คือ จริงๆไปแอบเล่าไว้ในกระทู้ที่เราตามอ่าน เรื่องเล่าจากประสบการณ์กับบ้านพักสยองขวัญ และมีเพื่อนบางคนบอกให้ตั้งกระทู้ เราเลยเนรเทศตัวเองมาตรงนี้นะคะ
แอบเขิล ต้องมีตัวละครในเหตุการณ์มาอ่านเจอชัวร์ และรู้ว่าเราคือใครชัวร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องส่วนใหญ่มาจากการบอกเล่าของเพื่อนๆและน้องๆนะคะ
สวัสดีค่ะ เห็นช่วงนี้คนแชร์เรื่องสยองขวัญกันเยอะ เราขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะคะ
ขอเกริ่นว่าเรื่องที่จะเล่า เกิดขึ้นตอนเราอยู่ ม.5 ค่ะ และมีคนอยู่ในเหตุการณ์หลายคนมากค่ะ บางเหตุการณ์เราไม่ได้เจอกับตัวนะคะ แต่เป็นเรื่องที่รวบรวมมาจากหลายๆคน
ขอเดาว่าเล่าไป น่าจะมีพวกเพื่อนหรือรุ่นน้องหลายๆคนที่เจอเหตุการณ์เดียวกันมาอ่านเจอ ยังไงทักทายเค้าด้วยนะ
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า ทางโรงเรียนของเรามีการจัดให้นักเรียนไปต่างจังหวัด โดยอ้างชื่อว่าเข้าค่ายวิชาการ (จริงๆ ก็เหมือนให้ไปเที่ยวนี่แหละค่ะ) โดยการไปครั้งนี้จะมีเพียงแค่ห้องโครงการวิทยาศาสตร์ ชั้น ม.4 และ ม.5 โดยเราเป็นพี่ ม.5 ค่ะ โดยชั้นปีละ 2 ห้องค่ะ เพราะห้องโครงการวิทย์ มี 2 ห้องจาก 12 ห้อง เด็กนักเรียนจึงมีประมาณ 200 คน ห้องละ 40-50 คน
คือ คนร่วมชะตากรรม 200 คน!! และเป็นเด็กสายวิทย์!! แต่ดันเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ!!!
วันแรกพวกเรานั่งรถทัวร์ 2 คัน คันละชั้นปี จากจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ตรงดิ่งไปโคราชค่ะ คือนั่งนานมากกกกกกก พอไปถึงโคราช เราก็ทำการไปสักการะย่าโมกันค่ะ ทุกอย่างปกติดี เด็กเยอะ (ก็พวกเราทั้งนั้น) และจึงเดินทางไปที่ปราสาทหินพิมาย และเรื่องแปลกๆ เกิดตรงนี้แหละค่ะ
ระหว่างพวกเรากำลังเดินทางไปฟาร์มโชคชัยกัน คุณครูบนรถก็ประกาศว่า รถของน้องคัน ม.4 ต้องวนกลับไปที่ปราสาทนะ พวกเราจะไปชมฟาร์มกันก่อน
มาทราบทีหลังคือ มีน้องผู้หญิง สมมติว่าชื่อ บัว (ตัวหลักเลยค่ะคนนี้) ลืมกระเป๋าสตางค์และมือถือเอาไว้ที่ปราสาท โดยที่ไม่รู้ว่าลืมไว้ที่ไหนนะคะ จึงให้เพื่อนโทรเข้าไปที่เบอร์ของตัวเอง และมีผู้หญิงแก่ๆรับ และบอกว่าให้มารับที่ปราสาท พอพวกน้องๆไปถึงก็ขอบคุณคุณป้ายกใหญ่และถามว่าเจอที่ไหน
คุณป้าตอบว่า "เจอในปราสาทหลังในสุด" โดยมือถือวางอยู่บนกระเป๋าสตางค์อย่างเป็นระเบียบ
แต่!! น้องเค้าไปไม่ถึงปราสาทหลังนั้น! แล้วกระเป๋าและมือถือ เข้าไปได้ยังไง??
หลังจากนั้นรถคัน ม.4 ก็ขับตามไปฟาร์มโชคชัย แต่ ประสบอุบัติเหตุชนกับรถขนส้ม!! ไม่มีใครเป็นอะไรเลยค่ะ แค่ตกใจ
กลับมาที่พวกเรา พี่ๆ ม.5 เที่ยวฟาร์มสบายใจ มารู้เรื่องอีกทีคือตอนขึ้นรถ คุณครูก็บ่นๆว่า คัน ม.4 ทำไมเรื่องเยอะจัง แต่ยังงง มันยังไม่หมดดดดดด
ที่เหลือเหตุการณ์ปกติ ขอข้ามนะ
วันต่อมา นี่แหละพีคสุดๆๆๆๆๆๆๆๆ
เราก็ไปที่นั่นที่นี่ จนจุดหมายปลายทางคือ จ.นครปฐม เราก็ไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ เดินเล่นกัน ปกติดี
แต่!!! ฝั่งน้อง ม.4 นี่ซิ ดันไปเดินวนรอบโบสถ์ผิดด้าน วนแบบวนเมรุซะงั้น และอะไรแปลกๆก็เริ่มจากนั้นเป็นต้นมา หรือก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่แน่ใจ
จากปากน้อง ม.4 คุณน้องบัว คนเมื่อวาน รู้สึกเหมือนมีคนกระชากผม คือหัวหงายเงิบเลย ยางที่ผูกผมไว้ ก็เลื่อนมาอยู่ที่ปลายผม จึงหันมาถามเพื่อนว่าใครแกล้ง แต่ "ไม่มีใครทำ" ทุกคนก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเห็นกันหลายคนว่าน้องหงายเงิบเหมือนคนดึงจริงๆ และยาง เลื่อนลงมาอยู่ปลายผมจริง
หลังจากนั้น น้องบัวก็ขึ้นรถไป แต่เพื่อนยังยืนเม้ากันอยู่ข้างล่างรถ และน้องบัวก็ลงมาถามเพื่อนๆว่า "เรียกเราหรอ?" เพื่อนๆก็มองหน้ากัน "คือไม่มีใครเรียกน้องเค้า!!" หลังจากนั้น น้องก็ได้ยินคนเรียกบนรถอยู่บ่อยๆ แต่เพื่อนกลัวน้องกลัว จึงบอกว่าเพื่อนเรียกเอง
จากนั้นจึงเดินทางไปยังที่พัก โรงแรมแห่งหนึ่ง มีหลายตึก มีชื่อเสียงในจังหวัดนครปฐม และเรื่องต่างๆก็เกิดที่ โรงแรมนี้ค่ะ
ต่อ ตอนเข้าพักโรงแรม ทางโรงแรมจะมีตึกหลัก และตึกย่อย พวกเราทั้งคณะได้พักกันที่ตึกย่อยซึ่งเป็นตึกลานจอดรถ พวกเราก็เข้าพักกันตามปกติ
เอาจากมุมที่เราประสบเองก่อนนะคะ
ก็ตามประสาเด็กค่ะ ก็ตรวจเช็คว่าอยู่ข้างห้องใครบ้าง ตรงข้ามห้องใคร ข้างห้องเราซึ่งเป็นห้องริมสุดคือห้องของคุณครูค่ะ ห้องตรงข้ามเป็นเด็กห้องเรา ส่วนห้องอีกข้างเป็นเด็กอีกห้องค่ะ
เราก็เดินไปเล่นไพ่ห้องตรงข้ามค่ะ (แต่ละห้องพัก 4 คน) รวมกันอยู่ 8 คน ก็เล่นได้สักพักจนถึง 2 ทุ่มกว่าๆ เพื่อนร่วมห้องเรา สมมติว่าชื่อ กิง ก่อง แก้ว นะคะ กิง กับ ก่อง ตัวมักติดกันค่ะ จึงขอไปอาบน้ำคู่กันก่อน ส่วนเรากับแก้ว รออาบกะ 2
ไม่ถึงสิบนาที นาง 2 คนก็เดินกลับมาพร้อมบอกว่า "เอาไงดี น้ำไม่ไหล อาบน้ำไม่ได้อะ"
เราเลยให้เพื่อนห้องเล่นไพ่ลองเปิดน้ำ น้ำก็ไม่ไหลค่ะ คราวนี้ก็เริ่มมีเพื่อนคนอื่นๆเดินมาเคาะห้องถาม ก็ได้ความว่า "น้ำไม่ไหลทั้งตึก"
สักพักก็มีคนมาเคาะประตูอีก เพื่อนก็ไปเปิด ปรากฎว่า คุณครู (ขอเปลี่ยนเป็น อาจารย์ หรือ จารย์นะคะ ค่อยสมจริง)
อาจารย์ยืนหน้าห้อง วงแตกซิคะ วงไพ่แตก รีบแยกย้ายกลับห้องค่ะ
น้ำก็ไม่มีให้อาบ ก็นั่งดูทีวีกันค่ะ ทีวีนี่ก็สูงเกิ๊นน แบบอยู่บนเพดาน แล้วมีโครงเหล็กล็อคไว้ ดูก็แสนลำบาก ทันใดนั้น เสียงเคาะห้องค่ะ
เราก็เดินไปเปิด เพื่อนที่อยู่อีกฟากของตึกที่พัก ซึ่งห้องอยู่แถบน้อง ม.4
ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ ตึกเป็นแบบ ถ้าเดินออกจากลิฟท์ ทางซ้ายก็จะมีห้องๆๆๆ เดินทางขวาก็จะมีห้องๆๆๆ แล้วก็มีห้องตรงข้ามกัน
กลับมาที่เจอเพื่อนค่ะ นางก็พูดว่า
"น้องบัวโดนผีเข้า อาจารย์สอ กำลังไล่"
ได้ยินก็ตกใจค่ะ พวกเพื่อนที่เหลือก็ได้ยิน วิ่งมาที่ประตู ก็ถามเหมือนนกแตกรัง "เห้ย จริงหรอ?" "น้องอยู่ห้องไหน?"
ทันใดนั้นห้องตรงข้ามก็เปิดออก แล้วโพล่งว่า " รู้เรื่องน้องผีเข้ารึยัง?"
พวกเราก็แทบรวมร่างค่ะ อยู่ใกล้กัน และตัดสินใจว่า ไปอยู่รวมกับห้องตรงข้ามดีกว่า 8 คนดีกว่า 4 คน
เพื่อนที่มาแจ้งข่าว อยู่สักพักก็กลับห้องค่ะ พวกเรา 8 คนก็คิดว่าทำไงดี นอนยังไง น้ำก็ไม่ได้อาบ จะนั่งทั้งคืนไม่น่าไหว หรือเบียดกัน
กิง กับ ก่อง ก็โพล่งว่า "เรา 2 คน กลับห้องนะ เราว่านอน 8 คนไม่ไหวอะ"
เรากับแก้ว ก็มองหน้ากัน แต่เราคิดในใจนะ "มุงจะไปกันทำไม รวมกันก็ดีอยู่แล้วววว" แต่ก็นะ เพื่อน จะให้ไปอยู่กันแค่ 2 คน เราก็ว่าไม่น่าจะโอเค เรากับแก้วก็พยักหน้ากัน
"เออ เราก็กลับด้วย อยู่ 4 ดีกว่า 2"
เราก็กลับห้องกัน น้ำก็ยังไม่มา อาบน้ำไม่ได้ ผีก็กลัว ก็เลยเล่นไพ่กัน คุยกัน สักพัก กิงก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับแฟนตรงมุมหน้าห้อง ตรงข้ามห้องน้ำ หัวพิงประตูห้องเลย
เราเองพึ่งถอยโทรศัพท์มาใหม่ เลยปิดเครื่องชาจไว้ แก้วก็ปิดเครื่องเพราะไม่รู้จะเปิดทำไม ก่องนี่ปิดเครื่องเก็บคนแรกเลย
เราก็เลยบอกเพื่อนๆว่า "สวดมนต์กันมั้ย ไม่นอนก็สวดไว้ก่อน" คือตัวเราสวดชินบัญชรทุกวันมาตั้งแต่ ป.4 แล้ว พ่อบังคับ (ตอนสวดครั้งแรกต้องจุดธูป วันพฤหัส และหันหน้าทางวัดระฆังด้วยนะ พ่อจัดเต็ม)
เราก็สวดเสียงดังเลย เผื่อเพื่อนๆด้วย เพราะเราเชื่อว่าคาถาชินบัญชรคุ้มครองได้ เป็นครอบแก้ว (พ่อบอกมา)
สวดเสร็จ ก็นั่งคุยกันต่อ สักพักก็ล้มตัวลงนอน ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน ทันใดนั้น "น้ำไหล" ก่อง แก้ว ก็แสดงเจตนารมณ์ว่า "ไม่อาบแล้วนะ นอนเลยนะ" เราก็เออ เอาด้วย รีบๆนอน จะได้เช้า ทีวีก็เปิดช่องเพลงไว้
นอนแป๊บนึงใกล้ๆจะหลับ ก็ได้ยินเสียงกิง ซึ่งคุยโทรศัพท์อยู่ เสียงแบบแตกตื่นมากๆๆๆๆ เรานี่หลุดจากภวังค์เลย
"เค้าย้ายกันไปหมดแล้ว ย้ายหมดแล้ว" เราก็รู้สึก งงๆ "ย้ายอะไร?" สักพัก ก็เห็น กิง วิ่งไปวิ่งมา หยิบนู่นนี่ ก่องก็เก็บของใส่กระเป๋า เราเลยรู้สึกตัวว่า "เห้ย ต้องลุกแล้ว เก็บของ" แก้วที่ดู งง ที่สุดก็หยิบแว่นมาใส่ แล้วถามว่า "อะไรกัน?"
เราก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องเก็บของ"
กิง จึงบอกว่า "รีบเก็บของ คนอื่นเค้าย้ายห้องกันหมดแล้ว!"
บอกตามตรงว่าตอนนั้นเก็บของแบบ งง มาก และ งง ว่าจะย้ายไปไหน
พอเปิดประตูออกมา ห้องตรงข้ามเปิดประตูทิ้งไว้ เราจึงมองเข้าไปข้างใน "ไม่มีใครอยู่เลยสักคน"
ตอนนั้นคิดว่า ไม่เป็นไร ห้องอื่นๆ คงมีเพื่อนที่รอย้ายห้องเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่เลย!! ด้วยความที่ว่า ห้องเราเป็นห้องรองสุดท้าย เราจึงต้องเดินผ่านทุกๆห้อง กว่าจะไปถึงลิฟท์
วินาทีนั้น มองห้องถัดมา ผ้าปูที่นอนกระจาย อีกห้องก็สภาพเหมือนกัน และทุกห้อง "ไม่มีคนอยู่เลย"
เราก็เริ่มใจคอไม่ดี จากที่ลากกระเป๋า ตอนนี้เปลี่ยนเป็น หิ้วหูกระเป๋าวิ่งตรงไปยังลิฟท์ไม่คิดชีวิต
พอถึงในลิฟท์ก็ตรวจเช็คสมาชิกว่า ครบ 4 คนมั้ย ก็ครบค่ะ ก็มองหน้ากัน
พอลิฟท์ลงมาอีกชั้น ก็เจอพี่ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในลิฟท์ พร้อมพวกกุญแจพวงใหญ่ เค้าก็มองพวกเรากัน เพราะนี่ก็ ตี 1 แล้ว แต่มีเด็กผู้หญิง 4 คน สีหน้าไม่ดีพร้อมกระเป๋าเดินทางอยู่ในลิฟท์
พี่เค้าจึงถามว่า "มาจากไหนกันเนี่ยน้อง?"
"มาจากห้องพักค่ะ จะย้ายห้อง" เราตอบ
"เอ้า มากับทีมโรงเรียนหรอ?" พี่เค้าทำท่าตกใจ
ลิฟท์ถึงข้างล่างพอดี พวกเราก็เดินมาพร้อมกัน
"ดีเลยพี่ พี่รู้ใช่มั้ยว่าเค้าไปไหนกัน?"
"รู้ซิ ก็เนี่ย พี่ตามมาตราจเช็คความเรียบร้อย กำลังจะตัดไฟแต่ละชั้น เพราะมีแต่พวกน้องพัก ถ้าออกหมดจะตัดไฟแล้ว"
วินาทีนั้นคือ ตกใจมากกก ถ้าพี่ตัดไฟ แล้วเราค้างในนั้น คงหลอนน่าดู (แต่พอโตมา ก็มานั่งคิดนะว่า เวลาทั้งชั้นไม่มีคนพัก โรงแรมเค้าตัดไฟจริงหรอ)
เราก็มองหน้าพี่เค้า ขอบคุณเค้า แล้วก็รีบเดินไปตึกหลัก
บอกตามตรง คนที่ตกใจสุดคือรีเซปชั่น
"พวกหนูมากับคณะโรงเรียนค่ะ เห็นบอกว่าย้ายห้อง เค้าย้ายไปไหนกันคะ?" กิงถาม
"น้องไปอยู่ไหนมาคะ เค้าย้ายกันเป็นชั่วโมงแล้วนะ?" รีเซปชั่นบอก
"อยู่ในห้องมาค่ะ พอดีพึ่งรู้จากเพื่อน" เราตอบ
"งั้น ห้องนี้ค่ะ ไปทางนี้"
บอกตามตรง ตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย ว่าเราไปถึงห้องนั้นได้ยังไง รู้แค่ว่าเกาะๆกันเดินตามทาง จนไปเจอห้องตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าพักนะคะ หลอนแปลกๆ ตึกนี้ น่ากลัวกว่าตึกเดิมอีก
จึงตัดสินใจว่าจะไปนอนห้องเพื่อนที่เคยอยู่ตรงข้ามกันเมื่อตึกเก่า ก็โทรหาเค้า เค้าก็บอกเลขห้อง พอไปถึง เค้าก็เปิดรับเราเลย คือต่างคนต่างกลัววว
พอมาอยู่กันครบ ปลอดภัยในห้อง เราจึงถามกิงว่า "รู้ได้ไงว่าเค้าย้ายห้องกัน?"
คำบอกเล่าจากปากกิง
พวกเราฟัง ก็ตกใจนะ คือกิง ยืนอยู่ที่ประตูห้องตลอด คุยกับแฟน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงนอกห้องเลย กิงบอกว่าเงียบสนิท ปกติดี แต่เพื่อนคนอื่นๆ ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์อพยพบอกว่า "เสียงดังโวยวาย วิ่งหนีตายยังกับตึกจะถล่ม"
จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นะ ว่าทำไมมีแต่ห้องเราที่ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่กิงยืนหน้าประตู และมีเพื่อนผู้ชายรับอาสาเคาะบอกทุกห้อง
บางคนก็บอกว่า เพราะเราดันไปสวดชินบัญชร เค้าเลยแกล้ง บางคนก็บอกว่า เพราะชินบัญชรเลยได้ออกมา อันนี้โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
ต่อๆ กิงบอกว่า จริงๆคุยกับแฟน และทะเลาะกัน คิดว่าจะปิดมือถือหนี แต่แฟนก็พูดดักว่าอย่าปิดมือถือหนีนะ ก็ง้อๆกันอะนะ กิงเลยไม่ปิด ซึ่งก็ต้อง"ขอบคุณแฟนกิงมา ณ ที่นี้"
เพราะ!!! ถ้ากิงปิด ติดในตึกแน่ๆๆๆจ้า เพราะปิดมือถือกันทุกคน มีมือถือกิงเครื่องเดียวที่ยังเปิด
เพื่อนห้องตรงข้ามก็โทรไล่ทุกคน จนมาโทรติดที่เครื่องกิง และถามว่า "พักห้องไหน?"
พอกิงได้ยิน ก็ งง จึงตอบว่า "ก็ห้องตรงข้ามกันไง ลืมหรอ?"
ปลายสายก็ตอบกลับว่า "ตรงข้ามห้องเราเป็นลิฟท์"
กิงจึงถามซ้ำ เพราะคิดว่าอำ จึงได้ความว่า เค้าย้ายห้องกัน ได้ห้องใหม่กันไปหมดแล้ว กิงจึงรู้ตัวว่า งานเข้า เรายังไม่ย้าย จึงตื่นตระหนกบอกเพื่อน ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
คืนนั้น เราก็หลอนกันเอง นอนรวม 8 คนในห้องเล็กๆ มีม่านสีแดง พรมแดง เรานี่จินตนาการล้ำเลิศ คิดว่าสีเหมือนเลือด
ด้วยความที่เตียงไม่พอสำหรับ 8 คนจึงต้องมีคนเสียสละนอนพื้น แต่ตัวเรา นอนเตียงข้างๆเพื่อนคนนึง ซึ่งนอนกำรูปคุณย่าที่เค้าใช้แควนคอแน่น และบอกว่า "ขอให้คุณย่า คุ้มครองทุกคน"
ลึกๆ เราก็ขอบคุณนะ แต่ย่าก็อย่ามาให้เห็นนะ เรามองรูปย่า ซึ่งเป็นสีขาวดำในมือเพื่อน ก็หลอนอีก รูปคนแก่ ก็น่ากลัวไปอีกแบบ
บอกตามตรง คืนนั้นไม่ได้นอนเลย รอแค่ว่า เมื่อไหร่จะเช้า อยากไปจากที่นี่
จริงๆพวกเราไม่มีใครเจอสักคนนะ มีก็แค่เรื่องแปลกๆและหลอนเอง
แต่!!! น้อง ม.4 นี่ซิ มันส์ๆทั้งนั้นจ้าาาาา
ประสบการณ์สยองขวัญ....จากโคราช ถึง นครปฐม
แอบเขิล ต้องมีตัวละครในเหตุการณ์มาอ่านเจอชัวร์ และรู้ว่าเราคือใครชัวร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องส่วนใหญ่มาจากการบอกเล่าของเพื่อนๆและน้องๆนะคะ
สวัสดีค่ะ เห็นช่วงนี้คนแชร์เรื่องสยองขวัญกันเยอะ เราขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะคะ
ขอเกริ่นว่าเรื่องที่จะเล่า เกิดขึ้นตอนเราอยู่ ม.5 ค่ะ และมีคนอยู่ในเหตุการณ์หลายคนมากค่ะ บางเหตุการณ์เราไม่ได้เจอกับตัวนะคะ แต่เป็นเรื่องที่รวบรวมมาจากหลายๆคน
ขอเดาว่าเล่าไป น่าจะมีพวกเพื่อนหรือรุ่นน้องหลายๆคนที่เจอเหตุการณ์เดียวกันมาอ่านเจอ ยังไงทักทายเค้าด้วยนะ
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า ทางโรงเรียนของเรามีการจัดให้นักเรียนไปต่างจังหวัด โดยอ้างชื่อว่าเข้าค่ายวิชาการ (จริงๆ ก็เหมือนให้ไปเที่ยวนี่แหละค่ะ) โดยการไปครั้งนี้จะมีเพียงแค่ห้องโครงการวิทยาศาสตร์ ชั้น ม.4 และ ม.5 โดยเราเป็นพี่ ม.5 ค่ะ โดยชั้นปีละ 2 ห้องค่ะ เพราะห้องโครงการวิทย์ มี 2 ห้องจาก 12 ห้อง เด็กนักเรียนจึงมีประมาณ 200 คน ห้องละ 40-50 คน
คือ คนร่วมชะตากรรม 200 คน!! และเป็นเด็กสายวิทย์!! แต่ดันเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ!!!
วันแรกพวกเรานั่งรถทัวร์ 2 คัน คันละชั้นปี จากจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ตรงดิ่งไปโคราชค่ะ คือนั่งนานมากกกกกกก พอไปถึงโคราช เราก็ทำการไปสักการะย่าโมกันค่ะ ทุกอย่างปกติดี เด็กเยอะ (ก็พวกเราทั้งนั้น) และจึงเดินทางไปที่ปราสาทหินพิมาย และเรื่องแปลกๆ เกิดตรงนี้แหละค่ะ
ระหว่างพวกเรากำลังเดินทางไปฟาร์มโชคชัยกัน คุณครูบนรถก็ประกาศว่า รถของน้องคัน ม.4 ต้องวนกลับไปที่ปราสาทนะ พวกเราจะไปชมฟาร์มกันก่อน
มาทราบทีหลังคือ มีน้องผู้หญิง สมมติว่าชื่อ บัว (ตัวหลักเลยค่ะคนนี้) ลืมกระเป๋าสตางค์และมือถือเอาไว้ที่ปราสาท โดยที่ไม่รู้ว่าลืมไว้ที่ไหนนะคะ จึงให้เพื่อนโทรเข้าไปที่เบอร์ของตัวเอง และมีผู้หญิงแก่ๆรับ และบอกว่าให้มารับที่ปราสาท พอพวกน้องๆไปถึงก็ขอบคุณคุณป้ายกใหญ่และถามว่าเจอที่ไหน
คุณป้าตอบว่า "เจอในปราสาทหลังในสุด" โดยมือถือวางอยู่บนกระเป๋าสตางค์อย่างเป็นระเบียบ
แต่!! น้องเค้าไปไม่ถึงปราสาทหลังนั้น! แล้วกระเป๋าและมือถือ เข้าไปได้ยังไง??
หลังจากนั้นรถคัน ม.4 ก็ขับตามไปฟาร์มโชคชัย แต่ ประสบอุบัติเหตุชนกับรถขนส้ม!! ไม่มีใครเป็นอะไรเลยค่ะ แค่ตกใจ
กลับมาที่พวกเรา พี่ๆ ม.5 เที่ยวฟาร์มสบายใจ มารู้เรื่องอีกทีคือตอนขึ้นรถ คุณครูก็บ่นๆว่า คัน ม.4 ทำไมเรื่องเยอะจัง แต่ยังงง มันยังไม่หมดดดดดด
ที่เหลือเหตุการณ์ปกติ ขอข้ามนะ
วันต่อมา นี่แหละพีคสุดๆๆๆๆๆๆๆๆ
เราก็ไปที่นั่นที่นี่ จนจุดหมายปลายทางคือ จ.นครปฐม เราก็ไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ เดินเล่นกัน ปกติดี
แต่!!! ฝั่งน้อง ม.4 นี่ซิ ดันไปเดินวนรอบโบสถ์ผิดด้าน วนแบบวนเมรุซะงั้น และอะไรแปลกๆก็เริ่มจากนั้นเป็นต้นมา หรือก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่แน่ใจ
จากปากน้อง ม.4 คุณน้องบัว คนเมื่อวาน รู้สึกเหมือนมีคนกระชากผม คือหัวหงายเงิบเลย ยางที่ผูกผมไว้ ก็เลื่อนมาอยู่ที่ปลายผม จึงหันมาถามเพื่อนว่าใครแกล้ง แต่ "ไม่มีใครทำ" ทุกคนก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเห็นกันหลายคนว่าน้องหงายเงิบเหมือนคนดึงจริงๆ และยาง เลื่อนลงมาอยู่ปลายผมจริง
หลังจากนั้น น้องบัวก็ขึ้นรถไป แต่เพื่อนยังยืนเม้ากันอยู่ข้างล่างรถ และน้องบัวก็ลงมาถามเพื่อนๆว่า "เรียกเราหรอ?" เพื่อนๆก็มองหน้ากัน "คือไม่มีใครเรียกน้องเค้า!!" หลังจากนั้น น้องก็ได้ยินคนเรียกบนรถอยู่บ่อยๆ แต่เพื่อนกลัวน้องกลัว จึงบอกว่าเพื่อนเรียกเอง
จากนั้นจึงเดินทางไปยังที่พัก โรงแรมแห่งหนึ่ง มีหลายตึก มีชื่อเสียงในจังหวัดนครปฐม และเรื่องต่างๆก็เกิดที่ โรงแรมนี้ค่ะ
ต่อ ตอนเข้าพักโรงแรม ทางโรงแรมจะมีตึกหลัก และตึกย่อย พวกเราทั้งคณะได้พักกันที่ตึกย่อยซึ่งเป็นตึกลานจอดรถ พวกเราก็เข้าพักกันตามปกติ
เอาจากมุมที่เราประสบเองก่อนนะคะ
ก็ตามประสาเด็กค่ะ ก็ตรวจเช็คว่าอยู่ข้างห้องใครบ้าง ตรงข้ามห้องใคร ข้างห้องเราซึ่งเป็นห้องริมสุดคือห้องของคุณครูค่ะ ห้องตรงข้ามเป็นเด็กห้องเรา ส่วนห้องอีกข้างเป็นเด็กอีกห้องค่ะ
เราก็เดินไปเล่นไพ่ห้องตรงข้ามค่ะ (แต่ละห้องพัก 4 คน) รวมกันอยู่ 8 คน ก็เล่นได้สักพักจนถึง 2 ทุ่มกว่าๆ เพื่อนร่วมห้องเรา สมมติว่าชื่อ กิง ก่อง แก้ว นะคะ กิง กับ ก่อง ตัวมักติดกันค่ะ จึงขอไปอาบน้ำคู่กันก่อน ส่วนเรากับแก้ว รออาบกะ 2
ไม่ถึงสิบนาที นาง 2 คนก็เดินกลับมาพร้อมบอกว่า "เอาไงดี น้ำไม่ไหล อาบน้ำไม่ได้อะ"
เราเลยให้เพื่อนห้องเล่นไพ่ลองเปิดน้ำ น้ำก็ไม่ไหลค่ะ คราวนี้ก็เริ่มมีเพื่อนคนอื่นๆเดินมาเคาะห้องถาม ก็ได้ความว่า "น้ำไม่ไหลทั้งตึก"
สักพักก็มีคนมาเคาะประตูอีก เพื่อนก็ไปเปิด ปรากฎว่า คุณครู (ขอเปลี่ยนเป็น อาจารย์ หรือ จารย์นะคะ ค่อยสมจริง)
อาจารย์ยืนหน้าห้อง วงแตกซิคะ วงไพ่แตก รีบแยกย้ายกลับห้องค่ะ
น้ำก็ไม่มีให้อาบ ก็นั่งดูทีวีกันค่ะ ทีวีนี่ก็สูงเกิ๊นน แบบอยู่บนเพดาน แล้วมีโครงเหล็กล็อคไว้ ดูก็แสนลำบาก ทันใดนั้น เสียงเคาะห้องค่ะ
เราก็เดินไปเปิด เพื่อนที่อยู่อีกฟากของตึกที่พัก ซึ่งห้องอยู่แถบน้อง ม.4
ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ ตึกเป็นแบบ ถ้าเดินออกจากลิฟท์ ทางซ้ายก็จะมีห้องๆๆๆ เดินทางขวาก็จะมีห้องๆๆๆ แล้วก็มีห้องตรงข้ามกัน
กลับมาที่เจอเพื่อนค่ะ นางก็พูดว่า
"น้องบัวโดนผีเข้า อาจารย์สอ กำลังไล่"
ได้ยินก็ตกใจค่ะ พวกเพื่อนที่เหลือก็ได้ยิน วิ่งมาที่ประตู ก็ถามเหมือนนกแตกรัง "เห้ย จริงหรอ?" "น้องอยู่ห้องไหน?"
ทันใดนั้นห้องตรงข้ามก็เปิดออก แล้วโพล่งว่า " รู้เรื่องน้องผีเข้ารึยัง?"
พวกเราก็แทบรวมร่างค่ะ อยู่ใกล้กัน และตัดสินใจว่า ไปอยู่รวมกับห้องตรงข้ามดีกว่า 8 คนดีกว่า 4 คน
เพื่อนที่มาแจ้งข่าว อยู่สักพักก็กลับห้องค่ะ พวกเรา 8 คนก็คิดว่าทำไงดี นอนยังไง น้ำก็ไม่ได้อาบ จะนั่งทั้งคืนไม่น่าไหว หรือเบียดกัน
กิง กับ ก่อง ก็โพล่งว่า "เรา 2 คน กลับห้องนะ เราว่านอน 8 คนไม่ไหวอะ"
เรากับแก้ว ก็มองหน้ากัน แต่เราคิดในใจนะ "มุงจะไปกันทำไม รวมกันก็ดีอยู่แล้วววว" แต่ก็นะ เพื่อน จะให้ไปอยู่กันแค่ 2 คน เราก็ว่าไม่น่าจะโอเค เรากับแก้วก็พยักหน้ากัน
"เออ เราก็กลับด้วย อยู่ 4 ดีกว่า 2"
เราก็กลับห้องกัน น้ำก็ยังไม่มา อาบน้ำไม่ได้ ผีก็กลัว ก็เลยเล่นไพ่กัน คุยกัน สักพัก กิงก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับแฟนตรงมุมหน้าห้อง ตรงข้ามห้องน้ำ หัวพิงประตูห้องเลย
เราเองพึ่งถอยโทรศัพท์มาใหม่ เลยปิดเครื่องชาจไว้ แก้วก็ปิดเครื่องเพราะไม่รู้จะเปิดทำไม ก่องนี่ปิดเครื่องเก็บคนแรกเลย
เราก็เลยบอกเพื่อนๆว่า "สวดมนต์กันมั้ย ไม่นอนก็สวดไว้ก่อน" คือตัวเราสวดชินบัญชรทุกวันมาตั้งแต่ ป.4 แล้ว พ่อบังคับ (ตอนสวดครั้งแรกต้องจุดธูป วันพฤหัส และหันหน้าทางวัดระฆังด้วยนะ พ่อจัดเต็ม)
เราก็สวดเสียงดังเลย เผื่อเพื่อนๆด้วย เพราะเราเชื่อว่าคาถาชินบัญชรคุ้มครองได้ เป็นครอบแก้ว (พ่อบอกมา)
สวดเสร็จ ก็นั่งคุยกันต่อ สักพักก็ล้มตัวลงนอน ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน ทันใดนั้น "น้ำไหล" ก่อง แก้ว ก็แสดงเจตนารมณ์ว่า "ไม่อาบแล้วนะ นอนเลยนะ" เราก็เออ เอาด้วย รีบๆนอน จะได้เช้า ทีวีก็เปิดช่องเพลงไว้
นอนแป๊บนึงใกล้ๆจะหลับ ก็ได้ยินเสียงกิง ซึ่งคุยโทรศัพท์อยู่ เสียงแบบแตกตื่นมากๆๆๆๆ เรานี่หลุดจากภวังค์เลย
"เค้าย้ายกันไปหมดแล้ว ย้ายหมดแล้ว" เราก็รู้สึก งงๆ "ย้ายอะไร?" สักพัก ก็เห็น กิง วิ่งไปวิ่งมา หยิบนู่นนี่ ก่องก็เก็บของใส่กระเป๋า เราเลยรู้สึกตัวว่า "เห้ย ต้องลุกแล้ว เก็บของ" แก้วที่ดู งง ที่สุดก็หยิบแว่นมาใส่ แล้วถามว่า "อะไรกัน?"
เราก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องเก็บของ"
กิง จึงบอกว่า "รีบเก็บของ คนอื่นเค้าย้ายห้องกันหมดแล้ว!"
บอกตามตรงว่าตอนนั้นเก็บของแบบ งง มาก และ งง ว่าจะย้ายไปไหน
พอเปิดประตูออกมา ห้องตรงข้ามเปิดประตูทิ้งไว้ เราจึงมองเข้าไปข้างใน "ไม่มีใครอยู่เลยสักคน"
ตอนนั้นคิดว่า ไม่เป็นไร ห้องอื่นๆ คงมีเพื่อนที่รอย้ายห้องเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่เลย!! ด้วยความที่ว่า ห้องเราเป็นห้องรองสุดท้าย เราจึงต้องเดินผ่านทุกๆห้อง กว่าจะไปถึงลิฟท์
วินาทีนั้น มองห้องถัดมา ผ้าปูที่นอนกระจาย อีกห้องก็สภาพเหมือนกัน และทุกห้อง "ไม่มีคนอยู่เลย"
เราก็เริ่มใจคอไม่ดี จากที่ลากกระเป๋า ตอนนี้เปลี่ยนเป็น หิ้วหูกระเป๋าวิ่งตรงไปยังลิฟท์ไม่คิดชีวิต
พอถึงในลิฟท์ก็ตรวจเช็คสมาชิกว่า ครบ 4 คนมั้ย ก็ครบค่ะ ก็มองหน้ากัน
พอลิฟท์ลงมาอีกชั้น ก็เจอพี่ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในลิฟท์ พร้อมพวกกุญแจพวงใหญ่ เค้าก็มองพวกเรากัน เพราะนี่ก็ ตี 1 แล้ว แต่มีเด็กผู้หญิง 4 คน สีหน้าไม่ดีพร้อมกระเป๋าเดินทางอยู่ในลิฟท์
พี่เค้าจึงถามว่า "มาจากไหนกันเนี่ยน้อง?"
"มาจากห้องพักค่ะ จะย้ายห้อง" เราตอบ
"เอ้า มากับทีมโรงเรียนหรอ?" พี่เค้าทำท่าตกใจ
ลิฟท์ถึงข้างล่างพอดี พวกเราก็เดินมาพร้อมกัน
"ดีเลยพี่ พี่รู้ใช่มั้ยว่าเค้าไปไหนกัน?"
"รู้ซิ ก็เนี่ย พี่ตามมาตราจเช็คความเรียบร้อย กำลังจะตัดไฟแต่ละชั้น เพราะมีแต่พวกน้องพัก ถ้าออกหมดจะตัดไฟแล้ว"
วินาทีนั้นคือ ตกใจมากกก ถ้าพี่ตัดไฟ แล้วเราค้างในนั้น คงหลอนน่าดู (แต่พอโตมา ก็มานั่งคิดนะว่า เวลาทั้งชั้นไม่มีคนพัก โรงแรมเค้าตัดไฟจริงหรอ)
เราก็มองหน้าพี่เค้า ขอบคุณเค้า แล้วก็รีบเดินไปตึกหลัก
บอกตามตรง คนที่ตกใจสุดคือรีเซปชั่น
"พวกหนูมากับคณะโรงเรียนค่ะ เห็นบอกว่าย้ายห้อง เค้าย้ายไปไหนกันคะ?" กิงถาม
"น้องไปอยู่ไหนมาคะ เค้าย้ายกันเป็นชั่วโมงแล้วนะ?" รีเซปชั่นบอก
"อยู่ในห้องมาค่ะ พอดีพึ่งรู้จากเพื่อน" เราตอบ
"งั้น ห้องนี้ค่ะ ไปทางนี้"
บอกตามตรง ตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย ว่าเราไปถึงห้องนั้นได้ยังไง รู้แค่ว่าเกาะๆกันเดินตามทาง จนไปเจอห้องตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าพักนะคะ หลอนแปลกๆ ตึกนี้ น่ากลัวกว่าตึกเดิมอีก
จึงตัดสินใจว่าจะไปนอนห้องเพื่อนที่เคยอยู่ตรงข้ามกันเมื่อตึกเก่า ก็โทรหาเค้า เค้าก็บอกเลขห้อง พอไปถึง เค้าก็เปิดรับเราเลย คือต่างคนต่างกลัววว
พอมาอยู่กันครบ ปลอดภัยในห้อง เราจึงถามกิงว่า "รู้ได้ไงว่าเค้าย้ายห้องกัน?"
คำบอกเล่าจากปากกิง
พวกเราฟัง ก็ตกใจนะ คือกิง ยืนอยู่ที่ประตูห้องตลอด คุยกับแฟน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงนอกห้องเลย กิงบอกว่าเงียบสนิท ปกติดี แต่เพื่อนคนอื่นๆ ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์อพยพบอกว่า "เสียงดังโวยวาย วิ่งหนีตายยังกับตึกจะถล่ม"
จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นะ ว่าทำไมมีแต่ห้องเราที่ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่กิงยืนหน้าประตู และมีเพื่อนผู้ชายรับอาสาเคาะบอกทุกห้อง
บางคนก็บอกว่า เพราะเราดันไปสวดชินบัญชร เค้าเลยแกล้ง บางคนก็บอกว่า เพราะชินบัญชรเลยได้ออกมา อันนี้โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
ต่อๆ กิงบอกว่า จริงๆคุยกับแฟน และทะเลาะกัน คิดว่าจะปิดมือถือหนี แต่แฟนก็พูดดักว่าอย่าปิดมือถือหนีนะ ก็ง้อๆกันอะนะ กิงเลยไม่ปิด ซึ่งก็ต้อง"ขอบคุณแฟนกิงมา ณ ที่นี้"
เพราะ!!! ถ้ากิงปิด ติดในตึกแน่ๆๆๆจ้า เพราะปิดมือถือกันทุกคน มีมือถือกิงเครื่องเดียวที่ยังเปิด
เพื่อนห้องตรงข้ามก็โทรไล่ทุกคน จนมาโทรติดที่เครื่องกิง และถามว่า "พักห้องไหน?"
พอกิงได้ยิน ก็ งง จึงตอบว่า "ก็ห้องตรงข้ามกันไง ลืมหรอ?"
ปลายสายก็ตอบกลับว่า "ตรงข้ามห้องเราเป็นลิฟท์"
กิงจึงถามซ้ำ เพราะคิดว่าอำ จึงได้ความว่า เค้าย้ายห้องกัน ได้ห้องใหม่กันไปหมดแล้ว กิงจึงรู้ตัวว่า งานเข้า เรายังไม่ย้าย จึงตื่นตระหนกบอกเพื่อน ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
คืนนั้น เราก็หลอนกันเอง นอนรวม 8 คนในห้องเล็กๆ มีม่านสีแดง พรมแดง เรานี่จินตนาการล้ำเลิศ คิดว่าสีเหมือนเลือด
ด้วยความที่เตียงไม่พอสำหรับ 8 คนจึงต้องมีคนเสียสละนอนพื้น แต่ตัวเรา นอนเตียงข้างๆเพื่อนคนนึง ซึ่งนอนกำรูปคุณย่าที่เค้าใช้แควนคอแน่น และบอกว่า "ขอให้คุณย่า คุ้มครองทุกคน"
ลึกๆ เราก็ขอบคุณนะ แต่ย่าก็อย่ามาให้เห็นนะ เรามองรูปย่า ซึ่งเป็นสีขาวดำในมือเพื่อน ก็หลอนอีก รูปคนแก่ ก็น่ากลัวไปอีกแบบ
บอกตามตรง คืนนั้นไม่ได้นอนเลย รอแค่ว่า เมื่อไหร่จะเช้า อยากไปจากที่นี่
จริงๆพวกเราไม่มีใครเจอสักคนนะ มีก็แค่เรื่องแปลกๆและหลอนเอง
แต่!!! น้อง ม.4 นี่ซิ มันส์ๆทั้งนั้นจ้าาาาา