ฮัลโหล
นี่คือการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเรานะคะ การเขียนก็อาจจะกากๆเหมือนคนเขียนอะค่ะ
คือ วันก่อนค่ะ ไปอ่านสเตตัสเพื่อนในเฟสเล่าเรื่องการไปเวิคมาแล้วแบบ คันปากมาก อยากเล่าของตัวเองมั่ง
ถ้าคุณอยากรู้ว่า การทุ่มเงินทั้งหมดไปกะการไปเวิค-แล้วโดนลอยแพ-ต้องย้ายเมือง-โดนขู่ตัดวีซ่า-ซ้ำยังโดนแฟนที่คบมาเกือบ 7 ปีทิ้ง-ว่างงานเป็นเดือน-ได้งานฟาสฟู้ดสุดโหด-สุดท้ายก่อนกลับ วางแผนเที่ยวให้พ่อแม่บินจากไทยมาเที่ยวด้วยกันที่เมกา กลับได้เที่ยวคนเดียวเป็นยังไง!!!!!!!!!
ยินดีด้วยค่ะ คุณมาถูกทางละ หึ!
คืองี้ เราเคยไปเมกาทั้งหมด สามครั้ง ครั้งแรกเคยไปแลกเปลี่ยนตอน ม.5 ที่ Great Falls,Montana ครั้งที่สอง ไปเวิคที่ฟลอริด้า ครั้งที่สามนี่ไปที่ Gillette รัฐ Wyoming แล้วย้ายไป Great Falls รัฐ Montana ค่ะ อย่าคาดหวังว่าภาษาเราจะดีขั้นเทพ เอาแค่แบบไปวัดไปวากวนตีนฝรั่งได้พอ คิคิ
ปล.ใครอ่านกระทู้นี้แล้วรู้จักพ่อแม่เรา อย่าเอาให้ท่านอ่านนะคะ เดี๋ยวท่านไม่ให้ไปนอกอีก 5555
เริ่มเลยละกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้น 2 ปีที่แล้ว เราจบปีสี่ จาก ม.เกษตร เคยไปเวิคมาแล้วครั้งนึง หมดตูดเกลี้ยง เพราะปาร์ตี้กระจุยด้วย งานได้เงินน้อยด้วย ค่าบ้านแพงด้วย (ข้ออ้างทั้งนั้น 555) แต่ประสบการณ์พรั่งพร้อมมาก เลยกะว่า เอาวะ ครั้งนี้ พี่จะเก็บเงิน แล้วเที่ยวให้แหลก เหลือกลับไทยสักสองสามหมื่นบาทเกร๋ๆ หะหะ เราเลือกไปกะเอเจนซี่ที่เจอในมหาลัย ชื่อ ไอ แอะ แฮ่ม.... อยากบอกมากกกกกกกกกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ ไปเดาเอาเอง ไม่อยากดิสเครดิตค่ะ
ด้วยความที่ plan ว่าไปเวิคครั้งนี้เสร็จแล้วจะไปเยี่ยมโฮสด้วย เลยเลือกเมือง Gillette รัฐ Wyoming ซึ่งโฮสมัมอยู่เมือง Riverton ในรัฐ Wyoming เช่นกันและทั้งสองเมืองอยู่ใกล้กันพอสมควร ส่วนโฮสแด๊ดอยู่ Great Falls, Montana ที่เดิม (พวกเขาหย่ากันแล้วค่ะ) ซึ่งก็ไม่ไกลจาก Gillette มากเท่าไร
Gillette ไม่ใช่เมืองมีดโกนแต่เมืองคาวบอยเล็กๆ ออกแนวบ้านนอก เงียบๆ ไม่ค่อยมีผับบาร์ให้เที่ยว เราได้งานที่ Burger King เรทเงินสูงถึง 8 ดอลต่อ ชม. ค่าเช่าบ้านอาทิตย์ละ 75 ดอล จากการคำนวณของเด็กสายศิลป์ ที่วิชาคณิตไม่เคยได้เกรดมากกว่า C คำนวณแล้วว่า
เสร็จโจ๋!!! หักนู่นนี่แล้ว กุต้องมีเงินเหลือไปเกรียนที่ฮอลลีวูดก่อนกลับไทยแน่ ฮ่าๆๆๆๆ
ปัญหาแรกที่เป็นลางร้ายอย่างชัดเจนคือ การสับสนเรื่องการโอนเงินให้เอเจนซี่ ระวังดีๆนะคะ ใครที่คิดจะไป ต้องจดและทบทวน และย้ำ ขอให้ย้ำกะเอเจนซี่ชัดๆเกี่ยวกับการโอนเงินว่าโอนไปแล้วกี่งวด เหลืออีกกี่บาท เอาให้แน่นอนนะคะ
ปัญหาที่สอง ตามมาติดๆค่ะ เรื่องการซื้อตั๋ว อันนี้ติดต่ออีกเอเจนซี่นึง ซึ่งหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะบิน พี่เค้าโทรมาบอกว่า บุ๊คไฟลท์ที่ต่อจากแอลเอไปจิลเลทผิด คือพวกเราจะบินมาถึงแอลเอตอน 10 โมงเช้า แต่ไฟลท์ต่อที่จะบินไปจิลเลทออก 7 โมงเช้า เออะ ก็อึ้งกันไป พี่เค้าบอกจะบุ๊คให้ใหม่ แต่ให้เราเสียเงินเพิ่มเพราะยังไงไฟลท์ถัดมาก็แพงกว่าอยู่ดี เราด้วยเป็นคน นิสัยไม่ค่อยดีหรือยังไงดี ฮ่าๆ ก็ไม่ยอมจ่ายค่ะ บอกนี่มันไม่ใช่ความผิดหนู Fight เต็มที่ สุดท้าย พี่เค้าเปลี่ยนให้เป็นอีกวัน ซึ่งต้องนอนในสนามบิน 1 คืนจึงจะไม่เสียเงินเพิ่มสามพันเพิ่มหรือเท่าไร จำไม่ค่อยได้ ยอมค่ะ ญ จุดๆนี้ บัทเจ็ทหมดแล้วด้วย
(แต่ขอบอกเพิ่มนิดนึง พี่เอเจนซี่คนนี้ดูแลดีค่ะ เราเปลี่ยนตั๋วเป็นสิบรอบก็ไม่บ่น พ่อแม่เราแคนเซิลตั๋วบินมาเมกา ก็บริการให้อย่างดี และตอนนี้เราจะไปเรียนต่อแคนาดา เค้าก็ดูแลให้เราอย่างดีค่ะ)
ตอนบินมาถึง แอลเอ เอาเลยค่าแจ็คพอตครั้งที่สาม ขณะที่ลังเลกับเพื่อนว่าจะหา รร พักหรือนอนสนามบินดี เอ้อ ลืมบอกไป ตอนบินมานี่ ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกสองคนจากทางเอเจนซี่แรก ต่อๆ ก็เจอผู้ชายนางหนึ่งหน้าแนวเอเชี่ยนแต่ภาษาค่อนข้างดีสำเนียงออกเมกัน มาชวนเรากะเพื่อนให้ไปพัก รร ใกล้ๆ เค้ามีส่วนลดนู่นนี่นั่น เดี๋ยวโทรเรียกรถให้ พวกเราก็บอกไม่เอา ไม่ไปๆ แล้วเราก็เดินหนีกันค่ะเดินมาเรื่อยๆ หาที่นั่งพักวางของกันได้แล้ว จู่ๆ นายคนนี้ก็เดินมาชวนให้ออกไปดูสนามบิน บอก สนามบินที่นี่ สร้างเป็นรูปตัว แอลและ เอ เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ด้วยความที่อยากได้รูปสวยๆก็เออ เอาวะ แค่เดินออกไปดูเฉยๆ ไม่ได้ออกจากบริเวณสนามบินสักหน่อย มันไม่ได้หลอกไปขายหรอก ก็เลยออกไปกัน มีเราและเพื่อนอีกคนที่ออกไปดู อีกคนไม่ไป ยอมเฝ้ากระเป๋าให้ พอเดินออกไปนอกตัวอาคาร ปรากฏ เออ จริง เป็นรูปแอลเอจริงๆ จริงป่าวไม่รู้ หรือมโนตามไอ้โรคจิตนั่น แต่เหตุการณ์เริ่มไม่ดี เพราะผช คนนั้นเค้าบอกอยากได้รูปคู่พวกเรา แล้วรวบพวกเรามาโอบ แล้วยื่นกล้องมาถ่าย พอเขยิบหนี
ก็ยังรวบมากอดพยายามเอาตัวมาชิดพวกเรา จนเราและเพื่อนรู้สึก เห้ย มันไม่ใช่แล้วว่ะ และเรารู้สึกถึงอวัยวะ ==! หือออออ นึกถึงแล้วอยากจะกลับไปกระโดดเตะหน้าไอแปะนั่น เลยรีบบอกลามันและรีบหนี
ปกติเรามีเพื่อนฝรั่งเยอะนะคะ การกอดในลักษณะเพื่อน ทักทาย ถ่ายรูป มันไม่ใช่แบบนี้แน่นอนค่ะ ยืนยันค่ะ พี่ยืนยัน หยึยยยย
เหมือน LA ไหมมมม ช่วยมโนด้วยค่ะ 555 (ขอเบลอภาพนิดนึง)
แจ๊คพ็อต อันที่สี่ คือ โอเค เดินทางมาถึงเมืองแล้ว สามีของผจก.ร้านก็มารับพวกเราไปบ้านพัก ไปถึง ก็เจอเพื่อนชาวไทยอีกสามคน และคนเปรูที่ยังไม่กลับประเทศหนึ่งคน โอเค บ้านดี อะไรดี ไม่อึดอัด มีเน็ต มีหลายห้อง ห้องครัวหรูดูดี ห้องนอนมีเตียงสองชั้น ผ่านค่ะ มีรถเก๋งคันเล็กหนึ่งคันให้เบียดกันไปทำงาน เราไม่รู้นะคะว่ารถมันรุ่นไหน แต่มันเล็กมากจริงๆ ขนาดที่นั่งเล็กกว่า Honda Jazz ซะอีก ตอนนี้พวกเราทั้งหมด มี 7 คน ไม่มีใครมี Driver license เลยสักคน ปัญหาคือ เบอร์เกอร์คิงที่เมืองนั้น มีสองสาขา เวลาเข้างานของทุกคนไม่ตรงกัน คนที่ขับรถและจำทางกลับบ้านได้มีอยู่ 2 คน บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานประมาณ 15-20 นาที ถ้าหิมะตกก็นานกว่านั้นค่ะ สาขาทั้งสองอยู่ห่างกันเหมือนเมอจอร์รัชโยธินไปสะพานควาย เข้าใจตรงกันนะคะ เดินไปหากันไม่ได้ ใครที่ทำงานสิบโมงเช้าก็ต้องตื่นไปพร้อมกับคนทำงานเจ็ดโมงเช้า เจ็ดคนอัดกันไปในรถคันเล็กๆ วนไปส่งทั้งสองสาขา แต่ละคนก็ตัวเล็กกันซะที่ไหนล่ะ เห้อออออออ
บรรยากาศในบ้านพัก
การเดินทางไปทำงานที่แสนลำบากนี่ไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่นายจ้างนี่แย่สุดๆ สาขาที่เพื่อนเราทำอยู่ เรียก ผจก.ว่ายัยแม่มดเชอรี่ค่ะ นางชื่อ เชอรี่ นางโหด นางใช้สายตา และคำพูดพิฆาต โยนของใส่ แต่อันนี้เราไม่ได้สัมผัสค่ะ เลยไม่ค่อยซาบซึ้งเท่าไหร่นัก แต่เจ็บปวดแทนเพื่อนที่ให้เพื่อนไปนั่งรอตั้งแต่ เจ็ดแปดโมง แล้วเรียกไป clock-in ทำงานช่วงเที่ยง แค่ชม.สองชม.แล้วไล่ให้กลับบ้านเป็นอาทิตย์ อันนี้เรายอมไม่ได้ แกนนำอย่างเราต้องทำอะไรสักอย่างค่ะ จริงๆ สาขาเราไม่โดนทำแบบนี้นะคะ ให้เข้างานตามปกติ เราเคยโดนแบบนี้แค่ครั้งเดียวคือ ให้มาทำครึ่งชม.แล้วให้กลับบ้าน
ทำงานมาได้สักอาทิตย์ก็ได้ยินว่ามีเด็กไทยอีกกลุ่มมาทำงานแมคโดนัลในเมือง กำลังจะจัดปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนท์หลัง Walmart มีชาวต่างชาติหลายชาติที่มาเวิคอยู่ที่นั่นด้วย แล้วมีเหรอคะ ที่เราจะพลาด โฮะๆ โนเวย์ค่ะ ฮ่าๆๆๆ ไปสิคะ รออะไร ขาไปนี่ก็มีเหตุการณ์เขย่าขวัญเบาๆ ขณะถึงทางแยกมืดๆ คือเมืองบ้านนอก เสาไฟไม่ค่อยมีทั่วอะค่ะ ก็มีรถคันนึงขับมาเฉี่ยวชนไฟหน้าแตก เอี๊ยดดดดดดดดดดด บึ่ง!!!! แล้วก็หนีไปอย่างไว จะให้น้องเค้าขับตามไปก็ไม่ได้ คนขับไม่มีใบขับขี่ จบบบบบ ไปปาร์ตี้ต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอๆ เพราะปาร์ตี้สำคัญที่สุด (ไอประโยคนี้ล่ะค่ะ คุณผู้ชม ที่จะมาเล่นงานอิฉันและผองเพื่อนในภายหลัง เหอะๆ)
และแล้วก็ตามธรรมเนียมค่ะเราก็หิ้วเบียร์ไปหนึ่งลังเกร๋ๆ ไปถึงก็เจอรุ่นน้อง ญว. (หาดใหญ่วิทยาลัย) น่ารักมากเลย เข้ามาทักบอกว่าเราหน้าคุ้นๆ เราก็แบบ อ่อ หรอวะ เป็นคนจำหน้าใครไม่ค่อยเก่ง( แต่ถ้าเราจำหน้าคุณได้ แปลว่า คุณเป็นคนพิเศษนะ 555 นอกเรื่องๆ) เบียร์มา เพลงมา เกมส์ก็มา ฝั่งห้องครัวก็เล่น Beer Pong ไป ฝั่งห้องนั่งเล่นก็เล่นเกมส์โยนเหรียญอะไรไม่รู้จำไม่ได้ สรุปคือ สนุกดี มีเพื่อนใหม่แปลกหน้ามากมาย รวมทั้ง คุณตำรวจด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เปิดเพลงเสียงดังลั่น ปาร์ตี้มีเป็นยี่สิบคน มีหรอคะที่เพื่อนบ้านจะไม่แจ้ง วินาทีที่ทุกคนรู้ว่ามีตำรวจมาเท่านั้นแหละ โอ้มายฟัคกิ้งก็อดค่า วงแตก หาที่ซ่อนกันจ้าละหวั่น บางคนซ่อนในตู้เสื้อผ้า ซ่อนบนเตียงใต้เตียง ในห้องน้ำ ปิดไฟ ปิดเพลงหมด มีคนทุบกระจกหน้าต่างห้องครัวกระโดดออกทางนั้น และ ชู่ววววววว ทุกคนที่เหลือในบ้านเตือนกันให้เงียบกันยกใหญ่ ให้ทำเหมือนกับว่าบ้านนี้ไม่มีปาร์ตี้มาก่อน ในใจเราก็คิดนะ ว่าเสียงดังระเบิดระเบ้อขนาดนั้น คนวิ่งหนีออกจากห้องขนาดนี้ ตำรวจจะไม่รู้ จะไม่เข้ามาตรวจก็บ้าละ แล้วนี่มานอนแอบใต้เตียงทำอาราย ฮะ! เล่นซ่อนแอบหรืองายยยย แล้วกูก็แอบด้วย แอบทำไม กุอายุ 21 แล้ว -แอลได้ (ไม่เหมือนตอนมาเวิคครั้งแรกที่ฟลอริด้า ตอนนั้นอายุ 19 เราซ่ามาก เอาพาสปอร์ตรุ่นพี่ปลอมเข้าผับไปเมาปลิ้นกะเพื่อน 55) ตามคาดค่ะ ตำรวจเดินมาแบบในหนังเลย เปิดไฟ ยกมือขึ้นทุกคน ใครอายุไม่ถึง 21 ไปทางนึง ใครเกินไปอีกทางนึงและเตรียมหลักฐานโชว์ด้วย เรากะเพื่อนไม่พกพาสปอร์ตแต่มีรูปถ่ายพาสปอร์ตในมือถือพอใช้เป็นหลักฐานได้อยู่ เลยรอดไป มีรุ่นน้องญว โดนตำรวจจับไปกะคนไม่กี่คน ปาร์ตี้จบไม่สวยนัก เรากะเพื่อนเดินออกมาเพื่อไปโทรศัพท์ใน Walmart เจอรุ่นน้องญ.ว.นี่ล่ะจากปาร์ตี้ เดินอยู่คนเดียว เลยถามว่า หนีออกมาทันได้ไง เพื่อนไปไหนหมด ตำรวจไม่เห็นหรอ นางบอก ตอนหนีออกมา ตำรวจเดินมาพอดี ตำรวจถามว่านางจะไปไหน นางเลยบอก นางจะมาซื้อแปรงสีฟัน (เออ มันก็คิดได้เนอะ)ฮ่าๆๆๆๆ คือสภาพนางไม่ใช่คนจะมาซื้อของเหอะ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ชิวมาก สภาพนึกว่าจะไปชายหาด คือแกร๊!!!! หิมะตก ตรงทางเดินหิมะก็หนา 2-3 นิ้ว ฮะ! ก้าวไปที หิมะท่วนตรีน คนบ้าอะไรจะออกมาซื้อของสภาพนั้น พูดแล้วก็ฮา 55555 ไม่รู้ตำรวจบ้าหรือเมาด้วย ตำรวจไม่กักนางจ้า
บรรยากาศคืนนั้น ขอปิดหน้า บรรดาเด็กไทยค่า แหะๆ
พอแค่นี้ก่อน ถ้ามีคนอ่านค่อยมาต่อและลงรูปค่ะ (กลัวไม่มีใครอ่าน) ถถถถถ
แฉหมดเปลือก!!! ชีวิตพังๆและประสบการณ์เกรียนๆในเมกากับการไป work and travel
นี่คือการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเรานะคะ การเขียนก็อาจจะกากๆเหมือนคนเขียนอะค่ะ
คือ วันก่อนค่ะ ไปอ่านสเตตัสเพื่อนในเฟสเล่าเรื่องการไปเวิคมาแล้วแบบ คันปากมาก อยากเล่าของตัวเองมั่ง
ถ้าคุณอยากรู้ว่า การทุ่มเงินทั้งหมดไปกะการไปเวิค-แล้วโดนลอยแพ-ต้องย้ายเมือง-โดนขู่ตัดวีซ่า-ซ้ำยังโดนแฟนที่คบมาเกือบ 7 ปีทิ้ง-ว่างงานเป็นเดือน-ได้งานฟาสฟู้ดสุดโหด-สุดท้ายก่อนกลับ วางแผนเที่ยวให้พ่อแม่บินจากไทยมาเที่ยวด้วยกันที่เมกา กลับได้เที่ยวคนเดียวเป็นยังไง!!!!!!!!!
ยินดีด้วยค่ะ คุณมาถูกทางละ หึ!
คืองี้ เราเคยไปเมกาทั้งหมด สามครั้ง ครั้งแรกเคยไปแลกเปลี่ยนตอน ม.5 ที่ Great Falls,Montana ครั้งที่สอง ไปเวิคที่ฟลอริด้า ครั้งที่สามนี่ไปที่ Gillette รัฐ Wyoming แล้วย้ายไป Great Falls รัฐ Montana ค่ะ อย่าคาดหวังว่าภาษาเราจะดีขั้นเทพ เอาแค่แบบไปวัดไปวากวนตีนฝรั่งได้พอ คิคิ
ปล.ใครอ่านกระทู้นี้แล้วรู้จักพ่อแม่เรา อย่าเอาให้ท่านอ่านนะคะ เดี๋ยวท่านไม่ให้ไปนอกอีก 5555
เริ่มเลยละกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้น 2 ปีที่แล้ว เราจบปีสี่ จาก ม.เกษตร เคยไปเวิคมาแล้วครั้งนึง หมดตูดเกลี้ยง เพราะปาร์ตี้กระจุยด้วย งานได้เงินน้อยด้วย ค่าบ้านแพงด้วย (ข้ออ้างทั้งนั้น 555) แต่ประสบการณ์พรั่งพร้อมมาก เลยกะว่า เอาวะ ครั้งนี้ พี่จะเก็บเงิน แล้วเที่ยวให้แหลก เหลือกลับไทยสักสองสามหมื่นบาทเกร๋ๆ หะหะ เราเลือกไปกะเอเจนซี่ที่เจอในมหาลัย ชื่อ ไอ แอะ แฮ่ม.... อยากบอกมากกกกกกกกกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ ไปเดาเอาเอง ไม่อยากดิสเครดิตค่ะ
ด้วยความที่ plan ว่าไปเวิคครั้งนี้เสร็จแล้วจะไปเยี่ยมโฮสด้วย เลยเลือกเมือง Gillette รัฐ Wyoming ซึ่งโฮสมัมอยู่เมือง Riverton ในรัฐ Wyoming เช่นกันและทั้งสองเมืองอยู่ใกล้กันพอสมควร ส่วนโฮสแด๊ดอยู่ Great Falls, Montana ที่เดิม (พวกเขาหย่ากันแล้วค่ะ) ซึ่งก็ไม่ไกลจาก Gillette มากเท่าไร
Gillette ไม่ใช่เมืองมีดโกนแต่เมืองคาวบอยเล็กๆ ออกแนวบ้านนอก เงียบๆ ไม่ค่อยมีผับบาร์ให้เที่ยว เราได้งานที่ Burger King เรทเงินสูงถึง 8 ดอลต่อ ชม. ค่าเช่าบ้านอาทิตย์ละ 75 ดอล จากการคำนวณของเด็กสายศิลป์ ที่วิชาคณิตไม่เคยได้เกรดมากกว่า C คำนวณแล้วว่า
เสร็จโจ๋!!! หักนู่นนี่แล้ว กุต้องมีเงินเหลือไปเกรียนที่ฮอลลีวูดก่อนกลับไทยแน่ ฮ่าๆๆๆๆ
ปัญหาแรกที่เป็นลางร้ายอย่างชัดเจนคือ การสับสนเรื่องการโอนเงินให้เอเจนซี่ ระวังดีๆนะคะ ใครที่คิดจะไป ต้องจดและทบทวน และย้ำ ขอให้ย้ำกะเอเจนซี่ชัดๆเกี่ยวกับการโอนเงินว่าโอนไปแล้วกี่งวด เหลืออีกกี่บาท เอาให้แน่นอนนะคะ
ปัญหาที่สอง ตามมาติดๆค่ะ เรื่องการซื้อตั๋ว อันนี้ติดต่ออีกเอเจนซี่นึง ซึ่งหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะบิน พี่เค้าโทรมาบอกว่า บุ๊คไฟลท์ที่ต่อจากแอลเอไปจิลเลทผิด คือพวกเราจะบินมาถึงแอลเอตอน 10 โมงเช้า แต่ไฟลท์ต่อที่จะบินไปจิลเลทออก 7 โมงเช้า เออะ ก็อึ้งกันไป พี่เค้าบอกจะบุ๊คให้ใหม่ แต่ให้เราเสียเงินเพิ่มเพราะยังไงไฟลท์ถัดมาก็แพงกว่าอยู่ดี เราด้วยเป็นคน นิสัยไม่ค่อยดีหรือยังไงดี ฮ่าๆ ก็ไม่ยอมจ่ายค่ะ บอกนี่มันไม่ใช่ความผิดหนู Fight เต็มที่ สุดท้าย พี่เค้าเปลี่ยนให้เป็นอีกวัน ซึ่งต้องนอนในสนามบิน 1 คืนจึงจะไม่เสียเงินเพิ่มสามพันเพิ่มหรือเท่าไร จำไม่ค่อยได้ ยอมค่ะ ญ จุดๆนี้ บัทเจ็ทหมดแล้วด้วย
(แต่ขอบอกเพิ่มนิดนึง พี่เอเจนซี่คนนี้ดูแลดีค่ะ เราเปลี่ยนตั๋วเป็นสิบรอบก็ไม่บ่น พ่อแม่เราแคนเซิลตั๋วบินมาเมกา ก็บริการให้อย่างดี และตอนนี้เราจะไปเรียนต่อแคนาดา เค้าก็ดูแลให้เราอย่างดีค่ะ)
ตอนบินมาถึง แอลเอ เอาเลยค่าแจ็คพอตครั้งที่สาม ขณะที่ลังเลกับเพื่อนว่าจะหา รร พักหรือนอนสนามบินดี เอ้อ ลืมบอกไป ตอนบินมานี่ ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกสองคนจากทางเอเจนซี่แรก ต่อๆ ก็เจอผู้ชายนางหนึ่งหน้าแนวเอเชี่ยนแต่ภาษาค่อนข้างดีสำเนียงออกเมกัน มาชวนเรากะเพื่อนให้ไปพัก รร ใกล้ๆ เค้ามีส่วนลดนู่นนี่นั่น เดี๋ยวโทรเรียกรถให้ พวกเราก็บอกไม่เอา ไม่ไปๆ แล้วเราก็เดินหนีกันค่ะเดินมาเรื่อยๆ หาที่นั่งพักวางของกันได้แล้ว จู่ๆ นายคนนี้ก็เดินมาชวนให้ออกไปดูสนามบิน บอก สนามบินที่นี่ สร้างเป็นรูปตัว แอลและ เอ เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ด้วยความที่อยากได้รูปสวยๆก็เออ เอาวะ แค่เดินออกไปดูเฉยๆ ไม่ได้ออกจากบริเวณสนามบินสักหน่อย มันไม่ได้หลอกไปขายหรอก ก็เลยออกไปกัน มีเราและเพื่อนอีกคนที่ออกไปดู อีกคนไม่ไป ยอมเฝ้ากระเป๋าให้ พอเดินออกไปนอกตัวอาคาร ปรากฏ เออ จริง เป็นรูปแอลเอจริงๆ จริงป่าวไม่รู้ หรือมโนตามไอ้โรคจิตนั่น แต่เหตุการณ์เริ่มไม่ดี เพราะผช คนนั้นเค้าบอกอยากได้รูปคู่พวกเรา แล้วรวบพวกเรามาโอบ แล้วยื่นกล้องมาถ่าย พอเขยิบหนี ก็ยังรวบมากอดพยายามเอาตัวมาชิดพวกเรา จนเราและเพื่อนรู้สึก เห้ย มันไม่ใช่แล้วว่ะ และเรารู้สึกถึงอวัยวะ ==! หือออออ นึกถึงแล้วอยากจะกลับไปกระโดดเตะหน้าไอแปะนั่น เลยรีบบอกลามันและรีบหนี
ปกติเรามีเพื่อนฝรั่งเยอะนะคะ การกอดในลักษณะเพื่อน ทักทาย ถ่ายรูป มันไม่ใช่แบบนี้แน่นอนค่ะ ยืนยันค่ะ พี่ยืนยัน หยึยยยย
เหมือน LA ไหมมมม ช่วยมโนด้วยค่ะ 555 (ขอเบลอภาพนิดนึง)
แจ๊คพ็อต อันที่สี่ คือ โอเค เดินทางมาถึงเมืองแล้ว สามีของผจก.ร้านก็มารับพวกเราไปบ้านพัก ไปถึง ก็เจอเพื่อนชาวไทยอีกสามคน และคนเปรูที่ยังไม่กลับประเทศหนึ่งคน โอเค บ้านดี อะไรดี ไม่อึดอัด มีเน็ต มีหลายห้อง ห้องครัวหรูดูดี ห้องนอนมีเตียงสองชั้น ผ่านค่ะ มีรถเก๋งคันเล็กหนึ่งคันให้เบียดกันไปทำงาน เราไม่รู้นะคะว่ารถมันรุ่นไหน แต่มันเล็กมากจริงๆ ขนาดที่นั่งเล็กกว่า Honda Jazz ซะอีก ตอนนี้พวกเราทั้งหมด มี 7 คน ไม่มีใครมี Driver license เลยสักคน ปัญหาคือ เบอร์เกอร์คิงที่เมืองนั้น มีสองสาขา เวลาเข้างานของทุกคนไม่ตรงกัน คนที่ขับรถและจำทางกลับบ้านได้มีอยู่ 2 คน บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานประมาณ 15-20 นาที ถ้าหิมะตกก็นานกว่านั้นค่ะ สาขาทั้งสองอยู่ห่างกันเหมือนเมอจอร์รัชโยธินไปสะพานควาย เข้าใจตรงกันนะคะ เดินไปหากันไม่ได้ ใครที่ทำงานสิบโมงเช้าก็ต้องตื่นไปพร้อมกับคนทำงานเจ็ดโมงเช้า เจ็ดคนอัดกันไปในรถคันเล็กๆ วนไปส่งทั้งสองสาขา แต่ละคนก็ตัวเล็กกันซะที่ไหนล่ะ เห้อออออออ
บรรยากาศในบ้านพัก
การเดินทางไปทำงานที่แสนลำบากนี่ไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่นายจ้างนี่แย่สุดๆ สาขาที่เพื่อนเราทำอยู่ เรียก ผจก.ว่ายัยแม่มดเชอรี่ค่ะ นางชื่อ เชอรี่ นางโหด นางใช้สายตา และคำพูดพิฆาต โยนของใส่ แต่อันนี้เราไม่ได้สัมผัสค่ะ เลยไม่ค่อยซาบซึ้งเท่าไหร่นัก แต่เจ็บปวดแทนเพื่อนที่ให้เพื่อนไปนั่งรอตั้งแต่ เจ็ดแปดโมง แล้วเรียกไป clock-in ทำงานช่วงเที่ยง แค่ชม.สองชม.แล้วไล่ให้กลับบ้านเป็นอาทิตย์ อันนี้เรายอมไม่ได้ แกนนำอย่างเราต้องทำอะไรสักอย่างค่ะ จริงๆ สาขาเราไม่โดนทำแบบนี้นะคะ ให้เข้างานตามปกติ เราเคยโดนแบบนี้แค่ครั้งเดียวคือ ให้มาทำครึ่งชม.แล้วให้กลับบ้าน
ทำงานมาได้สักอาทิตย์ก็ได้ยินว่ามีเด็กไทยอีกกลุ่มมาทำงานแมคโดนัลในเมือง กำลังจะจัดปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนท์หลัง Walmart มีชาวต่างชาติหลายชาติที่มาเวิคอยู่ที่นั่นด้วย แล้วมีเหรอคะ ที่เราจะพลาด โฮะๆ โนเวย์ค่ะ ฮ่าๆๆๆ ไปสิคะ รออะไร ขาไปนี่ก็มีเหตุการณ์เขย่าขวัญเบาๆ ขณะถึงทางแยกมืดๆ คือเมืองบ้านนอก เสาไฟไม่ค่อยมีทั่วอะค่ะ ก็มีรถคันนึงขับมาเฉี่ยวชนไฟหน้าแตก เอี๊ยดดดดดดดดดดด บึ่ง!!!! แล้วก็หนีไปอย่างไว จะให้น้องเค้าขับตามไปก็ไม่ได้ คนขับไม่มีใบขับขี่ จบบบบบ ไปปาร์ตี้ต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอๆ เพราะปาร์ตี้สำคัญที่สุด (ไอประโยคนี้ล่ะค่ะ คุณผู้ชม ที่จะมาเล่นงานอิฉันและผองเพื่อนในภายหลัง เหอะๆ)
และแล้วก็ตามธรรมเนียมค่ะเราก็หิ้วเบียร์ไปหนึ่งลังเกร๋ๆ ไปถึงก็เจอรุ่นน้อง ญว. (หาดใหญ่วิทยาลัย) น่ารักมากเลย เข้ามาทักบอกว่าเราหน้าคุ้นๆ เราก็แบบ อ่อ หรอวะ เป็นคนจำหน้าใครไม่ค่อยเก่ง( แต่ถ้าเราจำหน้าคุณได้ แปลว่า คุณเป็นคนพิเศษนะ 555 นอกเรื่องๆ) เบียร์มา เพลงมา เกมส์ก็มา ฝั่งห้องครัวก็เล่น Beer Pong ไป ฝั่งห้องนั่งเล่นก็เล่นเกมส์โยนเหรียญอะไรไม่รู้จำไม่ได้ สรุปคือ สนุกดี มีเพื่อนใหม่แปลกหน้ามากมาย รวมทั้ง คุณตำรวจด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เปิดเพลงเสียงดังลั่น ปาร์ตี้มีเป็นยี่สิบคน มีหรอคะที่เพื่อนบ้านจะไม่แจ้ง วินาทีที่ทุกคนรู้ว่ามีตำรวจมาเท่านั้นแหละ โอ้มายฟัคกิ้งก็อดค่า วงแตก หาที่ซ่อนกันจ้าละหวั่น บางคนซ่อนในตู้เสื้อผ้า ซ่อนบนเตียงใต้เตียง ในห้องน้ำ ปิดไฟ ปิดเพลงหมด มีคนทุบกระจกหน้าต่างห้องครัวกระโดดออกทางนั้น และ ชู่ววววววว ทุกคนที่เหลือในบ้านเตือนกันให้เงียบกันยกใหญ่ ให้ทำเหมือนกับว่าบ้านนี้ไม่มีปาร์ตี้มาก่อน ในใจเราก็คิดนะ ว่าเสียงดังระเบิดระเบ้อขนาดนั้น คนวิ่งหนีออกจากห้องขนาดนี้ ตำรวจจะไม่รู้ จะไม่เข้ามาตรวจก็บ้าละ แล้วนี่มานอนแอบใต้เตียงทำอาราย ฮะ! เล่นซ่อนแอบหรืองายยยย แล้วกูก็แอบด้วย แอบทำไม กุอายุ 21 แล้ว -แอลได้ (ไม่เหมือนตอนมาเวิคครั้งแรกที่ฟลอริด้า ตอนนั้นอายุ 19 เราซ่ามาก เอาพาสปอร์ตรุ่นพี่ปลอมเข้าผับไปเมาปลิ้นกะเพื่อน 55) ตามคาดค่ะ ตำรวจเดินมาแบบในหนังเลย เปิดไฟ ยกมือขึ้นทุกคน ใครอายุไม่ถึง 21 ไปทางนึง ใครเกินไปอีกทางนึงและเตรียมหลักฐานโชว์ด้วย เรากะเพื่อนไม่พกพาสปอร์ตแต่มีรูปถ่ายพาสปอร์ตในมือถือพอใช้เป็นหลักฐานได้อยู่ เลยรอดไป มีรุ่นน้องญว โดนตำรวจจับไปกะคนไม่กี่คน ปาร์ตี้จบไม่สวยนัก เรากะเพื่อนเดินออกมาเพื่อไปโทรศัพท์ใน Walmart เจอรุ่นน้องญ.ว.นี่ล่ะจากปาร์ตี้ เดินอยู่คนเดียว เลยถามว่า หนีออกมาทันได้ไง เพื่อนไปไหนหมด ตำรวจไม่เห็นหรอ นางบอก ตอนหนีออกมา ตำรวจเดินมาพอดี ตำรวจถามว่านางจะไปไหน นางเลยบอก นางจะมาซื้อแปรงสีฟัน (เออ มันก็คิดได้เนอะ)ฮ่าๆๆๆๆ คือสภาพนางไม่ใช่คนจะมาซื้อของเหอะ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ชิวมาก สภาพนึกว่าจะไปชายหาด คือแกร๊!!!! หิมะตก ตรงทางเดินหิมะก็หนา 2-3 นิ้ว ฮะ! ก้าวไปที หิมะท่วนตรีน คนบ้าอะไรจะออกมาซื้อของสภาพนั้น พูดแล้วก็ฮา 55555 ไม่รู้ตำรวจบ้าหรือเมาด้วย ตำรวจไม่กักนางจ้า
บรรยากาศคืนนั้น ขอปิดหน้า บรรดาเด็กไทยค่า แหะๆ
พอแค่นี้ก่อน ถ้ามีคนอ่านค่อยมาต่อและลงรูปค่ะ (กลัวไม่มีใครอ่าน) ถถถถถ