[CR] [รีวิวครั้งที่แรกเนปาล] treking Langtang Nation Park + Kathmandu ตอนที่ 1


ก่อนอื่นเลยขออกตัวก่อนนะครับ นี้เป็นรีวิวทริปครั้งแรกของผมและเป็นช่างภาพสมัครเล่น อ่านรีวิวพันทิปมานาน แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส ได้ทำรีวิว เนื่องจากผมเห็นเส้นทาง trekking นี้ในห้องพันทิปยังมีคนรีวิวน้อย วันนี้เลยอาสาขอรีวิวเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวพันทิปครับ  

ด้วยถ้ามีข้อตกบกพร่องตรงไหน หรือมีข้อความ รูปภาพที่ผิดเพี้ยนจากความจริง ตอนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  


เป็นเวลา 1 เดือนพอดีที่ได้ไปเนปาล หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งนั้น ในใจคิดว่าโชคดี แต่ในอีกใจรู้สึกเสียใจมาก ต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินโบราณสถานต่างๆ ขอให้รีวิวทริปนี้เป็นกำใจให้ผู้ประสบภัยทั้งชาวเนปาล และนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุนะคับ

ประเทศเนปาล เป็นประเทศที่น่าเที่ยวมาก เนื่องจากมีทั้งทรัพยากรที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่เก่าแก่  หลังจากเหตุกาณ์นี้สงบ ผมแนะนำให้เป็นประเทศหนึ่งที่น่าไปคับ  ยังช่วยให้เนปาลฟื้นฟูจาก มหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย
อย่างน้อยรีวิวนี้อาจทำให้คนที่อ่านเกิดแรงบันดาลใจ อยากจะไปเที่ยวคับ

จุดเริ่มต้น จากการเห็นกระทู้ this road is mine ที่รีวิว Trekking-Langtang-Gosaikunda แต่เนื่องจากtrek นี้ใช้เวลา 10 วัน แต่มีเวลาจำกัด 6-7 วัน รวมกับเที่ยวในกาฎมัณฑุ
เริ่มจาก สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนมาทริปนี้ 10 อย่าง
1. ฟิตร่างกายมาก่อน สำคัญที่สุด เพราะบนที่สูง ออกซิเจนจะต่ำมาก
2. ยา 2.1 diamox เพื่อลด altitude sickness
         2.2 ยาแก้ปวดลดไข้
         2.3 ยาอื่นๆ เช่น ยาดม
3. รองเท้า ควรเลือกรองเท้า สำหรับ trekking เช่น Northface ควรซื้อของแท้
4. เสื้อกันหนาว +เสื้อกันลม +กางเกงกันลม+ลองจอน + ถุงมือ+ถุงเท้า+หมวก+แว่นกันแดด+ mask มาซื้อที่กาฎมัณฑุ ได้ เกรดประมาณก็อปเอ ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพ เช่น เสื้อและกางเกงกันลม North face 1,200-2,000 รูปี
5. Trekking pole ไว้สำหรับช่วยในการเดินทาง ซื้อที่กาฎมัณฑุได้
6. อาหาร เช่นน้ำพริก หมูหยอง หมูเส้น  แม็คกี้   ขนมไม่ค่อยได้กิน
7. ไฟฉาย เพราะที่นี่ไฟขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ห้องน้ำอยู่นอกที่พัก
8. แป้งโยคี ของถูกคุณภาพดี กันเท้าเหม็น และทิชชู่เปียก
9. ถุงนอน -15 ถึง-20 *Cถ้าไม่มี มาเช่าได้ที่กาฎมัณฑุ วันละ 100 รูปี สำหรับของใหม่ ถ้าเคยใช้แล้ววันละ 80 รูปี
10. กระเป๋าส่วนตัว ควรมีที่รัดเอว น้ำหนักไม่ควรเกิน 5 กิโล โดยเฉลี่ย แล้วแต่ร่างกายแต่ละคน

สำหรับกล้องถ่ายรูป ควรเลือกกล้องที่มีน้ำหนักเบา ในระหว่าง trekking ลำบากมาก
สำหรับ travel insurance ควรเลือก insurance ที่คลุมค่าใช้จ่ายในการขนส่งเวลาป่วยโดยเฮลิคอปเตอร์ เราใช้บริการของ AIG Insurance

จองทัวร์ ใช้บริการของ Adventure Great Himalaya ของคุณ Barbu บริษัทเค้ามีตัวแทนที่ไทยด้วย โอเครยนะสะดวกมากและไว้ใจได้ ติดต่อคุณปูตัวแทนคนไทย หรือคุณบาบูโดยตรงก็ได้ 4 คน 398USD/person ก็ประมาณ 13000Trip นี้ สำหรับค่า trekking 7 วัน รวมค่ารถรับส่ง ค่าโรงแรมกาฏมาณฑุ 3 คืน ที่นอนกะอาหารระหว่าง trek แต่ไม่รวมค่าน้ำ กินเท่าไหร่จ่ายเอง ค่าน้ำจะแพงขึ้นตามความสูง อิๆ มีไกด์ กะลูกหาบ 2 คน รายละเอียดราคาแล้วแต่เส้นทางการเดินกับพวกสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่นรถจี๊ปส่วนตัว น้ำร้อน อะไรงี้


ในรูปคนที่ มีหัวใจนั้นเป็นไกด์ของเรา ชื่อ Gopal mainali เปงไกด์นำทาง ของเราในทริปนี้ ต้องขอบคุณเค้ามากๆ เพราะช่วยเหลือพวกเราเป็นอย่างดี ขณะที่ขึ้นเขานั้น พวกเรามีอาการเหมือน Altitude sickness กันทุกคน โดย เพื่อน 2 คนอาเจียนและหมดแรงมาก ดีที่มีไกด์ คอยช่วยเหลือเราตลอดทาง ส่วนสองคนที่มีเมฆนั้น เป็นลูกหาบครับ ชื่อ ราม ทางขวา และ โฮม ทางซ้าย


แผนการเดินทางของเราคร่าวๆ ครับ


เราเดินทางกันด้วยสายการบินการบินไทยครับ ทราบมาว่าเดินทางจากไทยโดยตรง มีแค่ 2 สาบการบินเท่านั้น คือการบินไทย และ Nepal airlines ครั้งนี้พวกผมใช้บริการการบินไทยครับ ราคาค่าตั๋วประมาณ 13,xxx บาท
การทำ Visa พวกเราทำวีซ่าแบบ on arrival ครับ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 30 นาที จ่ายค่าวีซ่าคนละ 25 ดอลล่า


Everest, Himalaya, Nepal (8848m)
ภาษาของเนปาลเรียกว่า สครมาตา แปลว่า มารดาแห่งจักรวาล


พอลงจากเครื่องก้อมีคนมารับตั้งแต่ที่สนามบินรู้สึกอบอุ่นมากครับ


บรรยากาศที่พักครับ ชื่อ Home heritage Hotel  ที่พักราคารวมกับ ค่าใช้จ่ายที่ได้กล่าวตอนต้นแล้ว ห้องพักก็อยุ่ในเกรดประมาณ 3 ดาว มีข้อเสียที่ ตอนที่พวกเราไปน้ำอุ่นมีปัญหาติดๆดับๆบ้าง ไม่ร้อนเกินไป ก้อเย็นเกินไปไม่ค่อยพอดี


เจดีย์ตาวัดลิง  วัดลิงเป็นวัดที่สถาปัตยกรรมแบบฮินดู มีเจดีย์ที่สวยงาม บนยอดเจดีย์มีสัญลักษณ์รูปตา ซึ่งดูแปลกตา กว่าประเทศไทย รอบฐานเจดีย์มี ระฆัง อันเล็กๆอยู่รอบ ผู้คนที่มาสักการะ


กงล้อมนตรา การหมุน 1 รอบ ถือว่าเป็นการสวดมนต์ 1 จบ


ชื่อ Swayambhunath temple หรือ Monkey temple นั่นเอง ก็ต้องถ่ายติดลิงมาด้วยครับ


วันถัดมา ไป   Boudhanath สถูปโพธินาถ



สถานที่ต่อไป Patan square ที่เห็นในรูปนี้ก่อน เกิด แผ่นไหว 1 เดือนคับ จากที่เห็นในรูปล่าสุดเจดีย์ บางส่วนได้พังทลาย Patan เป็นพระราชวังอันเก่าแก่ของกษัตริย์เนปาล ภายในสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ มีการแกะสลักที่สวยงาม





ต่อไป ไปอีกเมืองชื่อ Bhaktapur คับ ที่นี้สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่คล้ายที่ Patan square ถือเป็นมรดกโลก แต่มีความอลังการ ทั้งตึกรามบ้านช่อง และเจดีย์ ออกแบบในสไตล์เก่า หมด งามและใหญ่





Yak yokurt อร่อยคับ ทำมาจากนม จามรี กินแล้วมีความเป็นโยเกิร์ตสูง มันๆ และไม่มีกลิ่นของ จามรีอยุ่เลยย


Trekking Day 1 Kathmandu-Duncheขึ้นรถ local bus ตอน 7.00 น. นั่งรถบัสจากkathmandu-Dunche 8 ชั่วโมง สภาพรถบัสเหมือนรถหวานเย็น Real Kathmandu จิงๆ รับคนตลอดทาง บางช่วงคนแน่นมากนั่งไปดีดี ระหว่างทางอาจมีผู้ดดยสารมานั่งตักเราได้ สภาพถนน คดเคี้ยวมากกก คนที่เมารถง่ายอาจจะต้องเอายาแก้เมารถมาด้วย ระหว่างทางมีด่านตรวจเป็นระยะ ถ้าไม่ได้ทำ permit มาอาจจะโดนทหารสอยได้


อาหารสไตล์เดียวกันเกือบจะทุกมื้อคับที่สำคัญมีกลิ่นยิ้มทุกมื้อ  ที่ถูกปากคนไทยหน่อยคงจะเป็นข้าวผัดไก่ , และเรามีตัวช่วยที่นำมาจาก ประเทศไทยด้วยเช่นน้ำพริก และ ผงลาบ


Trekking Day 2 Dunche-Sing Gompa ตื่นจากนอนเต็มอิ่มมาเมื่อคืน วันนี้ เริ่มเดิน 7.30   1.5 ชม.แรก เดินทางราบ หลังจากนั้นเดินขึ้นๆ ประมาณ 15 KM เดินในป่า อากาศไม่หนาวมาก plan เดิมเดิน 6-7 ชม. แต่พวกเราใช้เวลา 8 ชม. แต่งชุดธรรมดา และเสื้อกันลม และ mineral water คนละขวด วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยที่สุด นอนที่hotel ที่ Sing Gompa ที่พักระดับติดลบดาว ห้องนอนมีแค่เตียง กะผ้าห่ม ห้องน้ำแยก สภาพแย่มาก วันนี้จะเป็นวันที่ได้ใช้ถุงนอน เพราะที่พักไม่กันหนาววว


ระหว่างทางเดินมีฝูงแพะเดินร่วมทางไปด้วย แต่ต้องมาสิ้นสุดกันที่ สะพานแห่งนี้ครับ เนื่องจากไม่มีแพะตัวไหนกล้าเดินข้ามสะพานนี้ คงต้องรอเด็กเลี้ยงแกะ เจ้ยเด็กเลี้ยงแพะ มาไล่


ตอนแรกของการเดินบรรยากาศสไตล์ป่าคับ ร่มรื่นเย็น แดดอ่อนๆ ที่สำคัญ ณ บริเวณนี้ออกซิเจนยังเยอะครับ เลยไม่มีค่อยมีอาการเหนื่อยง่ายกัล


ร้านอาหารระหว่างทางปีนขึ้นเขาครับ


อย่าเข้าใจผิดนะคับเป็นเพียงท่อน้ำที่ต่อมาจากบนเขา เพียงแต่ acting ผมเยอะไปหน่อยเลย 555




เช้าหลังจากวันแรกของการเดินเขาคับหลังจากหลับสนิท เนื่องจากเพลียมาก พร้อมเดินค่อ  


สภาพบ้านพักที่กล่าวมาด้านต้น




หลังจากเดินเขากันมาคาดว่าประมาณ 30 กิโล เราก้อเริ่มพบกับความหนาวและหิมะ และเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมีแรงที่จะเดินต่อครับ


ระหว่างทางมีหิมะตกร่วมด้วยครับ


" การได้ปีนเทือกเขาหิมาลัย เพื่อชมเขาที่สูงติดอันดับโลก ถือว่าชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว "


ยอดเขาฝั่งตรงข้าม


ทางเดินค่อนข้างจะแคบและอันตรายในบางช่วง ตอนเดินต้องใช้สติ



Day 3 Sing Gompa-Gosaikunde lake via Lauribina pass วันนี้เส้นทางสั้นกว่าวันแรก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ high altitude หรือออกซิเจนต่ำ ทำให้เดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยแล้ว วันนี้เพื่อนร่วมทาง 1 คน มีอาการ altitude sickness>    สภาพอากาศมีทุกรูปแบบ ทั้งเมฆ หมอก ฟ้า ฝน หิมะ ตาม plan เดิม ใช้เวลา 4-5 ชม. พวกเราเดินๆหยุดๆ 10 ชม. แต่วิวรอบทางสวยงามมาก เห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ สลับกับหน้าผาหิมะ ตรงบริเวณใกล้ถึง Gosaikunde lake ทางแคบมาก






ถึงที่พักมืดพอดี ที่พัก ติดลบดาว อีกแล้ว ห้องน้ำแยกเหมือนเดิม  ตอนกลางคืน -0 ถึง -5 *C  พอถึงที่พัก ก็มีเพื่อนป่วยเพิ่มอีกหนึ่งคน ปวดหัว คลื่นไส้ เหนื่อย แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ นอนไม่หลับ หายใจไม่ออก เบื่ออาหาร (อาการ altitude sickness)

http://ppantip.com/topic/33727340 [รีวิวครั้งที่แรกเนปาล]ตอนที่ 2 ครับ
ชื่อสินค้า:   Langtang National park, Nepal
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่