ข้าบดินทร์ จากนิยาย สู่ละครHD

ละครย้อนยุคทุนสูง ที่ตั้งตาคอย บทประพันธ์โดยคนรุ่นใหม่ ในยุคhd ที่cg เข้าถึงง่าย
จึงสร้างภาพสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อนได้สมจริง ใกล้เคียงบทประพันธ์ ตามงบประมาณที่จำกัด

เริ่มเรื่อง ณ เมืองปากน้ำ เขตแดนสามสมุทร (ปราการ สงคราม และสาคร)
ถิ่นนี้มีคนมอญ มาตั้งถิ่นฐาน มีคนกล่าวไว้ว่า ชาวหงสามีความเป็นศิลปินโดยสายเลือด
ร้อง รำ ร่าย กาพย์ โคลง กลอน ฉันท์ ไม่เป็นสองรองใคร (เช่น ครูเอื้อ สุนทรสนาน)
กระทาชายชาวรามัญนั้น เป็นนักรักตัวยง เกี้ยวสาวได้สุขุมคัมภีรภาพ ไม่แพ้บุรุษชาวไทย
ส่วนเหล่าตะละแม่นั้นเล่าก็มี ผิวพม่า นัยน์ตาแขก คือ ผิวนวลผ่อง นัยน์ตาคมเข้ม ชวนให้เมียนมอง

แรกเรื่องเข้าสู่คิมหันตฤดู ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศปลอดโปร่ง
ศึกว่าวปักเบ้าแลว่าวจุฬา เป็นการละเล่นที่ขาดเสียมิได้ ในการณ์นี้
นิยมทั้งเด็กแลผู้ใหญ่ บ้างก็พนันขันต่อ ยังปรากฏให้เห็น ณ สนามหลวงในปัจจุบัน

พระเอก พ่อเป็นพระยาเชื้อสายจีน ทำงานฝ่ายบัญชี อันสืบมาแต่สมัยพ่ออยู่หัว ราชวงศ์ก่อน
ช่วยรบกู้กรุงมาตั้งเป็น กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร การคลังในสมัยนั้นจึงยังมีคนเชื้อสายจีนดูแลอยู่

นางเอก พ่อเป็นขุน เกิดในสกุลชาวนาฏศิลป์ เชี่ยวชาญการร้องรำ ทั้งงานหลวงงานราษฎร์มีคนมาจ้างมิได้ขาด
ถ้าสีนัยน์ตาเข้ม ก็แลดูเป็นสาวไทย ด้วยมีเชื้อจากปู่ ทวด เทียด ซึ่งมาเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์ลงมา
จึงมีสีนัยน์ตา ผิวพรรณต่างจากพี่สาวทั้งสอง

เสียงบรรยาย ได้มือดีมาบรรยาย ช่วยขยายความได้กระชับกับเวลา และเข้าใจได้ง่ายในเรื่องราว
ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่พระเอกดำเนินชีวิตอยู่ จนมาเจอบุคคลต่างๆ
โดยมีคำบรรยายชื่อตัวละครเพื่อจะได้จดจำได้ง่าย หากพระเอกออกรบเมื่อใด ควรมีแผนที่ประกอบ
การเดินทัพเพื่อเข้าใจง่ายในการรับชม

บท
ได้มือฉมังที่เชื่อมือได้จากขุนศึก แต่บทเจรจาจะใช้คำพูดที่ร่วมสมัยจาก ร.๕ ลงมาบ้าง เช่น
ชังน้ำหน้า มาจาก ชังน้ำมะหน้า
ขอบใจ มาจาก ขอบน้ำใจ
มีการลดรูปกร่อนเสียงของคำลง

ฉัน เป็น ชั้น ในบางครั้งเนื่องจากสำเนียงพูดเริ่มเป็นสำเนียงกรุงเทพบ้างแล้ว

มีพูดผิดบ้าง เช่น โค้งน้ำ ที่ถูกคือ คุ้งน้ำ

สรรพนามแทนตัว ซึ่งมีหลายคำปรากฏอยู่มาก ขอยกมาอธิบายดังนี้

ดีฉัน     ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศหญิง เป็นคําสุภาพ, ดิฉัน ก็ว่า,
ตามแบบผู้ชาย ใช้ว่า ดีฉัน
ผู้หญิงใช้ว่า อีฉัน ,เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

ดีฉาน (โบราณ) ส. ดิฉัน, ดีฉัน, เป็นคําที่เจ้านายผู้ชายมักใช้กับพระสงฆ์ผู้ทรง สมณศักดิ์, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

เกล้ากระผม ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย พูดกับผู้ใหญ่ด้วยความเคารพมาก หรือกับพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์,
พูดสั้นๆ ว่า เกล้า หรือเขียนย่อว่า เกล้าฯ, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.(คำนี้ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน)

เกล้ากระหม่อม    ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลพระอนุวงศ์ ชั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอที่มิได้ทรงกรม,
พระวรวงศ์เธอที่ทรงกรม และสมเด็จพระสังฆราช,
ถ้าผู้พูดเป็นเพศหญิงใช้ว่า เกล้ากระหม่อมฉัน, เขียนย่อว่า เกล้าฯ, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

แก ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วยซึ่งเป็นผู้ที่สนิทสนม หรือผู้น้อย, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒
ในภาษาปาก แก เป็นคําใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓.

กระผม ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย พูดกับผู้ใหญ่, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

กระหม่อม    น. ส่วนของกะโหลกอยู่ตรงแนวศีรษะแต่ต่ำกว่าส่วนสูงสุด ลงมาใกล้หน้าผาก
ในเด็กแรกเกิดจนถึง ๒ ขวบส่วนนี้จะมี เนื้อเยื่ออ่อนปิดรอยประสานกะโหลกที่ยังเปิดอยู่
หลังจากนั้น เนื้อเยื่ออ่อนนี้จะกลายเป็นกระดูก, โดยปริยายหมายรวมๆว่า หัว เช่น

เป่ากระหม่อม ลงกระหม่อม, ขม่อม ก็ว่า; คําสําหรับใช้ควบ กับคําที่ขึ้นต้นว่า 'เกล้า' เช่น

ทราบเกล้าทราบกระหม่อม ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ในการเขียนหนังสือใช้ไปยาลน้อยแทน เช่น ทราบเกล้าฯ ทูลเกล้าฯ.
ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า และพระวรวงศ์เธอที่มิได้ทรงกรม, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑. (ราชา)
ว. คำรับหรือคำลงท้ายที่ผู้ชาย ใช้เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า. (ย่อมาจาก ขอรับกระหม่อม). (แผลงมาจาก ขม่อม).


ชื่อชาวต่างชาติ ใช้คำตามที่คนไทยนิยมเรียกในสมัยนั้น เช่น

วิลาศ  คือ อังกฤษ  เหล็กวิลาศ  ผ้าวิลาศ  เจ้าแผ่นดินเมืองวิลาศ

พุทธเกตุ คือ โปรตุเกส

ฮอลันดา คือ เนเธอร์แลนด์

เอสปันยอ คือ สเปน

นอกจากนี้ ยังมีคนอินเดียอาศัยที่เมืองปากน้ำเป็นจำนวนมาก

การเดินเรื่องกำลังดี ไม่ยืดไป เก็บความในแต่ละฉากได้ดี พระเอกหัวไวเรียนเร็ว รู้ภาษาวิลาสแบบไม่ต้องสอบวัดผล
ทำให้ผู้ร้ายหน้าแตก จนต้องไปเอาคืนภายหลัง

นักแสดงท่านอื่นๆ เลือกได้เหมาะสม ฝีมือหายห่วง ขรัวปู่ลงอาคมตั้งแต่กระหม่อมลงมา ตามแบบสมัยอยุธยา
ห่มจีวรเฉียง ซึ่งยังไม่ห่มเป็นลูกบวบ หรือห่มแหวก ตามอย่างพระรามัญนิกาย

คิวบู๊
ไม่บ้าพลังจนเกินงาม ดูง่าย ภาพไม่สั่นไหว แต่ยังแยกกระบวนท่าดาบอาทมาฎไม่ออก ซึ่งต้องมีการตัดข้อตัดเอ็น
เช่นเดียวกับเพลงกริช ชวา ,คาต้าร์ อินเดีย ,ดาบคู่ จีน ถ้าใช้ยางพ่นสีแทนดาบไม้ คงไม่เกร็งมากเวลาเข้าฉาก
ขนาดดาบคู่ ยาวกว่าของจริง อาจดูเก้งก้างไปบ้าง และปลายดาบมีแบบเดียว ทำให้ดาบคู่ไม่คล่องแคล่วนัก


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ท่าไม้รำดาบอาทมาฏ  จากภาพยนตร์ ขุนรองปลัดชู ๒๕๕๔

เพลงดาบอาทมาฏ เป็นวิชาสังหาร แต่ละท่าเพลง ล้วนถึงตายได้ทั้งสิ้น
ไม่ควรใช้โดยพลการ มีกฏสำหรับผู้ฝึกดาบ เป็นบทอาขยานความว่า

มีเรื่องต้องหนี หนีไม่ได้ให้สู้ สู้ได้อย่าให้เจ็บ เจ็บได้อย่าให้ตาย


ลักษณะของดาบแบบอาทมาฏ จะเป็นดาบสองมือ (ดาบคู่)
ที่สั้นและมีน้ำหนักเบา มีความคล่องแคล่ว มีด้ามที่ยาวกว่าดาบปกติ เพื่อป้องกันข้อแขนและเส้นเอ็นของผู้ใช้
อีกทั้งสามารถใช้ผลักหรือดันคู่ต่อสู้ให้เสียหลักได้ รวมถึงใช้กระแทกกระทุ้งด้วย
และด้านคมที่ต่อจากด้าม จะเป็นสันที่หนาและยาวใช้สำหรับรับ โดยไม่ใช้ส่วนคมดาบเพราะจะทำให้ดาบบิ่นชำรุดได้ง่าย
ดาบอาทมาฎใช้ควงรอบตัว โดยการควงเป็นทั้งรุก และรับ

ตำแหน่งการควงรอบตัวต้องครอบคลุม บน กลาง ล่าง


เวลาควงดาบลงด้านล่าง(ป้องกันช่วงขา) จะต้องอยู่ในท่าย่อลงแบบย่างสามขุม
ดังนั้นช่วงบนของลำตัวจึงอยู่ต่ำลงไปด้วย ส่วนสูงของนักดาบเป็นตัวกำหนด
ความยาว-สั้นของใบดาบ และด้ามดาบที่ต้องยาวคลุมข้อศอก

เมื่อยืนในท่าย่อเข่า เเล้วควงดาบลงด้านล่าง(ตามท่าทางของเพลงดาบ)
ต้องไม่ให้ปลายดาบเขี่ยถูกพื้นดินเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้จังหวะการควงดาบติดขัด
เปิดช่องว่างให้ถูกโจมตีได้

หัวใจของดาบอาทมาฏ เป็นบทอาขยานความว่า
    
เขาฟันเราไม่รับ เขารับเราไม่ฟัน  เราจะฟันต่อเมื่อเขาไม่รับ  เราจะรับต่อเมื่อหลบหลีกไม่ทัน
ท่ารับคือท่ารุก ท่ารุกคือท่ารับ รุกและรับในท่าเดียวกัน


หากเขาฟันมา ไยเราต้องรับ เพียงหลบหลีก ล่อหลอก แลหาจุดอ่อน

เพลงดาบเน้นการทะลวงฟัน สามารถวิ่งรุกไล่นำทัพเข้าตีทัพศัตรูจนแตกพ่ายได้ แต่ผู้ใช้ต้องเปี่ยมด้วยทักษะ
และมีเครื่องป้องกัน เพื่อให้การโจมตี อยู่ในจังหวะที่ได้เปรียบตลอดเวลา เน้นรุกไม่เน้นรับ เน้นเบี่ยงไม่เน้นยัน

ฉากรบพุ่งแถบล้านช้าง ทำได้ดี ให้เกียรติแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม สัประยุทธ์สมศักดิ์ศรี ในยุคaec
หากถ่ายด้วยเฟรมเรทสูงกว่า 60-300 เฟรมต่อวินาที โดยแสดงช้าๆ แล้วมาเร่งภาพตอนตัดต่อ จะทำให้คิวบู๊
ไหลลื่นและปลอดภัย คนดูก็สนุกเร้าใจ แสดงท่าดาบที่ดูยากให้ดูง่ายขึ้น ว่าต่างกระบวนท่าและสำนัก

เครื่องแต่งกาย
แสดงชนชั้นทางสังคมได้ชัดเจน แต่ที่ปากน้ำคงไม่ร้อน จึงใส่เสื้อกันโดยส่วนใหญ่
นิยมนุ่งโสร่ง มากกว่าโจงกระเบน สบายไม่อับชื้น
ปากน้ำ มีความปลอดภัยสูง ใส่ทองหยองเดินตลาด ไม่ต้องกลัววิ่งราว

บันทึกเสียง
มีเสียงรบกวนมาบ้าง แต่ไม่กลบเสียงหลักจนเกินไป ฉากชายหาดเก็บเสียงพูดดี
ไม่มีเสียงคลื่นลม แทรกจนฟังไม่ได้ศัพท์

ถ่ายภาพ
ใช้กล้องหลายตัวในการถ่าย ทำให้มีขอบม่วงในบางฉาก แต่ฉากที่เน้นใช้ซ้ำบ่อยๆ
ถ่ายได้ดี กล้องเลนส์ มีคุณภาพ ทำภาพช้าได้นุ่มนวล จากกล้องไฮสปีดเฟรม
(กระทิงใช้ ถ่ายหลายฉาก และได้ภาพสวยงาม)จัดแสงได้ดี
ฉากเปิดเรื่องเป็นกึ่งลองเทค โดยเริ่มถ่ายต่อตอนที่เห็นเสื้อดำเต็มจอแล้วยกกล้องขึ้น
มองเป็นภาพจากมุมสูง ตัดต่อได้ลื่นไหล ดูราวถ่ายเทคเดียว

กำกับศิลป์
พาหนะ ในเรื่องมีหลากหลาย เรือแจวสองฝีพายมีประทุน นั่งเกี้ยวขนาดใหญ่
เครื่องเรือนตกแต่ง มีรายละเอียดไม่ปล่อยโล่ง ดูเป็นที่อยู่อาศัย
มีการใช้ใบตองรองนอน ตอนพระเอกต้องวายหลังลาย ซึ่งดีต่อแผลเพราะใบตองมีฤทธิ์เย็น

ดนตรีประกอบ
แบบร่วมสมัย เข้ากับเรื่องที่เปิดโลกให้ต่างชาติมาติดต่อค้าขาย เพลงร้องไพเราะ
แสดงความรักที่พระเอก มีต่อนางเอกได้ดี ระดับเสียงประกอบไม่ดังเกินไปมากนัก

กำกับการแสดง
เน้นอารมณ์ คำพูด ได้ดี ไม่น้อยไปมากไป บางบทเจรจาอธิบายความใน คล้ายละครเวที
การไหว้ในเรื่องเน้นได้ดี ไหว้นิ้วไม่แตก และดูต่างกิริยา ในแต่ละตัวละคร

พระเอกตั้งใจ รับส่งอารมณ์ในฉากได้ดี บู๊ได้ไม่อ่อนซ้อม ตาตี่แต่บอกอารมณ์ได้
ต้องดูฉากเข้าพระเข้านางว่า จะแก้ยังไง ในเรื่องนางเอกอ่อนกว่าพระเอกเกินห้าปี

นางเอก แสดงดี ทะลึ่งทะเล้นไม่ล้นเกินกว่า ตอนเป็นเด็กนัก แต่แววตายังแก่นแบบเจ๊บ้าง
ต้องดูฉากที่ไปดูแลพระเอกตกยากก่อน ว่าจะเป็นเช่นไร

แม่บัว ดูดีต่างจากเอวาชัดเจน กิริยาดูร้ายลึก ถ้าไม่ทราบเรื่องมาก่อนไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนั้น
ดูแล้วนึกถึงศรีเมือง ที่ไม่ได้มาร่วมแสดงด้วย

ขอขอบคุณผู้จัด และคณะ ช่อง3 ที่ผลิตละครทุนสูง เรื่องนี้ได้ดีอย่างที่หวัง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสนุก ได้อรรถรสในตอนต่อๆไป

ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ


อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่