แรงไปไหมที่จะต้องตัดพี่ตัดน้องกัน

กระทู้สนทนา
เราเป็นคนโตมีน้องชาย 1 คน อายุห่างกัน 6 ปี น้องรับราชการอยู่ โรงพยาบาลที่เกาะแห่งหนึ่ง เราทำงานนิคมอุตสาหกรรมแถบปริมณฑล เดิมทีครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่แม่ก็กัดฟันส่งเราเรียนมหาลัย ประกอบกับเราเองก็ทำงานไปด้วย กู้เงิน กยศ ไปด้วย พอเราเรียนจบทำงานก็ส่งน้องเรียน ตั้งแต่ ม.5 ถึงเรียนจบปริญญาตรี ส่วนพ่อมีคดีความคะ อยู่เรือนจำมาตั้งแต่เรา ม.2 เพิ่งออกมาเมื่อสองปีก่อน ตอนแรกเราสามคนแม่ลูกอาศัยอยู่กับยาย โดยที่แม่ขายข้าวแกง เลี้ยงดูยายด้วย
จนกระทั่งพ่อกลับมาเรื่องราวเริ่มเลวร้ายลง ยายไม่พอใจพ่อ ลามปามด่าแม่ หาเรื่องด่าไม่เว้นแต่ละวัน ไล่แม่ออกจากบ้าน ประกอบกับตอนนั้นน้องเรียนจบได้งาน เราเริ่มอยู่ตัว ได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะขึ้นจึงพอซื้อบ้านทาวเฮาส์หลังเล็กๆ และรถคันเล็กๆหนึ่งคันกับแฟน ระหว่างนั้นแม่มีปัญหากับยายรุนแรงขึ้น เราพยายามชวนแม่มาอยู่ด้วยแต่แกไม่ยอมมา โดยให้เหตุผลว่าอากาศไม่ปลอดโปร่ง อึดอัด
จนเมื่อช่วงสองเดือนก่อนมีคนในหมู่บ้านขายบ้านในราคา 450,000 พื้นที่ประมาณ 3 งาน กับบ้านไม้หลังเล็กๆ ซึ่งพอสองตายายอยู่ และตอนนั้นเราได้ตกลงกันว่าแม่อยากซื้อบ้านหลังนั้น โดยที่จะให้น้องกู้เพราะน้องเป็นข้าราชการ ส่วนเราชื่อติดผ่อนบ้านเกรงว่าจะไม่ผ่าน โดยน้องจะผ่อนไปก่อนระหว่างที่รอให้เราผ่อนรถหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ปี
เรื่องราวดำเนินการถึงขั้นตอนการยื่นกู้ ช่วงนั้นน้องก็บ่นเรื่อยมาว่าไม่อยากซื้อบ้าน อยากซื้อรถ เพื่อจะได้เอารถไปรับงานพิเศษที่กรุงเทพ โดยที่ใช้สิทธิ์ข้าราชการซื้อได้โดยไม่มีเงินดาวน์ เราพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับน้องเรื่อยมาว่าพ่อแม่ไม่มีบ้านอยู่ เราจำเป็นต้องหาบ้านให้พ่อแม่อยู่ก่อน ให้อดทนแค่ 3 ปี หลังจากนั้นเราจะรับผิดชอบเอง โดยระหว่าง 3 ปีนี้ หากต้องการใช้รถไปทำงานก็ให้มาเอารถเราไปใช้ หรือหากงานพิเศษรายได้ดีจริงๆ และคุ้มกับค่าน้ำมันค่าผ่อนรถให้ซื้อมือสองใช้ไปก่อน แต่น้องก็ไม่ยอมเข้าใจ ตะคอกใส่บ้าง อยู่ๆวางสายบ้าง หรือไม่ก็เงียบไม่คุยกับเราบ้าง จนกระทั่งเมื่อวานน้องก็พูดเรื่องนี้อีก เราก็อธิบายอีกว่า “มันผ่อนแพงมากถ้าไม่มีเงินดาวน์ แค่ทุกวันนี้ยังไม่ได้ซื้อรถ เงินยังไม่พอใช้ เงินที่ตกลงกันว่าจะต้องส่งให้แม่ก็ไม่เคยส่ง แม่ป่วย ค่าเดินทางค่าน้ำมันเราจ่ายหมด แล้วจะผ่อนไหวเหรอ”
น้องตอบกลับมาว่า “ก็ถ้ามีรถ ก็จะหางานได้ไง”
เราก้อธิบายว่า “ก็หาให้ได้ก่อน ถ้าได้ก็ค่อยซื้อหรือจะเอาของเราไปก็ได้”
จากนั้นน้องก็วางสาย เราเลยโทรกลับ ยอมรับว่าโกรธมาก น้องตัดสายไม่ยอมรับ เราเลยทะเลาะกันทางไลน์ ข้อความในไลน์ก็เหมือนเดิม น้องไม่ยอมเข้าใจว่ามันวิกฤติขนาดไหน พ่อแม่ไม่มีบ้านอยู่ แต่เอาแต่ความต้องการของตัวเองที่ต้องการรถ อ้างว่าไปไหนมาไหนลำบาก เราจึงโมโห บอกตัดพี่ตัดน้อง บ้านที่จะให้น้องกู้และผ่อน 3 ปีแรกก็ไม่ต้อง เราจะรับผิดชอบเอง ยื่นกู้เองผ่อนเองทั้งหมด ค่ารักษาแม่ดุแลแม่เราจะจ่ายเองทั้งหมด เชิญไปมีชีวิตอันหรูหราไปเถอะ อีกอย่างที่บอกว่าลำบากที่บอกว่าเหนื่อย ถามสักคำไหมว่าพี่คุณเหนื่อยแค่ไหน ต้องอดทนประหยัดทุกอย่างเพื่อส่งน้องเรียน อยากได้อะไรไม่เคยได้ ต้องประหยัดทุกกระเบียดนิ้ว
เราไม่รู้หรอกว่าเราจะกู้ผ่านไหม ผ่อนไหวไหม เพราะทั้งบ้านและรถก็กระอักแล้ว ต้องมาเจอหนี้บัตรที่รูดระหว่างรักษาตัวแม่อีก แต่คำว่าพ่อแม่ค้ำคอ เราถึงต้องรับผิดชอบ
เพื่อนๆคนไหนเคยเจอวิกฤติแบบเราบ้างแก้ไขยังไง มันมากพอที่เราจะตัดพี่ตัดน้องกับคนแบบนี้ไหม ต้องการกำลังใจมากๆคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่