หน่วยงานความมั่นคงเปิดหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีนายทหารสัญญาบัตรที่ถูกศาลออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา
หลักฐานของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสรุปจากเอกสารการโอนเงินจากขบวนการค้ามนุษย์ เข้าบัญชีธนาคารของ พลโทมนัส คงแป้น อดีตผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง ผู้ถูกศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับในคดีร่วมกันค้ามนุษย์ พบว่ามีการโอนเงินยอดต่างๆ กันร่วมร้อยครั้งในห้วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนปลายปี 2555 เข้าบัญชีผู้ต้องหา แบ่งเป็น
1,708,000 บาท 1 ครั้ง
1,500,000 บาท 1 ครั้ง
1,000,000 บาท 3 ครั้ง
670,000 บาท 1 ครั้ง
100,000 บาท 62 ครั้ง
98,120 บาท 1 ครั้ง
80,000 บาท 1 ครั้ง
77,000 บาท 1 ครั้ง
47,000 บาท 1 ครั้ง
38,000 บาท 1 ครั้ง
รวมทั้งสิ้น 14,138,120 บาท
หลักฐานการโอนเงินทั้งหมดถูกสรุปส่งถึงรัฐบาล และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายทหารระดับสูง กระทั่งได้ไฟเขียวให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด รวมทั้งให้สอบสวนเอาผิดทางวินัยด้วย ซึ่งล่าสุด พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งพักราชการพลตรีมนัสแล้ว
ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงยังระบุว่า ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญาปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2555 แต่เจ้าหน้าที่บางหน่วยประเมินว่าไทยเป็นเพียงทางผ่านของชาวโรฮิงญา เพราะเรือที่ชาวโรฮิงญารวมเงินซื้อหรือเช่าเพื่อเดินทางมา โดยมากมักมีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเดินทางถึงทะเลอันดามันในน่านน้ำของไทยเท่านั้น หลังจากนั้นชาวโรฮิงญาจะพยายามหลบหนีขึ้นบกทางด้านจังหวัดระนอง แล้วเดินทางทางบกต่อไปยังมาเลเซีย
ในช่วงนั้น หน่วยงานบางหน่วยจึงใช้วิธีจัดงบประมาณเพื่อดำเนินการในทางลับ ขนชาวโรฮิงญาออกจากราชอาณาจักร เพื่อแก้ปัญหาการพักพิงในประเทศไทย เนื่องจากเมื่อถูกจับกุมในฐานะลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะไม่สามารถส่งกลับประเทศต้นทางได้ เนื่องจากเมียนมาร์และบังคลาเทศไม่ยอมรับคนเหล่านี้เป็นพลเมือง ซ้ำจะยังถูกนานาชาติกดดันให้ตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาในประเทศไทยด้วย
จากการดำเนินนโยบายและใช้งบลับดังกล่าว กลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐบางราย จับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นและฝ่ายปกครอง รวมทั้งตำรวจ ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการวางโครงข่ายขบวนการนำพาชาวโรฮิงญาส่งให้ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแลกกับผลประโยชน์ แต่กระบวนการกลับใช้งบประมาณและพาหนะของหน่วยงานรัฐ
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เครือข่ายค้ามนุษย์โรฮิงญา เป็นเครือข่ายใหญ่ มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีผลประโยชน์มหาศาล!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เอกสารสรุปยอดการโอนเงินจากเครือข่ายค้ามนุษย์เข้าบัญชี พลโทมนัส คงแป้น
http://www.isranews.org/south-news/scoop/item/38978-account.html#.VW1LZDZpAzA.facebook
หน่วยงานความมั่นคงเปิดหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีนายทหาร...ที่ถูกศาลออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา (เอ็มม่า ค่ะ)
หลักฐานของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสรุปจากเอกสารการโอนเงินจากขบวนการค้ามนุษย์ เข้าบัญชีธนาคารของ พลโทมนัส คงแป้น อดีตผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง ผู้ถูกศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับในคดีร่วมกันค้ามนุษย์ พบว่ามีการโอนเงินยอดต่างๆ กันร่วมร้อยครั้งในห้วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนปลายปี 2555 เข้าบัญชีผู้ต้องหา แบ่งเป็น
1,708,000 บาท 1 ครั้ง
1,500,000 บาท 1 ครั้ง
1,000,000 บาท 3 ครั้ง
670,000 บาท 1 ครั้ง
100,000 บาท 62 ครั้ง
98,120 บาท 1 ครั้ง
80,000 บาท 1 ครั้ง
77,000 บาท 1 ครั้ง
47,000 บาท 1 ครั้ง
38,000 บาท 1 ครั้ง
รวมทั้งสิ้น 14,138,120 บาท
หลักฐานการโอนเงินทั้งหมดถูกสรุปส่งถึงรัฐบาล และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายทหารระดับสูง กระทั่งได้ไฟเขียวให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด รวมทั้งให้สอบสวนเอาผิดทางวินัยด้วย ซึ่งล่าสุด พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งพักราชการพลตรีมนัสแล้ว
ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงยังระบุว่า ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญาปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2555 แต่เจ้าหน้าที่บางหน่วยประเมินว่าไทยเป็นเพียงทางผ่านของชาวโรฮิงญา เพราะเรือที่ชาวโรฮิงญารวมเงินซื้อหรือเช่าเพื่อเดินทางมา โดยมากมักมีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเดินทางถึงทะเลอันดามันในน่านน้ำของไทยเท่านั้น หลังจากนั้นชาวโรฮิงญาจะพยายามหลบหนีขึ้นบกทางด้านจังหวัดระนอง แล้วเดินทางทางบกต่อไปยังมาเลเซีย
ในช่วงนั้น หน่วยงานบางหน่วยจึงใช้วิธีจัดงบประมาณเพื่อดำเนินการในทางลับ ขนชาวโรฮิงญาออกจากราชอาณาจักร เพื่อแก้ปัญหาการพักพิงในประเทศไทย เนื่องจากเมื่อถูกจับกุมในฐานะลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะไม่สามารถส่งกลับประเทศต้นทางได้ เนื่องจากเมียนมาร์และบังคลาเทศไม่ยอมรับคนเหล่านี้เป็นพลเมือง ซ้ำจะยังถูกนานาชาติกดดันให้ตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาในประเทศไทยด้วย
จากการดำเนินนโยบายและใช้งบลับดังกล่าว กลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐบางราย จับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นและฝ่ายปกครอง รวมทั้งตำรวจ ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการวางโครงข่ายขบวนการนำพาชาวโรฮิงญาส่งให้ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแลกกับผลประโยชน์ แต่กระบวนการกลับใช้งบประมาณและพาหนะของหน่วยงานรัฐ
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เครือข่ายค้ามนุษย์โรฮิงญา เป็นเครือข่ายใหญ่ มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีผลประโยชน์มหาศาล!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เอกสารสรุปยอดการโอนเงินจากเครือข่ายค้ามนุษย์เข้าบัญชี พลโทมนัส คงแป้น
http://www.isranews.org/south-news/scoop/item/38978-account.html#.VW1LZDZpAzA.facebook