ย้อนไปเมื่อยังเรียนอยู่ชั้นประถม แม่พาไปกินโจ๊กร้านนึงอยู่แถวบ้าน มีเหตุให้ติดใจหลายอย่างกับโจีกร้านนี้คือ
1. มันเป็นโจ๊กสีดำ ต่างกับโจ๊กร้านอื่นที่เคยกิน มันทำให้ประสบการณ์ในวัยเด็กตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็นโจ๊กสีดำ
2. คุณป้าคนขายเหมือนแขก ในตอนเด็กๆ นี่เหมารวมแขกเหมือนกันหมดคือ แขกอินเดีย แขกมุสลิม แขกก็คือแขก แต่นี่ทำไมคุณป้าถึงขายโจ๊กหมู?
3. สามีคุณป้าเป็นคนจีน เป็นอาเฮียเลยล่ะ คอยช่วยเสิร์ฟโจ๊กโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ ซึ่งในตอนเด็กๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ที่อาเฮียมีแฟนเป็นคุณป้าใบหน้าเหมือนแขกอินเดีย
แต่พอโตมาก็เข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้นคือโจ๊กร้านนี้คือโจ๊กข้าวมันปู เมื่อสักยี่สิบกว่าปีที่แล้วนี่เป็นของแปลกใหม่มาก ไม่มีใครกินข้าวดำ แต่คุณป้าก็ขาย และขายดีด้วย เคยถามว่าทำไมถึงทำโจ๊กข้าวมันปู คุณป้าบอกว่าไม่สบาย หมอแนะนำให้กิน แล้วก็เลยลองขาย ปรากฎว่าคนติดใจ
เมื่อก่อนร้านคุณป้าอยู่ตรงข้ามกรมอู่ทหารเรือ ตอนเช้าๆ จะมีลูกค้าทั้งทหารเรือที่มาทำงาน ข้าราชการ และเด็กนักเรียนเต็มร้านไปหมด ฉันคิดว่าทุกคนติดใจในข้าวมันปูที่ไม่มีร้านอื่นต้มขาย ซึ่งคุณป้าบอกว่าต้มยาก และที่สำคัญคือหมูบะช่อที่อยู่ในโจ๊ก
หมูของป้าอร่อยมาก มันทั้งก้อนใหญ่ ทั้งหอมพริกไทย ทั้งรสชาติเค็มๆ ของซีอิ๊ว และหวานๆ ของเนื้อหมู ไม่เหมือนกับโจ๊กบางร้านที่ใช้หมูกหมักสำเร็จซึ่งรสชาติแปลกๆ และเด้งจนน่าสงสัย ตับหมูก็อร่อย คนชอบเครื่องในคงชอบเพราะตับหมูของป้าลวกแบบสุกพอดีๆ ไม่แข็ง
ตอนเด็กๆ ฉันกินเกือบทุกเช้า จนต่อมาป้าย้ายร้าน แต่ก็ไปไม่ไกลจากหน้ากรมอู่ทหารเรือ ฉันต่างหากที่ย้ายบ้านไปไกลจากร้านโจ๊กของป้า จนไม่ได้กินเกือบสิบปี เมื่อฉันกลับมาอีกทีตอนนี้ป้าอยู่คนเดียว คุณลุงที่เคยช่วยในร้านก็เสียชีวิตไปแล้ว ลูกๆ รบเร้าให้ป้าเลิกขายแต่ก็ไม่ยอม เพราะป้าอยากหาเงินและเลี้ยงตัวเองด้วยกำลังของตัวเอง และที่สำคัญยังได้เจอผู้คนเก่าๆ ที่เคยเป็นลูกค้ากันมา เช่นฉันที่ห่างหายรสชาติโจ๊กของป้าไปเสียนาน จนเมื่อเจอกันอีกครั้งป้ายังจำฉันได้ ป้าบอกลูกค้าในร้านอีกคนว่าฉันเป็นลูกค้าเก่า กินตั้งแต่เมื่อยังเป็นนักเรียนเรียนหนังสือชั้นประถม
ตอนนี้ทุกอย่างในร้านป้าทำคนเดียว ร่างกายแก่หง่อมไปตามกาลเวลา หลังเหมือนมีโครงเหล็กดามไว้ เดินช้าๆ เสิร์ฟไปตามโต๊ะลูกค้าที่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่ที่สำคัญคือรสชาติของโจ๊กข้าวมันปูยังไม่เคยเปลี่ยนไป หมูยังคงหอมพริกไทยเพราะป้ายังตำพริกไทยเอง ข้าวมันปูยังตื่นมาเคี่ยวเองทุกเช้ามืด ขิง ต้นหอม ผักกาดหอมยังคงซอยเองหั่นเองเหมือนเดิม มีแค่ร่างกายเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
อยากชวนคนที่ไม่เคยลองกินโจ๊กข้าวมันปูให้ไปลองดู แต่เมื่อไปแล้วก็ต้องใจเย็นๆ เพราะคุณป้าทำอยู่คนเดียว ร้านอาจรกไปบ้างจนไม่ถูกใจบางคนก็ขอให้ให้อภัยป้าเขาด้วย
ร้านตั้งอยู่ระหว่างกรมอู่ทหารเรือกับวัดระฆังโฆษิตาราม ริมถนนอรุณอัมรินทร์ อยู่ปากซอยอรุณอัมรินทร์ 25 เป็นตึกแถว 1 คูหา ไม่มีที่จอดรถ ร้านเปิดแต่เช้า สายๆ ก็ปิด ไม่ขายกลางคืน ใส่ไข่ 30 ไม่ใส่ 25 ใส่ถุงกลับบ้านหยิบเครื่องปรุงเอาเอง
จะหาว่าม้าก็ยอม เพราะกินแต่เด็ก กินแล้วอร่อย กินจนเหมือนไปกินกับข้าวที่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งทำให้กิน ก็อยากให้ลองกินกันดู
สวัสดี
[CR] ร้านของป้า "โจ๊กข้าวมันปู"
1. มันเป็นโจ๊กสีดำ ต่างกับโจ๊กร้านอื่นที่เคยกิน มันทำให้ประสบการณ์ในวัยเด็กตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็นโจ๊กสีดำ
2. คุณป้าคนขายเหมือนแขก ในตอนเด็กๆ นี่เหมารวมแขกเหมือนกันหมดคือ แขกอินเดีย แขกมุสลิม แขกก็คือแขก แต่นี่ทำไมคุณป้าถึงขายโจ๊กหมู?
3. สามีคุณป้าเป็นคนจีน เป็นอาเฮียเลยล่ะ คอยช่วยเสิร์ฟโจ๊กโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ ซึ่งในตอนเด็กๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ที่อาเฮียมีแฟนเป็นคุณป้าใบหน้าเหมือนแขกอินเดีย
แต่พอโตมาก็เข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้นคือโจ๊กร้านนี้คือโจ๊กข้าวมันปู เมื่อสักยี่สิบกว่าปีที่แล้วนี่เป็นของแปลกใหม่มาก ไม่มีใครกินข้าวดำ แต่คุณป้าก็ขาย และขายดีด้วย เคยถามว่าทำไมถึงทำโจ๊กข้าวมันปู คุณป้าบอกว่าไม่สบาย หมอแนะนำให้กิน แล้วก็เลยลองขาย ปรากฎว่าคนติดใจ
เมื่อก่อนร้านคุณป้าอยู่ตรงข้ามกรมอู่ทหารเรือ ตอนเช้าๆ จะมีลูกค้าทั้งทหารเรือที่มาทำงาน ข้าราชการ และเด็กนักเรียนเต็มร้านไปหมด ฉันคิดว่าทุกคนติดใจในข้าวมันปูที่ไม่มีร้านอื่นต้มขาย ซึ่งคุณป้าบอกว่าต้มยาก และที่สำคัญคือหมูบะช่อที่อยู่ในโจ๊ก
หมูของป้าอร่อยมาก มันทั้งก้อนใหญ่ ทั้งหอมพริกไทย ทั้งรสชาติเค็มๆ ของซีอิ๊ว และหวานๆ ของเนื้อหมู ไม่เหมือนกับโจ๊กบางร้านที่ใช้หมูกหมักสำเร็จซึ่งรสชาติแปลกๆ และเด้งจนน่าสงสัย ตับหมูก็อร่อย คนชอบเครื่องในคงชอบเพราะตับหมูของป้าลวกแบบสุกพอดีๆ ไม่แข็ง
ตอนเด็กๆ ฉันกินเกือบทุกเช้า จนต่อมาป้าย้ายร้าน แต่ก็ไปไม่ไกลจากหน้ากรมอู่ทหารเรือ ฉันต่างหากที่ย้ายบ้านไปไกลจากร้านโจ๊กของป้า จนไม่ได้กินเกือบสิบปี เมื่อฉันกลับมาอีกทีตอนนี้ป้าอยู่คนเดียว คุณลุงที่เคยช่วยในร้านก็เสียชีวิตไปแล้ว ลูกๆ รบเร้าให้ป้าเลิกขายแต่ก็ไม่ยอม เพราะป้าอยากหาเงินและเลี้ยงตัวเองด้วยกำลังของตัวเอง และที่สำคัญยังได้เจอผู้คนเก่าๆ ที่เคยเป็นลูกค้ากันมา เช่นฉันที่ห่างหายรสชาติโจ๊กของป้าไปเสียนาน จนเมื่อเจอกันอีกครั้งป้ายังจำฉันได้ ป้าบอกลูกค้าในร้านอีกคนว่าฉันเป็นลูกค้าเก่า กินตั้งแต่เมื่อยังเป็นนักเรียนเรียนหนังสือชั้นประถม
ตอนนี้ทุกอย่างในร้านป้าทำคนเดียว ร่างกายแก่หง่อมไปตามกาลเวลา หลังเหมือนมีโครงเหล็กดามไว้ เดินช้าๆ เสิร์ฟไปตามโต๊ะลูกค้าที่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่ที่สำคัญคือรสชาติของโจ๊กข้าวมันปูยังไม่เคยเปลี่ยนไป หมูยังคงหอมพริกไทยเพราะป้ายังตำพริกไทยเอง ข้าวมันปูยังตื่นมาเคี่ยวเองทุกเช้ามืด ขิง ต้นหอม ผักกาดหอมยังคงซอยเองหั่นเองเหมือนเดิม มีแค่ร่างกายเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
อยากชวนคนที่ไม่เคยลองกินโจ๊กข้าวมันปูให้ไปลองดู แต่เมื่อไปแล้วก็ต้องใจเย็นๆ เพราะคุณป้าทำอยู่คนเดียว ร้านอาจรกไปบ้างจนไม่ถูกใจบางคนก็ขอให้ให้อภัยป้าเขาด้วย
ร้านตั้งอยู่ระหว่างกรมอู่ทหารเรือกับวัดระฆังโฆษิตาราม ริมถนนอรุณอัมรินทร์ อยู่ปากซอยอรุณอัมรินทร์ 25 เป็นตึกแถว 1 คูหา ไม่มีที่จอดรถ ร้านเปิดแต่เช้า สายๆ ก็ปิด ไม่ขายกลางคืน ใส่ไข่ 30 ไม่ใส่ 25 ใส่ถุงกลับบ้านหยิบเครื่องปรุงเอาเอง
จะหาว่าม้าก็ยอม เพราะกินแต่เด็ก กินแล้วอร่อย กินจนเหมือนไปกินกับข้าวที่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งทำให้กิน ก็อยากให้ลองกินกันดู
สวัสดี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น