มันก็แค่ช่วงนึง...ของชีวิต

หลังจากที่ติดตามอ่านเรื่องของคุณแจน ผู้หญิงที่แข็งแกร่งสุด ๆ นับถือสุด ๆ เลยค่ะ (http://ppantip.com/topic/32271164) เลยเกิดทำให้รู้สึกอยากจะเอาเรื่องของตัวเองมาลองเล่าไว้เป็นกำลังใจให้คนอื่น ๆ ดูบ้าง (ปกติได้แต่อ่าน และเข้าไปตอบ เป็นสมาชิกมาก็นาน แต่ไม่เคยตั้งกระทู้สักที รอบนี้ต้องลอง)

ใครจะคิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อันนี้คิดได้นะคะ ไม่ว่ากันค่ะ ...เพราะเพื่อนที่รู้จักกัน หรือที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ ยังบอกเสมอเลย เอาชีวิตไปเขียนนิยายเหอะ โคตรเน่า!!! .....ย้อนไปเมื่อปี 2548 นานไปนิด แต่มันคือจุดเริ่มต้นของชีวิตกันเลยทีเดียว ปีนั้นอายุ 22 เพิ่งเรียนจบอนุปริญญา พ่อกะแม่ก็อยากให้แต่งงานกะคนๆ นึง อายุห่างกะเรา 12 ปี ด้วยความที่เค้าเป็นผู้ใหญ๋ และน่าจะดูแลเราได้ สุดท้ายก็แต่งค่ะ

ก็มีปัญหามาตลอด เรื่องความหึงหวง เค้าห้ามสารพัด ให้เลิกคบเพื่อนบ้าง ห้ามแต่งหน้า แต่งตัว รวมถึงเรื่องที่เค้าพูดว่าเค้าจะไม่มีลูก ถ้าอยากมีก็ไปหาคนอื่น (เงิบและงง...มาก ได้ข่าวว่าเพิ่งแต่งงานกัน)  ตอนนั้นยังคงเด็กมาก ทำไรไม่ได้ ร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว ไม่กล้าบอกพ่อกะแม่

จนได้เริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ได้มีสังคมอีกแบบนึง เริ่มรู้จักแต่งตัว แต่งหน้า (แน่ละ...ทะเลาะกัน) ลืมบอกไปค่ะ ว่าตลอดเวลาที่คบมาเค้ามักจะมีปัญหาเรื่องผู้หญิงอยู่เสมอ ... จนผ่านไปปีกว่า เค้าออกรถตู้ค่ะ วิ่งงานต่างจังหวัดบ้าง ใน กทม บ้าง ตอนหลังได้งานที่อดีตสถานีโทรทัศน์แห่งนึง ไม่รุ้ว่าวิ่งงานจริง ๆ ได้นานแค่ไหน เพราะทีวีมันยุบช่อง แต่เค้าก็ยังมาอ้างต่อว่าวิ่งให้ที่เดิม .....โดยมีกฎว่าต้องทำงานครบ 12 ชม. ห้ามรับโทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร (งงมากค่ะ วิ่งงานข่าว ซึ่งเวลาเราไปทำงานเราเห็นเค้าพกกันคนละหลาย ๆ เครื่อง) แต่ก็ช่างมันค่ะ บางทีก็คิดว่าปล่อยๆ ปลง ๆ ไปบ้าง รุ้มากทุกข์มาก แต่บางทีเริ่มไม่ไหว เจอถุงยางอนามัยหลายยี่ห้ออยู่ในกระเป๋า พอถามเค้าบอกว่าของเพื่อน เพื่อนฝากไว้ และทุกครั้งที่บอกว่าไปทำงานสถานี ก็จะเจอใบเสร็จค่าเป้ปซี่ ที่เซเว่นสาขา ม.ศิวารัตน์ แถว ๆ สามพราน ทุกครั้ง!!

นอกจากเค้าจะไม่เคยยอมรับแล้ว เค้ายังมาด่าเราอีกว่าเราเป็นโรคจิต คิดไปเอง... ณ ตอนนั้น ปล่อยแล้วค่ะ เริ่มมั่นใจแล้วว่าเค้ามีคนอื่นชัวร์ๆ แค่เราไม่มีหลักฐานอะไรแค่นั้น เริ่มแยกกันอยู่ แยกห้องนอน แล้วก็ต่างคนต่างใช้ชีวิต...ภายใต้ชายคาหลังเดียวกัน...มันทรมานดีนะ เจ็บปวดด้วย

หลังๆ ชักหนักขึ้นค่ะ ปี 2556 เริ่มมีคนเห็นเค้าพาผู้หญิงคนใหม่ออกงาน ไปโน่นไปนี่ แต่ที่รับไม่ได้คือเค้ายังคงเข้ามานอนที่บ้าน(ชั้นล่าง พื้นที่ของเค้า) เข้ามาอาบน้ำแต่งตัว และแค่อาศัยนอน ที่รู้เพราะบางทีเค้าอาบน้ำเสร็จทำทีเป็นนั่งดูทีวี แต่พอเค้าออกจากบ้านเท่านั้นแหล่ะ น้องหมาที่เลี้ยงไว้ในบ้านมันพร้อมใจกันเห่าค่ะ เราที่อยู่ชั้นบนเลยลงมาดู ถึงได้รู้ว่า อ่อ..เค้าออกจากบ้านไปอีกแร้วนี่หว่า เราเลยอาศัยจังหวะนี้ล๊อคกุญแจในบ้านซะ... หลายๆ คนแนะนำให้เปลี่ยนกุญแจบ้าน แต่เราก็ยังสงสารเค้านะ คนเคยอยู่ด้วยกันย่อมรู้ชีวิตของกันและกันดี เลยปล่อยไปเรื่อย ๆ เข้าสู่ปี 2557 มีน้องคนนึงพาไปไหว้พระแก้วมรกต (เราเลยขอพระค่ะว่าขอให้เรากับเค้าจบกันทีเถอะ ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ขอให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันซะที) เหมือนคำขอของชั้นจะได้ผล 2 วันถัดมา เพื่อนสนิทของเค้าเองมาคุยกะเราที่บ้าน บอกเราเหตุเพราะสงสาร เพราะเค้ารับรู้ทุกอย่าง แถมยังเอากุญแจบ้านมาให้เราเปลี่ยนใหม่อีกตะหาก (มีข้อแม้ว่าอย่าให้ใครรู้ว่าเค้าเป็นคนมาบอกและช่วยเรื่องกุญแจ) 11 มกราคม 2557 ค่ะ คือวันที่ตัดสินใจเปลี่ยนกุญแจบ้าน พอเค้าเข้าบ้านไม่ได้คราวนี้โวยวาย...ช่างเค้าค่ะ เพราะสิ่งที่ชั้นทำ คือเก็บข้าวของของเค้าทุกอย่าง ใส่รถไปคืนให้ที่บ้านแม่ของเค้า....ก็คิดว่าเรื่องจะจบแค่นั้นนะคะ เพราะไล่ออกไปแล้ว ไม่ได้รับรู้อะไรกันอีกแล้ว ผิดคาดค่ะ...หลังจากออกจากบ้านชั้นไป 2 อาทิตย์ มีข่าวมาว่าเค้ากำลังจะแต่งงานใหม่ เอาเรยค่ะ ขอให้เจริญๆๆ ใจตอนนั้นไม่ได้โกรธแล้วนะ...แต่เกลียดเนี่ย ยังคงเกลียดอยู่ เค้าแต่งงานใหม่ก็เรื่องของเค้า แต่เค้าดันไปบอกที่บ้านเค้าว่าเราเปลี่ยนไปตั้งแต่เรียน ป.โท ติดเที่ยว ติดโทรศัพท์ ทำตัวแย่ บลาๆๆ ได้ผลนะคะ ที่บ้านเค้าเกลียดเราจริงๆ ค่ะ จากนั้นไม่นาน เราได้รับข้อความทางเฟชบุคจากผู้หญิงที่เราไม่รู้จักคนนึง เห็นเค้าไปเม้นต์ในภาพของหลาน คราวนี้เลยตัดสินใจเข้าไปดูเฟชเค้า ถึงกะจุกเรย มีรูปอดีตสามีที่ไปเที่ยวหลากหลายที่มาก สวีทกันมากๆ ตอนนั้นเห็นแล้วน้ำตาดันเอ่อ...ทั้ง ๆ ที่เลิกกันไปแล้ว แต่มันรู้สึกจุก ๆ ไงไม่รู้ บอกไม่ถุก เลยตอบข้อความทางแชทของผู้หญิงคนนั้นไป จากนั้นเลยรับแอ้ดเค้าเป็นเพื่อน เลยได้คุยกัน

แทนที่คุยกันแล้วจะโกรธ...บอกตรง ๆ เลยค่ะ ว่าโกรธไม่ลง ผู้หญิงคนนั้นโดนหลอกมาเต็ม 7 ปี หลอกทุกอย่างจริง ๆ แต่อย่างน้อย ๆ วันนี้เค้าก็ตาสว่างแล้วนะคะ ส่วนตอนนี้ชั้นเองก็ได้ชีวิตกลับคืนมา...ชีวิตที่เป็นชีวิต ได้อิสระทุกอย่าง ทุกวันนี้ไม่ได้โกรธและเกลียดใครแล้ว คิดแค่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างเป็นกรรมของแต่ละคน ส่วนผู้ชายคนนั้น ชีวิตเค้ากับภรรยาใหม่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดมั้ง  ตั้งแต่เลิกกันไปเค้าก็มีกลับมาง้อนะ วันเกิดก็ยังเอาเค้กมาให้ สารพัดฯ ตลกดีอ่ะ ชั้นยังจำคำพูดของเค้าได้เสมอว่า "ถ้าคนอย่างเค้าไม่ดี ก็ให้ไปหาคนที่ดีกว่าเค้าให้ได้ เพราะเค้าน่ะไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่"  คนกินเหล้าและสูบบุหรี่ ไม่ได้เป็นคนเลวเสมอไปหรอกค่ะ เพราะทุกอย่างมันอยุ่ที่สำนึกและจิตใจของคนมากกว่า คุณทำร้ายผู้หญิงพร้อม ๆ กันได้หลายคน ในเวลาเดียวกัน อ่อ...ลืมบอกไป ว่าระหว่างที่เค้าไปมีอีกคน เค้าก็มีคนอื่นประปรายยย แต่ชั้นไม่ได้ไปรับรู้อะไรหรอกค่ะ เพราะผู้หญิงพวกนั้นเค้าจัดการกันเอง เฮ้ออออ....เล่ามาซะยาว ไม่รุ้ว่างงกันหรือป่าว พิมพ์ไปก็ตาลายเหมือนกันค่ะ อีกอย่างตื่นเต้น...กับการแชร์ข้อมูลทางนี้ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ที่ผ่านมามันเป็นแค่ชีวิตและเวลาช่วงนึง ตอนนี้เหมือนคนเกิดใหม่ดี ๆ นี่เอง ไว้กระทู้หน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่