+ + + (episode 2) ขบวนการฟอกป่า โกงชาติ เขมือบเกาะ "อภินิหารเจ้าสัว" + + +

ขบวนการฟอกป่า โกงชาติ เขมือบเกาะ (episode 2) "อภินิหารเจ้าสัว"
มีความพยายามที่จะนำ "เกาะช้าง" ไปเทียบชั้นลอกเลียนแบบ "เกาะสมุย"
โดยต่อไปจะมีทั้งสนามบิน ท่าเรือเฟอร์รี่ โรงแรม รีสอร์ท ขายบ้านพักหรูพร้อมที่ดินให้คนรวย เพราะศักยภาพของเกาะช้างยังสามารถพัฒนาได้อีกมากมาย
ในขณะที่เกาะสมุยพื้นที่เต็ม "นักการเมืองคนดีห่มเหลือง มือถือสากปากถือศีล" เข้าไปยึดครอง และ "บางกอกแอร์เวย์" เข้าไปพัฒนาสนามบินอยู่นานแล้ว จนทำให้ปัจจุบันที่ดินบูมขึ้น มีราคาแพงมหาศาล
เกาะช้างจึงกลายเป็นเป้าหมายของ "เจ้าสัวหน้าเลือด" ที่จะพัฒนาให้เป็นเหมือน "เกาะสมุย" เพื่อโกยกำไรเป็นกอบเป็นกำเข้ากระเป๋าตัวเอง
"คนเก่ง (โกง) ในโลกนี้เป็นของเรา วัตถุดิบ (ทรัพยากร) ในโลกนี้เป็นของเรา เงินในโลกนี้เป็นของเรา ที่ใดมีโอกาส (ผูกขาด) ที่นั่นเป็นของเรา"
นี่เป็นความคิดของตระกูลนักผูกขาดประเทศไทย โดย "เจ้าสัว ธ.” แห่ง "กงสีใหญ่" เป็นผู้อัดฉีดเงินทุน และให้ "เจ้าสัว จ.” ญาติผู้พี่ เป็นผู้ออกหน้าประสานงาน และแขวนชื่อ "เจ้าสัว ธ.” ไว้เป็นเพียงที่ปรึกษา เพื่อเป็น "ยันต์กันผี" แผ่บารมี
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาทำกันอย่างเปิดเผย ทุกอย่างจึงผ่านกระบวนการ "นอมินี" อาศัยความดีความชอบและชื่อเสียงของ "เจ้าสัว ธ.” เป็นหลักประกัน และบุญคุณที่อ้างว่า "ผลประโยชน์ของประเทศชาติต้องมาก่อน ผลประโยชน์ของบริษัทมาทีหลัง"
กระบวนการยำ ส.ค.1 ผ่านเจ้าหน้าที่รัฐ แปลงสมบัติของชาติ มาเป็นของตัวเอง มีดังต่อไปนี้
1. กงสีใหญ่ (เจ้าสัว ธ.) เป็นที่ปรึกษาและจัดสรรเงินทุน
2. "เจ้าสัว จ.” เป็นผู้ดำเนินการ
3. ผ่าน "นอมินี พ.” ในพื้นที่ และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
4. สรรหา ส.ค.1 ในพื้นที่เป้าหมายที่ต้องการ
5. ผ่านกระบวนการยำ ส.ค. 1 โดยการร่วมมือของเจ้าหน้าที่
ส.ค.บิด (ไม่เคยมีเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 มาก่อน แต่ใช้วิธีการสวม แอบอ้าง)
ส.ค.บวม (มีเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 อยู่อีกที่ แต่ทำเลไม่ติดชายหาด ก็ย้ายมาอยู่ในทำเลสวยที่ต้องการ)
ส.ค.บวม (เอกสารสิทธิ์มีพื้นที่อยู่น้อย จึงขยายให้มีจำนวนมากขึ้น)
6. ออกมาเป็นโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย
การจัดการกับนายทุนระดับ "เจ้าสัว" และ "กงสีใหญ่" ไม่ใช่จะกระทำกันได้ง่ายๆ เพราะมีคอนเนคชั่น ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ มีเงินทุนมหาศาลพร้อมที่จะจ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อบิดเบือนทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นของตนเองโดยไม่มีใครกล้าหือ
เปรียบเทียบกับร้านลาบ ร้านปลาเผา รีสอร์ทริมทาง ริมเขื่อน ริมอุทยานฯของชาวบ้าน หรือหาบเร่แผงลอยริมถนน กลับจัดการได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย เพียงแค่ลัดนิ้วมือชี้สั่งการ วันรุ่งขึ้นอันตรธานหายไปเรียบร้อย
แต่เมื่อไปเจอกับระดับ "เจ้าสัว ธ. กงสีใหญ่" หากจะงัดข้อคงต้องคิดให้มาก เพราะถูกย้ายออกนอกพื้นที่ไปนักต่อนักโดยไม่ทันตั้งตัว
วันที่ 1 เดือนหน้านี้ มีนโยบาย "กวาดล้างผู้บุกรุกป่า 6 แสนไร่" แบ่งเป็นพื้นที่ป่า 4 แสนไร่ พื้นที่อุทยาน 2 แสนไร่ ตามข้อมูลเชิงลึกของผม รับประกันว่าไม่มีพลาด มีเรื่องราวลึกลับดำมืดอีกเป็นจำนวนมาก ไปตรวจเมื่อไหร่ เป็นเจอเมื่อนั้น เช่นเดียวกับ "คีรีมายา" เขาใหญ่
แต่เรื่องของเรื่องคือ "เอาความเงียบ มาสยบความเคลื่อนไหว" ไม่เถียง ไม่โต้ ไม่พูด เจ้าหน้าที่รัฐทำตัวเป็น "พระเตมีย์ใบ้" เสียอย่าง "องคุลีมาล" อย่างผมจะไปทำอะไรได้?
หากฟ้าดินมีจริงโปรดเป็นพยานสาปแช่ง ให้พวกที่เอาผืนป่ามรดกของชาติมาเป็นของตัวเอง รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ความร่วมมือ ตกนรกหมกไหม้ไปยันชั่วลูกชั่วหลานชั่วกัปชั่วกัลป์
ประเทศไทยยามนี้ พึ่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทางกฎหมาย ก็ขอพึ่งกฎแห่งกรรมเอาก็แล้วกัน
ปล. “เจ้าสัว จ.” ไม่ใช่นายเจริญ เบียร์ช้าง



   ผมเชื่อว่าข่าวไม่ออกแน่นอน ค่าโฆษณามันอุดปาก สู้ต่อไปครับ เฮียชูวิทย์ เพี้ยนกินมาม่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่