จริงๆ การปั่นจักรยานนี่ ถ้าดู แต่ av จะมีปัจจัยอื่นๆมากมายมาแปรปรวนครับ แต่ที่ความเร็ว 40 สิ่งแน่ๆที่จะเจอคือ แรงต้าน 85% คือแรงต้านอากาศที่กระทำต่อตัว รถ เสื้อผ้า ครับผม และถ้าตัดเรื่องเนินและการตามลม ที่ความเร็วนี้ ถ้าคุณ นน.  70 รถแบบหมอบ จับแฮนด์บน ไม่มีแอโร่ทั้งเฟรม และล้อ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เปรียบเทียบคือ กำลังที่ใช้คือ watt ครับ ซึ่งจะประมาณ 300 วัตต์ขึ้น ซึ่งถ้าคุณจะปั่นแบบนี้ให้ได้ 1 ชม. แสดงว่านั่นคือ คุณมี functional threshold power ที่ประมาณ 300 วัตต์ ซึ่งเมื่อเทียบกับนน.ตัว คุณสามารถแข่งในระดับ อบต. และระดับจังหวัดสบายๆครับ ที่เรียกว่าขาแรงนั่นเอง ซึ่งผมปรามาสไปเลยว่า ถ้าปั่นมาไม่เกินปี และไม่มีโปรแกรมและวินัยการฝึกแบบเพิ่ม FTP คุณไม่สามารถทำได้แบบนี้แน่นอน
แต่สมมุติว่าคุณเปลี่ยนมาจับดรอปล่าง และอุปกรณ์เปลี่ยนมาเป็นแอโร่หมด ปรับท่าปั่นใหม่ คุณจะสามารถลดกำลังไปได้สัก 15% และยิ่งมาใช้การจับแฮนด์แบบ TT ล้อแอโร่สุดๆ คุณอาจไปได้ด้วยความเร็วเท่านี้โดยใช้กำลัง 260-270 วัตต์ (ไม่ได้มโนนะครับ มีตัวเลขวิจัยพร้อม) ซึ่งก็จะพอๆกับการดูดตามคนหน้าไปหรือตามลมไปครับ
ทีนี้คนที่จะปั่นแบบเข้าใกล้ FTP ตลอด หัวใจจะทำงานในโซน threshold ไปด้วย ซึ่งที่เขาพูดน่ะถูกแล้ว ถ้าไม่ได้มี base training นานพอ หัวใจจะโตแบบ concentric เพราะจักรยาน เป็นการออกกำลังที่รุนแรงทั้ง isotonic และ isometric ซึ่งทำให้หัวใจโตมากกว่าการออกกำลังแบบแอโรบิคอื่นๆ กึ่งๆการเล่นกล้ามไปด้วยวิ่งไปด้วย แน่นอน ถ้าหัวใจโตแบบหนา มันจะไปลดช่องการไหลเวียนเลือดออกจากหัวใจห้องล่างซ้ายเวลาทำงานหนัก ทำให้เกิดหัวใจวายได้ครับ