เรื่องย่อ : เกี่ยวกับการภัยพิบัติแผ่นดินไหว-ซึนามิบนเมืองชายฝั่งอย่างซานฟรานและลอสแองเจลิส อันเนื่องมาขยับตัวขึ้นของเปลือกโลก, แน่นอน พระเอกและครอบครัวของเราต้องมีเอี่ยวอยู่แล้ว
ก็ถือว่าเป็นหนังภัยพิบัติอีกเรื่องหนึ่งที่มีหน้าหนังที่น่าสนใจและมีฉากโชว์ซีจีสุดอลังการปล่อยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากได้สัมผัสตัวหนังจริงๆแล้วก็ยอมรับว่าในฉากความพินาศย่อยยับนั้น สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆแต่ก็ยังมีบางฉากที่ยังดูขัดหูขัดตานิดหน่อยเช่นฉากเขื่อนเป็นต้น แต่โดยรวมก็ต้องซูฮกให้งานภาพอลังการตรงนี้ไว้
...แต่อย่างงั้นก็เถอะ นอกจากฉากพินาศที่สวยงามแล้ว, San Andreas ก็แทบจะไม่มีจุดเด่นในด้านอื่นของหนังเลย ซึ่งจุดด้อยที่น่าเสียดายที่สุดคงเป็นชุดนักแสดงที่ไม่ลงตัว และการแสดงที่แข็งๆดูไม่สมบทบาทซักเท่าไหร่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการจับ The Rock-Dwayne Johnson มาเล่นบทดราม่าครอบครัวก็ยังไม่ใช่ไอเดียที่ดีซักเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีเคมีไม่เข้ากันกับภรรยาอย่าง Emma (Carla Gugino)อีก จึงเรียกได้ว่าพากันพังไปแถบๆ
แต่ตัวละครที่เป็นสีสันจริงๆคงหนีไม่พ้นเจ้าหนู Olle (Art Parkinson)ในบทบาทน้องชายตัวแสบที่มาพร้อมกับไดอะล็อคแก่แดดแก่ลมชวนหยิก ซึ่งก็คาดว่าผู้ชมหลายๆท่านก็คงจะติดใจเจ้าหนูนี่ไม่น้อย (ถ้าไม่นับฉากแช่งนางเอกตอนท้ายล่ะก็นะ)
ประเด็นขับเคลื่อนหนังก็ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเก่าๆเดาได้ ซึ่งนอกจากหนังจะขายความวินาศสันตะโรให้เราดูฟินๆแล้ว หนังก็ยังแทรกประเด็น 'ครอบครัวเจ้าปัญหา' เข้ามาเป็นตัวเดินเรื่องด้วย, ซึ่งก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่านักแสดงชุดนี้ก็ยังดึงเราให้เข้าถึง 'ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน' ของครอบครัวไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งหนังเองก็ไม่ค่อยจะให้โอกาสเราได้สัมผัสแง่มุมความเป็นคนของตัวละครเท่าไหร่นัก จึงอาจจะเกิดปัญหาจูนอารมณ์ไม่ติดเสียที
โดยปกติแล้วเสน่ห์ของหนังแนวนี้ คือ dilemma ระหว่างความสำคัญของหน้าที่-ครอบครัวที่พระเอกจะต้องตัดสินใจเลือก ซึ่งอาจชมตัวอย่างความสำเร็จจากหนังรุ่นพี่อย่าง The Day After Tomorrow หรือ 2012 ได้, แต่กับ San Andreas ก็ไม่ได้มีการเล่นในประเด็นนี้อย่างน่าเสียดาย
แต่ก็แอบตลกในความไม่จงใจของหนังเรื่องนี้อยู่เรื่องหนึ่ง คือความตู้มของสาวน้อยอย่าง Blake (Alexandra Daddario)ซึ่งเรียกได้ว่ามาอยู่ได้ผิดที่ผิดทางมากๆ (ไม่ใช่ผู้เขียนคนเดียวใช่มั้ยที่คิดแบบนี้)เล่นเอาผู้ชมเขวจากตัวหนังไปหลายครั้งหลายตอน ซึ่งผู้เขียนสามารถสัมผัสได้จากเสียงกรีดร้องของเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายที่อยู่ในโรง โดยเฉพาะฉากเปียกน้ำนี่ถึงกับมีเสียงลอยมาตามอากาศว่า 'เปียกแล้วโว้ย' เลยทีเดียว
"San Andreas เป็นหนังภัยพิบัติอีกเรื่องหนึ่งที่มีฉากสุดอลังการน่าสนใจ แต่กลับสอบตกในแง่มุมของเนื้อเรื่องที่ขาดความดึงดูดใจ อีกทั้งตัวละครก็ยังขาดเสน่ห์ไม่น่าจดจำเสียเท่าไหร่ จึงเป็นหนังที่คงจะผ่านมาและผ่านไปอีกเรื่องหนึ่ง ขอแนะนำให้ดูในระบบ IMAX หรือหาโรงใหญ่ๆเข้าว่าไว้ "
ป.ล. +1คะแนนให้กับนม Blake
ป.ล.2 เป็นหนังที่ไม่มีอะไรให้รีวิวจริงๆ
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 7+1/10
God be with you by Kanok Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ :
https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1
Movie Review : San Andreas - ภูมิใจเถอะทูนหัว มีผัวเป็นกู้ภัย
ก็ถือว่าเป็นหนังภัยพิบัติอีกเรื่องหนึ่งที่มีหน้าหนังที่น่าสนใจและมีฉากโชว์ซีจีสุดอลังการปล่อยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากได้สัมผัสตัวหนังจริงๆแล้วก็ยอมรับว่าในฉากความพินาศย่อยยับนั้น สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆแต่ก็ยังมีบางฉากที่ยังดูขัดหูขัดตานิดหน่อยเช่นฉากเขื่อนเป็นต้น แต่โดยรวมก็ต้องซูฮกให้งานภาพอลังการตรงนี้ไว้
...แต่อย่างงั้นก็เถอะ นอกจากฉากพินาศที่สวยงามแล้ว, San Andreas ก็แทบจะไม่มีจุดเด่นในด้านอื่นของหนังเลย ซึ่งจุดด้อยที่น่าเสียดายที่สุดคงเป็นชุดนักแสดงที่ไม่ลงตัว และการแสดงที่แข็งๆดูไม่สมบทบาทซักเท่าไหร่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการจับ The Rock-Dwayne Johnson มาเล่นบทดราม่าครอบครัวก็ยังไม่ใช่ไอเดียที่ดีซักเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีเคมีไม่เข้ากันกับภรรยาอย่าง Emma (Carla Gugino)อีก จึงเรียกได้ว่าพากันพังไปแถบๆ
แต่ตัวละครที่เป็นสีสันจริงๆคงหนีไม่พ้นเจ้าหนู Olle (Art Parkinson)ในบทบาทน้องชายตัวแสบที่มาพร้อมกับไดอะล็อคแก่แดดแก่ลมชวนหยิก ซึ่งก็คาดว่าผู้ชมหลายๆท่านก็คงจะติดใจเจ้าหนูนี่ไม่น้อย (ถ้าไม่นับฉากแช่งนางเอกตอนท้ายล่ะก็นะ)
ประเด็นขับเคลื่อนหนังก็ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเก่าๆเดาได้ ซึ่งนอกจากหนังจะขายความวินาศสันตะโรให้เราดูฟินๆแล้ว หนังก็ยังแทรกประเด็น 'ครอบครัวเจ้าปัญหา' เข้ามาเป็นตัวเดินเรื่องด้วย, ซึ่งก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่านักแสดงชุดนี้ก็ยังดึงเราให้เข้าถึง 'ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน' ของครอบครัวไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งหนังเองก็ไม่ค่อยจะให้โอกาสเราได้สัมผัสแง่มุมความเป็นคนของตัวละครเท่าไหร่นัก จึงอาจจะเกิดปัญหาจูนอารมณ์ไม่ติดเสียที
โดยปกติแล้วเสน่ห์ของหนังแนวนี้ คือ dilemma ระหว่างความสำคัญของหน้าที่-ครอบครัวที่พระเอกจะต้องตัดสินใจเลือก ซึ่งอาจชมตัวอย่างความสำเร็จจากหนังรุ่นพี่อย่าง The Day After Tomorrow หรือ 2012 ได้, แต่กับ San Andreas ก็ไม่ได้มีการเล่นในประเด็นนี้อย่างน่าเสียดาย
แต่ก็แอบตลกในความไม่จงใจของหนังเรื่องนี้อยู่เรื่องหนึ่ง คือความตู้มของสาวน้อยอย่าง Blake (Alexandra Daddario)ซึ่งเรียกได้ว่ามาอยู่ได้ผิดที่ผิดทางมากๆ (ไม่ใช่ผู้เขียนคนเดียวใช่มั้ยที่คิดแบบนี้)เล่นเอาผู้ชมเขวจากตัวหนังไปหลายครั้งหลายตอน ซึ่งผู้เขียนสามารถสัมผัสได้จากเสียงกรีดร้องของเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายที่อยู่ในโรง โดยเฉพาะฉากเปียกน้ำนี่ถึงกับมีเสียงลอยมาตามอากาศว่า 'เปียกแล้วโว้ย' เลยทีเดียว
"San Andreas เป็นหนังภัยพิบัติอีกเรื่องหนึ่งที่มีฉากสุดอลังการน่าสนใจ แต่กลับสอบตกในแง่มุมของเนื้อเรื่องที่ขาดความดึงดูดใจ อีกทั้งตัวละครก็ยังขาดเสน่ห์ไม่น่าจดจำเสียเท่าไหร่ จึงเป็นหนังที่คงจะผ่านมาและผ่านไปอีกเรื่องหนึ่ง ขอแนะนำให้ดูในระบบ IMAX หรือหาโรงใหญ่ๆเข้าว่าไว้ "
ป.ล. +1คะแนนให้กับนม Blake
ป.ล.2 เป็นหนังที่ไม่มีอะไรให้รีวิวจริงๆ
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 7+1/10
God be with you by Kanok Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1