เรื่องนี้ก็เกิดมาหลายปีแล้วคะ ตอนที่เราอยู่ประถม น่าจะระหว่างชั้นป.3ถึงป.4คะ จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่แต่ทุกๆคนเด็กกันมาก
เรื่องมันมีอยู่ว่า โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนเอกชนนับถือคริสต์คะ แต่ก็มีวิชาพระพุทธศาสนา(?)เหมือนโรงเรียนทั่วๆไป ในวันนั้นคุณครูได้เก็บเงินนักเรียนเพื่อจะเอาไปทำบุญหรืออะไรสักอย่าง คนละ5-10บาท ตอนรวบรวมก็ไม่มีอะไรนะคะเงินครบ แต่ในวันถัดไปเมื่อครูได้เข็คเงินอีกครั้ง ครูประจำวิชานั้นก็ได้บอกทุกคนว่า
เงินไม่ครบ!หายไป10บาท... แล้วก็ยังบอกอีกว่า ให้มาบอกครูหรือเอามาคืนภายในวันนี้! ไม่อย่างนั้นคาบในวันต่อไป ครูจะให้พวกเธอทั้งหมดสาบาน!!
เดือดร้อนเลยคะทีนี้ ทุกคนต่างสงสัยกันและกัน และก็มี2คนที่น่าสงสัยที่สุดคะ เพราะเป็นคนรวมเงินเอาไปส่งครู และเป็นคนที่เข้ามาในห้องนี้คนสุดท้าย เราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่ในวันนั้นก็ยังไม่มีใครเอาเงิน10บาทไปคืนครูคะ
ในวันต่อๆมาชั่วโมงพระพุทธศาสนาครูก็ได้ในทุกคนสาบาน สาบานต่อหน้าพระเยซูเรียงตามเลขที่เลย ทุกคนต้องพูดว่า ข้าพเจ้าชื่อ.... ไม่ได้เป็นคนขโมยเงินไป แต่ถ้าเป็นคนเอาไปจริงๆแล้วไม่ได้นำมาคืน ขอให้มีอันเป็นไปภายใน3วัน7วัน...
เราก็ไม่คิดอะไรคะเพราะยังไงเราก็ไม่ได้เอาไปอยู่แล้ว พอทุกคนสาบานเสร็จแล้วครูให้นักเรียนชาย2คนนั้นที่ถูกสงสัยมากที่สุดออกมาแล้วก็สาบานเหมือนทุกๆคนคะ(เน้นให้อยู่สุดท้าย)
พอกลับมาคิดเรารู้สึกผิดหวังในตัวครูมากคะ มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ที่คุณครูดูจะแคร์เงิน10บาทนี้ จนสั่งให้นักเรียนยอมพูดว่าขอให้ตัวเองมีอันเป็นไปภายใน3วัน7วัน ในเมื่อครูสงสัยนักเรียน2คนนั้น ครูก็ต้องคิดแล้วว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นคนขโมยแน่ หรือไม่ก็ คนใดคนหนึ่งในห้องเป็นคนทำ และในที่สุดครูก็ได้หาทางออกด้วยการให้สาบาน... เรารู้ว่าครูไม่อยากให้นักเรียนเป็นหัวขโมยหรือโกหก แต่ถ้าต้องให้แช่งตัวเองให้ตายเนี่ยมันไม่แรงไปหน่อยเหรอคะ?
ถ้าคนที่ขโมยไปเขากลัวเรื่องไปถึงพ่อแม่ล่ะ? กลัวติดคุกหรืออาจจะกลัวเพื่อนๆเบนล่ะคะ? ตอนนั้นทุกคนยังเด็ก ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เท่าที่ควร ไม่รู้ถูกผิด เลยอาจจะทำได้แค่การโกหก...
อย่างนี้มันสมควรแล้วใช่มั้ยคะที่จะให้เขาตาย...
ผลสรุปก็ไม่ใครเสียชีวิตหรอกคะ เพียงแต่หลายเดือนต่อมา มีคนย้ายออกไปก็เท่านั้นเอง แต่จริงๆก็อาจจะเป็นเรื่องงานของพ่อแม่ก็ได้
แรงไปมั้ย?เมื่อครูในเด็กนักเรียนสาบานทั้งห้อง...
เรื่องมันมีอยู่ว่า โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนเอกชนนับถือคริสต์คะ แต่ก็มีวิชาพระพุทธศาสนา(?)เหมือนโรงเรียนทั่วๆไป ในวันนั้นคุณครูได้เก็บเงินนักเรียนเพื่อจะเอาไปทำบุญหรืออะไรสักอย่าง คนละ5-10บาท ตอนรวบรวมก็ไม่มีอะไรนะคะเงินครบ แต่ในวันถัดไปเมื่อครูได้เข็คเงินอีกครั้ง ครูประจำวิชานั้นก็ได้บอกทุกคนว่า
เงินไม่ครบ!หายไป10บาท... แล้วก็ยังบอกอีกว่า ให้มาบอกครูหรือเอามาคืนภายในวันนี้! ไม่อย่างนั้นคาบในวันต่อไป ครูจะให้พวกเธอทั้งหมดสาบาน!!
เดือดร้อนเลยคะทีนี้ ทุกคนต่างสงสัยกันและกัน และก็มี2คนที่น่าสงสัยที่สุดคะ เพราะเป็นคนรวมเงินเอาไปส่งครู และเป็นคนที่เข้ามาในห้องนี้คนสุดท้าย เราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่ในวันนั้นก็ยังไม่มีใครเอาเงิน10บาทไปคืนครูคะ
ในวันต่อๆมาชั่วโมงพระพุทธศาสนาครูก็ได้ในทุกคนสาบาน สาบานต่อหน้าพระเยซูเรียงตามเลขที่เลย ทุกคนต้องพูดว่า ข้าพเจ้าชื่อ.... ไม่ได้เป็นคนขโมยเงินไป แต่ถ้าเป็นคนเอาไปจริงๆแล้วไม่ได้นำมาคืน ขอให้มีอันเป็นไปภายใน3วัน7วัน...
เราก็ไม่คิดอะไรคะเพราะยังไงเราก็ไม่ได้เอาไปอยู่แล้ว พอทุกคนสาบานเสร็จแล้วครูให้นักเรียนชาย2คนนั้นที่ถูกสงสัยมากที่สุดออกมาแล้วก็สาบานเหมือนทุกๆคนคะ(เน้นให้อยู่สุดท้าย)
พอกลับมาคิดเรารู้สึกผิดหวังในตัวครูมากคะ มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ที่คุณครูดูจะแคร์เงิน10บาทนี้ จนสั่งให้นักเรียนยอมพูดว่าขอให้ตัวเองมีอันเป็นไปภายใน3วัน7วัน ในเมื่อครูสงสัยนักเรียน2คนนั้น ครูก็ต้องคิดแล้วว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นคนขโมยแน่ หรือไม่ก็ คนใดคนหนึ่งในห้องเป็นคนทำ และในที่สุดครูก็ได้หาทางออกด้วยการให้สาบาน... เรารู้ว่าครูไม่อยากให้นักเรียนเป็นหัวขโมยหรือโกหก แต่ถ้าต้องให้แช่งตัวเองให้ตายเนี่ยมันไม่แรงไปหน่อยเหรอคะ?
ถ้าคนที่ขโมยไปเขากลัวเรื่องไปถึงพ่อแม่ล่ะ? กลัวติดคุกหรืออาจจะกลัวเพื่อนๆเบนล่ะคะ? ตอนนั้นทุกคนยังเด็ก ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เท่าที่ควร ไม่รู้ถูกผิด เลยอาจจะทำได้แค่การโกหก...
อย่างนี้มันสมควรแล้วใช่มั้ยคะที่จะให้เขาตาย...
ผลสรุปก็ไม่ใครเสียชีวิตหรอกคะ เพียงแต่หลายเดือนต่อมา มีคนย้ายออกไปก็เท่านั้นเอง แต่จริงๆก็อาจจะเป็นเรื่องงานของพ่อแม่ก็ได้