" Have you ever fallen in love ? "
" Of course .....with DARJEELING "
All about my Journey
สวัสดีค่า พี่ๆทุกคนค่ะ เราเพิ่งกลับมาจากอินเดียได้ประมาณ 3 สัปดาห์ยังสดๆร้อนๆกันอยู่เลย หลังจากไปอยู่เมืองแขกมา 2 เดือน อารมณ์กำลังค้างๆเลยค่ะ ความทรงจำกำลังพุ่งพล่านมากๆ (กลับมาปุ้ปก็เปิดเรียนเลยตอนนี้คือส่งหนูกลับไปที ฮรืออออ ;;---;;) เลยอยากจะมาบันทึกอะไรดีๆเก็บไว้ก่อนมันจะเลือนหายไปค่ะ 555 *น้ำตาไหล* นี่ก็เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกในรอบ 14 ปีที่เราเกิดมาเลยค่ะ รูปภาพอาจจะไม่สวยเล่าเรื่องไม่สนุก ผิดผลาดอย่างไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ดุว่ากันได้แต่อย่าแรงมากนะคะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ถึงกระทู้เราจะดูไร้สาระเวิ่นเว้ออย่างไรก็ขอฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพี่ๆมิตรรักแฟนเพลงด้วยนะคะ เราเชื่อว่าอย่างน้อยมันคงต้องมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยแหละค่ะ....(หรอ)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
จุดประสงค์หลักของกระทู้นี้คือออ เราจะมา แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตของเด็กไทยตาดำๆคนนึงที่อินเดีย(ที่ไม่เหมือนอินเดีย) และ รีวิวเมืองน่ารักๆเมืองนี้ พร้อมบันทึกชีวิตของเราที่นี่นั้นเองงงค่ะ อาศัยว่าเรายังเป็นเด็กมัธยมต้นตาดำๆคนนึง เราเลยเลือกที่จะมากับพี่เอเย่นค่ะ เเล้วมาอยู่บ้าน Local Family ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายยิบย่อยต่างๆเท่าไหร่
ขอเกริ่นๆก่อนว่า เมืองที่เราไปสถิตอยู่ 2 เดือนคือเมืองงงง
“ ดาร์จีลิ่ง ” นั่นเองค่า เป็นเมืองเล็กๆน่ารักๆอากาศดีๆผู้คนเป็นมิตรวิวสวยๆบนภูเขาซึ่งทำให้เราลืมความเป็นอินเดียไปเลยย สามารถเดินเล่นทั้งเมืองเองได้ค่ะทำให้เราได้สัมผัสอะไรด้วยตัวเองหลายๆอย่าง จนเรียกได้ว่าเราตกหลุมรักเมืองๆนี้ไปซะแล้วว อิอิ
ระยะเวลา : 04/03/15 - 12/05/15
Darjeeling / A little bit Bhutan / Sikkim / Delhi-Agra-Jaipur
---------------------------------------------------------------
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจมาเรียนภาษาที่อินเดียมาจากเราล้วนๆเลยค่ะ รู้สึกว่าช่วงนั้นรู้สึกอิ่มตัวด้านวิชาการเริ่มเบื่อคณิต(มากๆ)ค่ะ และเริ่มชอบภาษา บวกกับขี้เกียจไปเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมด้วย5555 และคุณแม่ค่อนข้างสนับสนุนเราด้านภาษามากๆ
จำได้ว่าวันนั้นว่างๆนั่งอ่านกระทู้ที่มีพี่ๆมาแชร์ประสบการณ์ในต่างแดนของตัวเองไปเรื่อยๆแล้วดั้นไปเจอกระทู้แชร์ประสบการณ์ระยะสั้นในอินเดีย!!!! พออ่านจบปุ้ป เราตัดสินใจทันทีค่ะว่า
" ปิดเทอมนี้เจอกันแน่อินเดีย " เหมือนอะไรสักอย่างในตัวเราบอกว่ามันต้องใช่ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วมากๆ 5555 ขั้นตอนต่อไปคือการบอกคุณพ่อ คุณเม่ค่ะ ซึ่ง....
เรา : แม่อยากไปเรียนภาษาที่อินเดียอะ
แม่ : .............
เรา : ในกระทู้นี้พี่เค้าไป 2 เดือน 5 หมื่นเอ๊งงงง (ได้ข่าวที่เอ็งไปนี่หมดไป 2 เท่าเลยนะ)
แม่ : โอเคไป!!!
พ่อ : ... (เอาไงเอากัน)
เเละนั่นละฮะท่านผู้ชม ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการมาอินเดียของเราเลยค่ะ ซึ่งตอนแรกที่บอกแม่ไว้คือเมืองโกลกาต้าค่ะ ตัวเราเป็นคนที่ไม่ได้มีความกลัวอินเดียเล๊ยย(รู้เเล้วจะหนาว) ชอบค่ะตื่นเต้นดี แต่ท่านแม่คงไม่ตื่นเต้นด้วยเป็นแน่ ไปๆมาๆท่านคุณแม่ก็จับเราไปดาร์จีลิ่งเจ้าค่ะ ซึ่งคุณแม่แสกนมาแล้วว่าโอเคผ่าน ตอนแรกที่เราเห็นรูปเมืองนี้ก็รู้สึกว่ามันใช่เลยที่นี่แหละ (เขาว่ากันว่าความรู้สึกแรกมักชัวร์ค่ะ!! /เอามาจากไหน..) ซึ่งราคาก็แปรผันตรงตามความดีงามของสถานที่ อิ__อิ
ด่านต่อมาคือ การบอกเพื่อนๆคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอาคุณพี่.. ซึ่งทุกครั้งเวลาบอกเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าเราจะไปเรียนภาษาที่อินเดียนะจ๊ะ ทุกคนจะ อึ้ง มากก เราเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเกือบทุกคนที่จะไปอินเดีย
“อินเดีย อินเดียเนี้ยนะ คนที่นั้นเค้าพูดภาษาอังกฤษกันหรอ”
“อินเดียสกปรก ลำบาก และก็อันตรายมากๆเลยไม่ใช่หรอ ”
“ทำไมไปอินเดียละ ไม่ไปยุโรป อเมริกา”
ก็เราชอบอะแล้วมันถูกด้วยอะเธอเอาไง 555555 อาจจะเป็นเพราะเราค่อนข้างศึกษามา..(หรอจ๊ะ) และคุณแม่สนับสนุนเต็มที่ รวมทั้งราคามันรับได้มากกว่าพวกยุโรป เมกา ;----; ทำให้เราไม่ค่อยได้สนใจคำพูดเหล่านี้เท่าไหร่ค่ะ ถถถถถถถ ผ่านด่านคุณแม่ก็ถือว่าทุกๆด่านผ่านค่ะ เฮ้!!
PS1. ขอบอกก่อนเลยนะคะว่า เราจัดเป็นพวกค่อนข้างโง่อิ้งค่ะ(ตอนนี้ก็ยังโง่อยู่ค่ะ๕๕๕) แต่ตามสเต็ปเด็กไทยค่ะถ้าเป็นแกรมม่า หรือข้อสอบในห้องนี่ขอให้บอกสู้ตายจ้า แต่พอเจอหน้าฝรั่งทีไรนี่งงเป็นไก่ตาแตก เป็นคนเน้นตายเอาดาบหน้าค่ะเอาไงเอากันไม่ได้ภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นไรภาษากายก็ได้!!!! สรุปแล้วแกรมม่าที่เรียนมา 8 ปี ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ /ตาย เพราะถึงเวลาจริงไม่มีเวลามานั่งคิดประโยคให้ถูกแกรมม่าก่อนพูดหรอกค่ะ กว่าจะรู้เรื่องก็ไม่ทันกินซะแล้ว แค่เราคิดอย่างไรก็พูดออกมาเลยค่ะไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะถูกหลักหรือเปล่า ด้านได้อายอดนะแจ๊ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้PS2. เราค่อนข้างโชคดีมากที่ได้พี่เอเย่นที่ดีมากๆ คุณครูดีมาก โฮสดีมาก เพื่อนดีมาก ชีวิตดีดี๊ (อย่าเพิ่งหมั่นไส้กันนะคะ TT) 5555555555 มันยิ่งทำให้เราประทับใจเมืองนี้มากๆยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ ฝากไว้นิดนึงเผื่อพี่ๆหลงเข้ามาอ่านนะคะ จะบอกว่าขอบคุณพี่ๆทุกคนมากกกกกกก ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆนะ คิดถึงมากๆรักนะจุ้บๆ
[Diary] เมื่อเด็กไทยตาดำๆเกิดอยากไปเรียนภาษาที่อินเดีย! 70 days in DARJEELING ,India (A little bit Bhutan)
" Of course .....with DARJEELING "
สวัสดีค่า พี่ๆทุกคนค่ะ เราเพิ่งกลับมาจากอินเดียได้ประมาณ 3 สัปดาห์ยังสดๆร้อนๆกันอยู่เลย หลังจากไปอยู่เมืองแขกมา 2 เดือน อารมณ์กำลังค้างๆเลยค่ะ ความทรงจำกำลังพุ่งพล่านมากๆ (กลับมาปุ้ปก็เปิดเรียนเลยตอนนี้คือส่งหนูกลับไปที ฮรืออออ ;;---;;) เลยอยากจะมาบันทึกอะไรดีๆเก็บไว้ก่อนมันจะเลือนหายไปค่ะ 555 *น้ำตาไหล* นี่ก็เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกในรอบ 14 ปีที่เราเกิดมาเลยค่ะ รูปภาพอาจจะไม่สวยเล่าเรื่องไม่สนุก ผิดผลาดอย่างไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ดุว่ากันได้แต่อย่าแรงมากนะคะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ถึงกระทู้เราจะดูไร้สาระเวิ่นเว้ออย่างไรก็ขอฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพี่ๆมิตรรักแฟนเพลงด้วยนะคะ เราเชื่อว่าอย่างน้อยมันคงต้องมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยแหละค่ะ....(หรอ)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า จุดประสงค์หลักของกระทู้นี้คือออ เราจะมา แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตของเด็กไทยตาดำๆคนนึงที่อินเดีย(ที่ไม่เหมือนอินเดีย) และ รีวิวเมืองน่ารักๆเมืองนี้ พร้อมบันทึกชีวิตของเราที่นี่นั้นเองงงค่ะ อาศัยว่าเรายังเป็นเด็กมัธยมต้นตาดำๆคนนึง เราเลยเลือกที่จะมากับพี่เอเย่นค่ะ เเล้วมาอยู่บ้าน Local Family ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายยิบย่อยต่างๆเท่าไหร่
ขอเกริ่นๆก่อนว่า เมืองที่เราไปสถิตอยู่ 2 เดือนคือเมืองงงง “ ดาร์จีลิ่ง ” นั่นเองค่า เป็นเมืองเล็กๆน่ารักๆอากาศดีๆผู้คนเป็นมิตรวิวสวยๆบนภูเขาซึ่งทำให้เราลืมความเป็นอินเดียไปเลยย สามารถเดินเล่นทั้งเมืองเองได้ค่ะทำให้เราได้สัมผัสอะไรด้วยตัวเองหลายๆอย่าง จนเรียกได้ว่าเราตกหลุมรักเมืองๆนี้ไปซะแล้วว อิอิ
Darjeeling / A little bit Bhutan / Sikkim / Delhi-Agra-Jaipur
---------------------------------------------------------------
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจมาเรียนภาษาที่อินเดียมาจากเราล้วนๆเลยค่ะ รู้สึกว่าช่วงนั้นรู้สึกอิ่มตัวด้านวิชาการเริ่มเบื่อคณิต(มากๆ)ค่ะ และเริ่มชอบภาษา บวกกับขี้เกียจไปเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมด้วย5555 และคุณแม่ค่อนข้างสนับสนุนเราด้านภาษามากๆ
จำได้ว่าวันนั้นว่างๆนั่งอ่านกระทู้ที่มีพี่ๆมาแชร์ประสบการณ์ในต่างแดนของตัวเองไปเรื่อยๆแล้วดั้นไปเจอกระทู้แชร์ประสบการณ์ระยะสั้นในอินเดีย!!!! พออ่านจบปุ้ป เราตัดสินใจทันทีค่ะว่า " ปิดเทอมนี้เจอกันแน่อินเดีย " เหมือนอะไรสักอย่างในตัวเราบอกว่ามันต้องใช่ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วมากๆ 5555 ขั้นตอนต่อไปคือการบอกคุณพ่อ คุณเม่ค่ะ ซึ่ง....
เรา : แม่อยากไปเรียนภาษาที่อินเดียอะ
แม่ : .............
เรา : ในกระทู้นี้พี่เค้าไป 2 เดือน 5 หมื่นเอ๊งงงง (ได้ข่าวที่เอ็งไปนี่หมดไป 2 เท่าเลยนะ)
แม่ : โอเคไป!!!
พ่อ : ... (เอาไงเอากัน)
เเละนั่นละฮะท่านผู้ชม ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการมาอินเดียของเราเลยค่ะ ซึ่งตอนแรกที่บอกแม่ไว้คือเมืองโกลกาต้าค่ะ ตัวเราเป็นคนที่ไม่ได้มีความกลัวอินเดียเล๊ยย(รู้เเล้วจะหนาว) ชอบค่ะตื่นเต้นดี แต่ท่านแม่คงไม่ตื่นเต้นด้วยเป็นแน่ ไปๆมาๆท่านคุณแม่ก็จับเราไปดาร์จีลิ่งเจ้าค่ะ ซึ่งคุณแม่แสกนมาแล้วว่าโอเคผ่าน ตอนแรกที่เราเห็นรูปเมืองนี้ก็รู้สึกว่ามันใช่เลยที่นี่แหละ (เขาว่ากันว่าความรู้สึกแรกมักชัวร์ค่ะ!! /เอามาจากไหน..) ซึ่งราคาก็แปรผันตรงตามความดีงามของสถานที่ อิ__อิ
ด่านต่อมาคือ การบอกเพื่อนๆคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอาคุณพี่.. ซึ่งทุกครั้งเวลาบอกเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าเราจะไปเรียนภาษาที่อินเดียนะจ๊ะ ทุกคนจะ อึ้ง มากก เราเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเกือบทุกคนที่จะไปอินเดีย
“อินเดียสกปรก ลำบาก และก็อันตรายมากๆเลยไม่ใช่หรอ ”
“ทำไมไปอินเดียละ ไม่ไปยุโรป อเมริกา”
ก็เราชอบอะแล้วมันถูกด้วยอะเธอเอาไง 555555 อาจจะเป็นเพราะเราค่อนข้างศึกษามา..(หรอจ๊ะ) และคุณแม่สนับสนุนเต็มที่ รวมทั้งราคามันรับได้มากกว่าพวกยุโรป เมกา ;----; ทำให้เราไม่ค่อยได้สนใจคำพูดเหล่านี้เท่าไหร่ค่ะ ถถถถถถถ ผ่านด่านคุณแม่ก็ถือว่าทุกๆด่านผ่านค่ะ เฮ้!!
PS1. ขอบอกก่อนเลยนะคะว่า เราจัดเป็นพวกค่อนข้างโง่อิ้งค่ะ(ตอนนี้ก็ยังโง่อยู่ค่ะ๕๕๕) แต่ตามสเต็ปเด็กไทยค่ะถ้าเป็นแกรมม่า หรือข้อสอบในห้องนี่ขอให้บอกสู้ตายจ้า แต่พอเจอหน้าฝรั่งทีไรนี่งงเป็นไก่ตาแตก เป็นคนเน้นตายเอาดาบหน้าค่ะเอาไงเอากันไม่ได้ภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นไรภาษากายก็ได้!!!! สรุปแล้วแกรมม่าที่เรียนมา 8 ปี ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ /ตาย เพราะถึงเวลาจริงไม่มีเวลามานั่งคิดประโยคให้ถูกแกรมม่าก่อนพูดหรอกค่ะ กว่าจะรู้เรื่องก็ไม่ทันกินซะแล้ว แค่เราคิดอย่างไรก็พูดออกมาเลยค่ะไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะถูกหลักหรือเปล่า ด้านได้อายอดนะแจ๊ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้