอกก่อนเลย ผมเป็นเกย์ เชื้อสายจีน อายุขึ้นเลข 4 แล้ว และก็คิดอยากมีลูกตั้งแต่เด็กๆ (ส่วนนี้เป็นมุมมองผม กับตัวผมเอง)
แต่ก็บอกตัวเองไว้เสมอว่า ถ้าจะมีจริงๆ ต้องเลิกเป็นเกย์ให้ได้และจะต้องไม่มีวันย้อนกลับไปอีก (แม้แต่แค่คิดจะย้อนก็ไม่ได้) เพราะเมื่อจะเป็นครอบครัว มันต้องประกอบไปด้วย "ความรัก"
ผู้หญิงก็มีหัวใจ อย่าเอาชีวิตเขามาเป็นตัวประกัน อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้หลายคนอาจบอกรับได้ เวลาผ่านไปจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรไม่มีใครตอบได้
อยากมีลูก ยิ่งต้องคิดถึงหัวใจของเขาครับ
ลูกจะเห็นคุณเป็นฮีโร่ของเขา เป็นพ่อของเขา เป็นสามีของแม่เขา แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งเขารู้ว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมทำใจไม่ได้ครับ ถ้าลูกที่เรารักมากๆ ต้องมาผิดหวังมากๆ เพราะตัวผม
ก็เลยคิดว่า ชาตินี้ไม่มีบุญพอจะเป็นพ่อคน
สำหรับคุณ จขกท. (ส่วนนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม กับความรู้สึกจากการอ่านข้อความของ จขกท. นะครับ) ผมว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมาก ถ้ามองถึงการมีชีวิตคู่ ช-ญ เปรียบเป็นของ คุณคือของมีตำหนิ (แต่ถ้ามองในแง่เกย์ ชีวิตคู่ ช-ช คุณไม่ใช่ของมีตำหนินะ) แล้วมาถามหาผู้หญิงที่ฐานะ การศึกษาทัดเทียมกัน (แค่นี้ก็เห็นแก่ตัวแล้ว) ให้มาอยู่กับคุณ แถมให้เขาต้องตั้งครรภ์มีลูก (นี่แค่มองในส่วนคนจะมาเป็นภรรยา)
และลูกล่ะ คุณคิดแค่ว่ามีศีกยภาพในการเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้การศึกษา แต่ถ้าคุณคิดจะมีนะ คิดถึงความรู้สึกเขาก่อนไหม คิดให้ครบทุกด้านหรือยัง อย่าคิดว่า ปิดได้ ไม่มีใครรู้หรอก แล้วถ้าเกิดรู้ขึ้นมาล่ะ (คนเป็นพ่อ-แม่ ที่ดี "ต้อง"คิดถึงลูกก่อนตัวเองเสมอ)
สรุป ไม่เห็นด้วยเลยครับ ไม่ว่ามองในมุมไหน ก็แค่ความคิดของคนเห็นแก่ตัว ต้องการสนองความต้องการของตัวเอง ก็เท่านั้น
แต่ก็บอกตัวเองไว้เสมอว่า ถ้าจะมีจริงๆ ต้องเลิกเป็นเกย์ให้ได้และจะต้องไม่มีวันย้อนกลับไปอีก (แม้แต่แค่คิดจะย้อนก็ไม่ได้) เพราะเมื่อจะเป็นครอบครัว มันต้องประกอบไปด้วย "ความรัก"
ผู้หญิงก็มีหัวใจ อย่าเอาชีวิตเขามาเป็นตัวประกัน อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้หลายคนอาจบอกรับได้ เวลาผ่านไปจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรไม่มีใครตอบได้
อยากมีลูก ยิ่งต้องคิดถึงหัวใจของเขาครับ
ลูกจะเห็นคุณเป็นฮีโร่ของเขา เป็นพ่อของเขา เป็นสามีของแม่เขา แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งเขารู้ว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมทำใจไม่ได้ครับ ถ้าลูกที่เรารักมากๆ ต้องมาผิดหวังมากๆ เพราะตัวผม
ก็เลยคิดว่า ชาตินี้ไม่มีบุญพอจะเป็นพ่อคน
สำหรับคุณ จขกท. (ส่วนนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม กับความรู้สึกจากการอ่านข้อความของ จขกท. นะครับ) ผมว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมาก ถ้ามองถึงการมีชีวิตคู่ ช-ญ เปรียบเป็นของ คุณคือของมีตำหนิ (แต่ถ้ามองในแง่เกย์ ชีวิตคู่ ช-ช คุณไม่ใช่ของมีตำหนินะ) แล้วมาถามหาผู้หญิงที่ฐานะ การศึกษาทัดเทียมกัน (แค่นี้ก็เห็นแก่ตัวแล้ว) ให้มาอยู่กับคุณ แถมให้เขาต้องตั้งครรภ์มีลูก (นี่แค่มองในส่วนคนจะมาเป็นภรรยา)
และลูกล่ะ คุณคิดแค่ว่ามีศีกยภาพในการเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้การศึกษา แต่ถ้าคุณคิดจะมีนะ คิดถึงความรู้สึกเขาก่อนไหม คิดให้ครบทุกด้านหรือยัง อย่าคิดว่า ปิดได้ ไม่มีใครรู้หรอก แล้วถ้าเกิดรู้ขึ้นมาล่ะ (คนเป็นพ่อ-แม่ ที่ดี "ต้อง"คิดถึงลูกก่อนตัวเองเสมอ)
สรุป ไม่เห็นด้วยเลยครับ ไม่ว่ามองในมุมไหน ก็แค่ความคิดของคนเห็นแก่ตัว ต้องการสนองความต้องการของตัวเอง ก็เท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 13
ไปหาหนังเรื่อง Women in Love มาดูดิ หนังสร้างจากหนังสือที่ DH Lawrence แต่ง ในสมัยหนึ่งข้อสอบภาษาอังกฤษเด็ก ม.ต้นในประเทศอังกฤษ มักจะออกสอบนิยายของ DH Lawrence เค้าเป็นนักเขียนที่เข้าใจความสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ลึกซึ้งมากๆ
เนื้อเรื่องโดยย่อก็คือ ผู้ชาย 2 คนรักกันมากๆ 1 ในผู้ชาย 2 คนแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ผู้ชายอีกคนโสด ผู้ชายโสดต้องการปกปิดสถานภาพความเป็นเกย์ของตนเอง เค้าเลยแต่งงานกับผู้หญิง
งานนี้ผู้หญิง 2 คนรับเคราะห์ไปเต็มๆ เพราะสามีตัวเองต่างก็นอกใจไปมีอะไรกับสามีของกันและกัน
ตอนหนังออกมาใหม่ๆสดๆร้อนนักเรียนในโรงเรียนเราไปดูกันเยอะ (ตอนนั้นเราอยู่ในนคร Cambridge ในประเทศอังกฤษ) อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเราบอกให้นักเรียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้ นักเรียนคนหนึ่งวิจารณ์ขำๆว่าเค้าตั้งชื่อหนัง (และหนังสือ) มาว่า Women in Love ทำไมกันฟะ เห็นในเนื้อเรื่องมีแต่ผู้ชายกับผู้ชายรักกัน... มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผู้ชาย 2 คนซึ่งรักกันแก้ผ้าปล้ำกันด้วยดิ...555+++...
แต่หนังเรื่องนี้จบลงเศร้ามากๆนะ ผู้ชายที่แต่งงานกับผู้หญิงเพื่อปกปิดสถานภาพความเป็นเกย์ของตัวเอง เสียใจที่ภรรยาของตัวเองแสดงความเซ็งออกมาให้เห็น เพราะจับได้ว่าเค้าเป็นเกย์ ตัวผู้ชายก็เลยสติแตก ไปเดินลุยหิมะอยู่คนเดียว แล้วตายเพราะความหนาว
ฉากสุดท้ายผู้ชายที่เป็นคนรักเค้า นั่งอยู่กับภรรยาตัวเอง หน้าเตาผิงไฟ แล้วพึมพัมออกมา (ด้วยความอาลัยอาวรผู้ชายคนที่ตาย) ว่า
He should have loved me.
ผู้หญิงพอฟังสามีตัวเองรำพึงรำพันถึงผู้ชายอื่น ผู้หญิงก็เลยตีหน้าเครียดๆ งงๆ แล้วพูดว่า
Impossible!
เอ้า เราจะแปะฉากชายรักชาย 2 คน แก้ผ้าปล้ำกัน ให้ดู เผื่อ จขกท จะซาบซึ้งในความรักของชายกับชาย และจะเข้าใจได้ว่าผู้หญิงจะต้องรับเคราะห์กรรมเต็มๆไปมากแค่ไหน เพราะแค่ คุณ
1 อยากปกปิดสถานภาพเกย์ของคุณ
2 อยากมีลูก (จริงๆแล้วทำไมไม่รับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรม แทนที่จะไปทรมาณผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิต)
เนื้อเรื่องโดยย่อก็คือ ผู้ชาย 2 คนรักกันมากๆ 1 ในผู้ชาย 2 คนแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ผู้ชายอีกคนโสด ผู้ชายโสดต้องการปกปิดสถานภาพความเป็นเกย์ของตนเอง เค้าเลยแต่งงานกับผู้หญิง
งานนี้ผู้หญิง 2 คนรับเคราะห์ไปเต็มๆ เพราะสามีตัวเองต่างก็นอกใจไปมีอะไรกับสามีของกันและกัน
ตอนหนังออกมาใหม่ๆสดๆร้อนนักเรียนในโรงเรียนเราไปดูกันเยอะ (ตอนนั้นเราอยู่ในนคร Cambridge ในประเทศอังกฤษ) อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเราบอกให้นักเรียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้ นักเรียนคนหนึ่งวิจารณ์ขำๆว่าเค้าตั้งชื่อหนัง (และหนังสือ) มาว่า Women in Love ทำไมกันฟะ เห็นในเนื้อเรื่องมีแต่ผู้ชายกับผู้ชายรักกัน... มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผู้ชาย 2 คนซึ่งรักกันแก้ผ้าปล้ำกันด้วยดิ...555+++...
แต่หนังเรื่องนี้จบลงเศร้ามากๆนะ ผู้ชายที่แต่งงานกับผู้หญิงเพื่อปกปิดสถานภาพความเป็นเกย์ของตัวเอง เสียใจที่ภรรยาของตัวเองแสดงความเซ็งออกมาให้เห็น เพราะจับได้ว่าเค้าเป็นเกย์ ตัวผู้ชายก็เลยสติแตก ไปเดินลุยหิมะอยู่คนเดียว แล้วตายเพราะความหนาว
ฉากสุดท้ายผู้ชายที่เป็นคนรักเค้า นั่งอยู่กับภรรยาตัวเอง หน้าเตาผิงไฟ แล้วพึมพัมออกมา (ด้วยความอาลัยอาวรผู้ชายคนที่ตาย) ว่า
He should have loved me.
ผู้หญิงพอฟังสามีตัวเองรำพึงรำพันถึงผู้ชายอื่น ผู้หญิงก็เลยตีหน้าเครียดๆ งงๆ แล้วพูดว่า
Impossible!
เอ้า เราจะแปะฉากชายรักชาย 2 คน แก้ผ้าปล้ำกัน ให้ดู เผื่อ จขกท จะซาบซึ้งในความรักของชายกับชาย และจะเข้าใจได้ว่าผู้หญิงจะต้องรับเคราะห์กรรมเต็มๆไปมากแค่ไหน เพราะแค่ คุณ
1 อยากปกปิดสถานภาพเกย์ของคุณ
2 อยากมีลูก (จริงๆแล้วทำไมไม่รับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรม แทนที่จะไปทรมาณผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิต)
ความคิดเห็นที่ 15
เราเป็นเหมือนกันเลยค่ะ คือเราเป็น ไบร์ แต่จะออกไปทาง เลสมากกว่า ที่ผ่านมาจะชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ก็เคยมีแฟนเป็นผู้ชายนะคะ เคยมีความคิดว่า อยากแต่งงานกับใครสักคนที่เข้าใจเราแบบนี้ อยู่กันแบบเพื่อนที่สนิทกันที่สุด จะมีลูกด้วยกัน ไม่ว่าจะวิธีใดก็ได้ ขอเพียงแค่ต่างคนต่างทำหน้าที่รับผิดชอบความเป็นพ่อเป็นแม่ได้ดีที่สุดก็พอ ส่วนเรื่องรักกันมันไม่จำเป็นเท่าไร ขอเพียงแค่เข้าใจ ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น และให้เกียติเราก็พอแล้วค่ะ
เรื่องเพศมันจริงค่ะที่เราต้องการแค่คนที่รับและเข้าใจเราได้
แต่ในหน้าที่ลูก เราก็ไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวัง มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน พูดกันยาก และเราไม่สามารถทำให้คนทุกคนมาเข้าใจเราได้ขนาดนั้น
เข้าใจ จขกท นะคะ สู้ๆ ✌️✌️
เรื่องเพศมันจริงค่ะที่เราต้องการแค่คนที่รับและเข้าใจเราได้
แต่ในหน้าที่ลูก เราก็ไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวัง มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน พูดกันยาก และเราไม่สามารถทำให้คนทุกคนมาเข้าใจเราได้ขนาดนั้น
เข้าใจ จขกท นะคะ สู้ๆ ✌️✌️
แสดงความคิดเห็น
ผมเป็นเกย์ อยากหา ผญ ที่รับได้มาแต่งงานครับ