_____ ขอเกริ่นนำสักเล็กน้อยนะครับ พอดีกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมได้เขียนขึ้นมา เห็นช่วงนี้มีเรื่องสยองขวัญต่างๆนาๆฮอตกันเหลือเกินเลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองเคยไปพบไปเจอบ้างนะครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ ปล.อาจจะมีถ้อยคำไม่เหมาะสมไม่เหมาะกับคนโลกสวยจ้า โปรดขี่จักรยานในการรับชม เอ้ยวิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ พร้อมรับคำติเตียนครับ ขอบคุณครับ _____
เมื่อไม่นานมานี้ผมพ้นสภาพการเป็นนักศึกษามาหมาดๆ พ้นในที่นี้คือเรียนจบนะครับ ไม่ได้เกเรแต่อย่างใด ได้มีกลุ่มเพื่อน พี่ น้อง ในมหาวิทยาลัยที่ผมเคารพรักได้ชักชวนกันไปพักผ่อนยามปิดเทอมที่เกาะล้านด้วยกัน เดิมทีวาดแพลนไว้ไปไกลมากครับ กะจะไปใต้ ไปน้ำตกไกลๆ บลาๆ สุดท้ายก็ตามประสาวัยรุ่นละครับ มีเวลาแต่ไม่มีงบ 555555555555. ต้องบอกเลยว่าผมก็ลังเลที่จะไปเหมือนกัน เพราะ
1.งบค่าใช้จ่ายต้องมี
2.เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ *
(ผมมีความเชื่อว่า เรียนจบมาใหม่ๆ บวชใหม่ๆ เนื้อจะหอม ต่างจะมีสิ่งที่เรามองไม่เห็นมาขอส่วนบุญ ย้ำนะครับอันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
แต่ก็ตัดสินใจไปเพราะว่าอีกไม่นานผมก็ต้องหางานทำ ได้เจอเพื่อน พี่ น้อง น้อยลงเลยกะว่าครั้งนี้จะไปสนุกให้เต็มที่
ทุกๆอย่างค่อนข้างราบรื่นดีนะครับ เดินทางถึงที่พักไปถึงก็ไม่พักกันเลยก็ไปซนเที่ยวตรงนู้นตรงนี้ใช้รถให้คุ้ม * ( คือเช่ารถเพื่อขับเล่นภายในเกาะ ) ตกเย็นก็ไปเล่นน้ำกันที่หาดพอค่ำก็กลับมาพักกันที่บ้านพัก ทำอาหารกินกันด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน และแน่นอนว่าต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใครไม่ดื่มก็ไปนั่งเล่นกันบนบ้าน ที่นั่งข้างล่างเป็นของพวกขี้เมา ก็จะมีผม น้องๆอีก 3-4 คนที่ลุยกันอย่างดุเดือดแต่ไม่มีใครบอกว่าเมาเลยสักอย่าง เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าพอดื่มกันไปได้สักพัก มิกเซอร์ก็หมด ทั้งน้ำแข็ง ทั้งโซดา น้ำอัดลม ก็เลยขับรถออกไปซื้อของกับน้องชายอีกสองคน คือผมออกไปซื้อของด้วยกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกปกติ แต่ครั้งที่ 2 นี่สิครับ มันเกิดเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น หลังจากไปซื้อของที่ร้านชำเล็กๆแห่งนึงเสร็จ น้องผมคนนึงก็โพล่งขึ้นมาว่า "พี่ผมเมามากเลย ผมอยากไปขับรถเล่นรับลมให้ลมมันตีหน่อยจะได้สร่างๆ วนรถเล่นเป็นเลข 0 แบบเมื่อเย็นดีมั้ยพี่" ปกติไอ้เราก็เป็นคนไม่ค่อยขัดคอยิ่งกับเพื่อน พี่ น้อง ยิ่งไม่เคยขัดแต่ด้วยลางสังหรณ์ที่ทำให้ผมเสียวสันหลังขึ้นมาบางอย่างมันบอกให้ผมตอบปฏิเสธน้องไปแบบทันควันว่า "กูว่ากลับเถอะ กูว่าไม่เวิร์คว่ะ กลับเถอะกูเป็นห่วงพีชมัน" น้องผมก็บอกมาอีกว่า "หน่า เราไม่ได้มากันทุกวันนะนานๆมากันทีไปแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็กลับ" ผมก็เลยตามใจน้องและพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังขึ้นรถ และสตาร์ทรถออกไปวนรถกับน้อง ระหว่างทางก็มีการสนทนาไปเรื่อยๆ ฮัมเพลงบ้าง จนกระทั่งถึงร้านเหล้าร้านนึงในเกาะ ปกติแล้วทางเลี้ยวที่เราจะไปวนรถกันจะอยู่ห่างไม่เกิน 1 กม. แต่นี่ผมหาทางเลี้ยวเพื่อนวนรถไม่เจอ หาไม่เจอจริงๆครับไม่ได้แกล้งแต่อย่างใดก็เลยขับรถพลางๆไปเลยๆยิ่งขับยิ่งไปไกลจนกระทั่งออกนอกหมู่บ้าน ?? ผมเริ่มสงสัยทำไมยิ่งขับยิ่งไกลออกไป ทั้งๆที่ทางเลี้ยวที่ขับมาเมื่อเย็นมันควรจะเจอได้แล้ว ผมก็เริ่มใจคอไม่ดีกลัวว่ามันจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดผมขับรถมอไซค์ไปได้อีกสักพักผมเริ่มเปิดไฟสูงเพื่อกวาดทางเพราะนอกหมู่บ้านไม่มีเสาไฟฟ้าไม่มีแสงใดๆทั้งสิ้น นอกเสียจากไฟจากรถมอไซค์ของผมลองให้ท่านผู้อ่านคิดตามนะครับว่าต่อจากนี้ไปผมได้พบกับอะไรสองข้างทางนี่มีแต่ลมโชยจากลมทะเลและก็มีป่า มีเพียงถนนและรถมอไซค์ 2 คนของผมกับน้องผม ผมได้พบกับร่าง 2 ร่างยืนอยู่ห่างจากสายตาเพียงประมาณ 200 เมตร ไฟรถของผมสาดไปถึงแค่ช่วงล่างของลำตัวแต่ยังไม่ได้สาดถึงที่หน้าและเหมือนอีกฝ่ายเขาก็รู้ถึงการมาของผมเขาหันกลับมาตัวค่อนข้างสูงมากเผลอๆเกิน 2 เมตรด้วยซ้ำและแน่นอนว่าผมดื่มไปไม่มากและสายตาผมก็ไม่ได้สั้นผมเห็นแสงที่ตาของเขาสะท้อนกลับมายังผมเป็นสีเพชร ย้ำนะครับสีเพชร ผมขนลุกซู่พร้อมกับหันไปบอกกับน้องของผมว่า "เอ็มกลับรถ ..." น้องผมก็ถาม "เป็นไรพี่ ยังไม่สร่างเลยขับต่อๆ" ผมก็เลยย้ำไปอีกที "กูบอกให้กลับรถ ไม่กลับกูกลับ" หลังจากนั้นผมรีบกลับรถโดยเทรถอย่างไว ในขณะที่ผมมีน้องผู้ชายอีกคนนึงซ้อนมาด้วยซึ่งหนักเป็น 100 กิโล ได้อย่างไว ผมไม่รู้มาว่าที่ผมไปเจอนั้นคืออะไร...
หลังจากที่ออกมาจากจุดนั้นผมรีบขับรถกลับมาน้องผู้ชายที่ซ้อนมาด้วยพูดกับผมหลายคำมาก แต่ผมไม่ได้รับฟังแต่อย่างใด ใจผมจดจ่อไปที่บ้านพักคือ กูต้องกลับไปกูต้องออกจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายกับตัวกูเองหรือน้องของกู ผมคิดเพียงเท่านี้จริงๆ ระหว่างขากลับถึงทางเข้าหมู่บ้านใจผมเริ่มชื้นเริ่มใจเย็นลงบรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติและที่น่าตกใจคือ ทางเลี้ยว ?! ที่ผมพยายามหาตั้งนานและเลยไปตั้งหลายกม. เพื่อหามันกลับอยู่แค่ตรงซอยข้างๆร้านเหล้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?! จนกลับมาบ้านพักผมพยายามมาหาเหตุผลกับน้องๆที่อยู่ที่บ้าน โดยทั้งหมดอยู่ในอาการเมาแต่พอผมเล่าสิ่งที่ผมได้ไปพบมาทั้งหมดกลับตาสว่างและช่วยกันคิดหาเหตุผลว่าสิ่งที่ผมเห็นคืออะไรกันแน่ ...
หากเป็นคนจริงๆทำไมเขาถึงต้องไปอยู่ในที่มืดๆที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟสักดวงซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านหลายกม.?
หากเป็นคนจริงๆทำไมตาเขาถึงมีสีแบบนั้นแต่ผมไม่เห็นส่วนใบหน้า จมูก ปาก ของเขา?
หากเป็นคนจริงๆุตอนผมสาดไฟรถไปทำไมถึงไม่ยกแขนมาป้องตา เพราะปกติตาถ้ากระทบกับแสงมากๆจะเกิดการพร่าและแสบตาเป็นลำดับ?
เหตุการณ์นี้เกิดมาได้ร่วมสัปดาห์ ซึ่งผมไปมาเมื่อไม่นานนี้ไม่ได้ตั้งใจจะดิสเครดิตสถานที่ท่องเที่ยวแต่อย่างใด
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน หากมีข้อผิดพลาดประการใดเชิญแสดงความคิดเห็นติเตียนได้เลยครับ
#ขอบคุณครับ.
#Overx
เจอดีที่เกาะล้าน.
เมื่อไม่นานมานี้ผมพ้นสภาพการเป็นนักศึกษามาหมาดๆ พ้นในที่นี้คือเรียนจบนะครับ ไม่ได้เกเรแต่อย่างใด ได้มีกลุ่มเพื่อน พี่ น้อง ในมหาวิทยาลัยที่ผมเคารพรักได้ชักชวนกันไปพักผ่อนยามปิดเทอมที่เกาะล้านด้วยกัน เดิมทีวาดแพลนไว้ไปไกลมากครับ กะจะไปใต้ ไปน้ำตกไกลๆ บลาๆ สุดท้ายก็ตามประสาวัยรุ่นละครับ มีเวลาแต่ไม่มีงบ 555555555555. ต้องบอกเลยว่าผมก็ลังเลที่จะไปเหมือนกัน เพราะ
1.งบค่าใช้จ่ายต้องมี
2.เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ *
(ผมมีความเชื่อว่า เรียนจบมาใหม่ๆ บวชใหม่ๆ เนื้อจะหอม ต่างจะมีสิ่งที่เรามองไม่เห็นมาขอส่วนบุญ ย้ำนะครับอันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
แต่ก็ตัดสินใจไปเพราะว่าอีกไม่นานผมก็ต้องหางานทำ ได้เจอเพื่อน พี่ น้อง น้อยลงเลยกะว่าครั้งนี้จะไปสนุกให้เต็มที่
ทุกๆอย่างค่อนข้างราบรื่นดีนะครับ เดินทางถึงที่พักไปถึงก็ไม่พักกันเลยก็ไปซนเที่ยวตรงนู้นตรงนี้ใช้รถให้คุ้ม * ( คือเช่ารถเพื่อขับเล่นภายในเกาะ ) ตกเย็นก็ไปเล่นน้ำกันที่หาดพอค่ำก็กลับมาพักกันที่บ้านพัก ทำอาหารกินกันด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน และแน่นอนว่าต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใครไม่ดื่มก็ไปนั่งเล่นกันบนบ้าน ที่นั่งข้างล่างเป็นของพวกขี้เมา ก็จะมีผม น้องๆอีก 3-4 คนที่ลุยกันอย่างดุเดือดแต่ไม่มีใครบอกว่าเมาเลยสักอย่าง เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าพอดื่มกันไปได้สักพัก มิกเซอร์ก็หมด ทั้งน้ำแข็ง ทั้งโซดา น้ำอัดลม ก็เลยขับรถออกไปซื้อของกับน้องชายอีกสองคน คือผมออกไปซื้อของด้วยกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกปกติ แต่ครั้งที่ 2 นี่สิครับ มันเกิดเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น หลังจากไปซื้อของที่ร้านชำเล็กๆแห่งนึงเสร็จ น้องผมคนนึงก็โพล่งขึ้นมาว่า "พี่ผมเมามากเลย ผมอยากไปขับรถเล่นรับลมให้ลมมันตีหน่อยจะได้สร่างๆ วนรถเล่นเป็นเลข 0 แบบเมื่อเย็นดีมั้ยพี่" ปกติไอ้เราก็เป็นคนไม่ค่อยขัดคอยิ่งกับเพื่อน พี่ น้อง ยิ่งไม่เคยขัดแต่ด้วยลางสังหรณ์ที่ทำให้ผมเสียวสันหลังขึ้นมาบางอย่างมันบอกให้ผมตอบปฏิเสธน้องไปแบบทันควันว่า "กูว่ากลับเถอะ กูว่าไม่เวิร์คว่ะ กลับเถอะกูเป็นห่วงพีชมัน" น้องผมก็บอกมาอีกว่า "หน่า เราไม่ได้มากันทุกวันนะนานๆมากันทีไปแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็กลับ" ผมก็เลยตามใจน้องและพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังขึ้นรถ และสตาร์ทรถออกไปวนรถกับน้อง ระหว่างทางก็มีการสนทนาไปเรื่อยๆ ฮัมเพลงบ้าง จนกระทั่งถึงร้านเหล้าร้านนึงในเกาะ ปกติแล้วทางเลี้ยวที่เราจะไปวนรถกันจะอยู่ห่างไม่เกิน 1 กม. แต่นี่ผมหาทางเลี้ยวเพื่อนวนรถไม่เจอ หาไม่เจอจริงๆครับไม่ได้แกล้งแต่อย่างใดก็เลยขับรถพลางๆไปเลยๆยิ่งขับยิ่งไปไกลจนกระทั่งออกนอกหมู่บ้าน ?? ผมเริ่มสงสัยทำไมยิ่งขับยิ่งไกลออกไป ทั้งๆที่ทางเลี้ยวที่ขับมาเมื่อเย็นมันควรจะเจอได้แล้ว ผมก็เริ่มใจคอไม่ดีกลัวว่ามันจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดผมขับรถมอไซค์ไปได้อีกสักพักผมเริ่มเปิดไฟสูงเพื่อกวาดทางเพราะนอกหมู่บ้านไม่มีเสาไฟฟ้าไม่มีแสงใดๆทั้งสิ้น นอกเสียจากไฟจากรถมอไซค์ของผมลองให้ท่านผู้อ่านคิดตามนะครับว่าต่อจากนี้ไปผมได้พบกับอะไรสองข้างทางนี่มีแต่ลมโชยจากลมทะเลและก็มีป่า มีเพียงถนนและรถมอไซค์ 2 คนของผมกับน้องผม ผมได้พบกับร่าง 2 ร่างยืนอยู่ห่างจากสายตาเพียงประมาณ 200 เมตร ไฟรถของผมสาดไปถึงแค่ช่วงล่างของลำตัวแต่ยังไม่ได้สาดถึงที่หน้าและเหมือนอีกฝ่ายเขาก็รู้ถึงการมาของผมเขาหันกลับมาตัวค่อนข้างสูงมากเผลอๆเกิน 2 เมตรด้วยซ้ำและแน่นอนว่าผมดื่มไปไม่มากและสายตาผมก็ไม่ได้สั้นผมเห็นแสงที่ตาของเขาสะท้อนกลับมายังผมเป็นสีเพชร ย้ำนะครับสีเพชร ผมขนลุกซู่พร้อมกับหันไปบอกกับน้องของผมว่า "เอ็มกลับรถ ..." น้องผมก็ถาม "เป็นไรพี่ ยังไม่สร่างเลยขับต่อๆ" ผมก็เลยย้ำไปอีกที "กูบอกให้กลับรถ ไม่กลับกูกลับ" หลังจากนั้นผมรีบกลับรถโดยเทรถอย่างไว ในขณะที่ผมมีน้องผู้ชายอีกคนนึงซ้อนมาด้วยซึ่งหนักเป็น 100 กิโล ได้อย่างไว ผมไม่รู้มาว่าที่ผมไปเจอนั้นคืออะไร...
หลังจากที่ออกมาจากจุดนั้นผมรีบขับรถกลับมาน้องผู้ชายที่ซ้อนมาด้วยพูดกับผมหลายคำมาก แต่ผมไม่ได้รับฟังแต่อย่างใด ใจผมจดจ่อไปที่บ้านพักคือ กูต้องกลับไปกูต้องออกจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายกับตัวกูเองหรือน้องของกู ผมคิดเพียงเท่านี้จริงๆ ระหว่างขากลับถึงทางเข้าหมู่บ้านใจผมเริ่มชื้นเริ่มใจเย็นลงบรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติและที่น่าตกใจคือ ทางเลี้ยว ?! ที่ผมพยายามหาตั้งนานและเลยไปตั้งหลายกม. เพื่อหามันกลับอยู่แค่ตรงซอยข้างๆร้านเหล้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?! จนกลับมาบ้านพักผมพยายามมาหาเหตุผลกับน้องๆที่อยู่ที่บ้าน โดยทั้งหมดอยู่ในอาการเมาแต่พอผมเล่าสิ่งที่ผมได้ไปพบมาทั้งหมดกลับตาสว่างและช่วยกันคิดหาเหตุผลว่าสิ่งที่ผมเห็นคืออะไรกันแน่ ...
หากเป็นคนจริงๆทำไมเขาถึงต้องไปอยู่ในที่มืดๆที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟสักดวงซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านหลายกม.?
หากเป็นคนจริงๆทำไมตาเขาถึงมีสีแบบนั้นแต่ผมไม่เห็นส่วนใบหน้า จมูก ปาก ของเขา?
หากเป็นคนจริงๆุตอนผมสาดไฟรถไปทำไมถึงไม่ยกแขนมาป้องตา เพราะปกติตาถ้ากระทบกับแสงมากๆจะเกิดการพร่าและแสบตาเป็นลำดับ?
เหตุการณ์นี้เกิดมาได้ร่วมสัปดาห์ ซึ่งผมไปมาเมื่อไม่นานนี้ไม่ได้ตั้งใจจะดิสเครดิตสถานที่ท่องเที่ยวแต่อย่างใด
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน หากมีข้อผิดพลาดประการใดเชิญแสดงความคิดเห็นติเตียนได้เลยครับ
#ขอบคุณครับ.
#Overx