รีวิวหนัง : San Andreas ธรณีพิบัติขั้นสูงสุด



ซานแอนเดรส เป็นชื่อรอยเลื่อนที่พาดตัวอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและถูกนำมาใช้เป็นพล็อตหลักของภาพยนตรืชื่อเดียวกันอย่าง San Andreas หนังเข้าฉายในช่วงที่โลกเพิ่งประสบกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเนปาล ธรณีพิบัติจึงกลายเป็นภัยธรรมชาติอันดับต้นๆที่สร้างความหวาดกลัวให้มนุษย์

เนื้อหาของหนังไม่ซับซ้อน หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนเขื่อนฮูเวอร์ในรัฐเนวาดาพังทลาย เรย์ (ดเวย์น จอห์นสัน)  นักกู้ภัยแห่งลอสแอนเจลิสที่มีปัญหาครอบครัวหย่าร้างกับภรรยา แถมเขายังรู้สึกผิดไม่เลิกกับการสูญเสียลูกสาวคนเล็กไป ถูกเรียกตัวไปทำงานด่วน แต่ต่อมากลับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กว่า (ระดับ9.5) ซึ่งแรงที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

เรย์ ใช้เฮลิคอปเตอร์บินมาช่วย เอมมา (คาร์ลา กูจิโน) ภรรยาที่ติดอยู่บนยอดตึกในเมืองลอสแอนเจลิสอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังซานฟรานซิสโกเพื่อตามหา เบลก (อเล็กซานดรา ดาแดริโอ) ลูกสาวที่ติดอยู่ใจกลางเมืองที่ถูกสึนามิสูงกว่าตึก10ชั้นถล่ม

บทหนังโอเวอร์มาก พล็อตตามสูตร คาดเดาได้ง่ายจนไม่มีอะไรให้ลุ้นตาม เนื้อหาน้อยแต่ถูกทำให้ยืด ดราม่าครอบครัวทำไม่ถึง แม้หนังจะโครมครามเป็นระยะแต่ก็มีช่วงน่าเบื่อเยอะ สิ่งที่ป่วยที่สุดน่าจะเป็นบทสนทนาของตัวละครที่ไร้ความสมเหตุสมผล ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานดันแวะเข้าซีนโรแมนติกหน้าเฉย

ตัวละครส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีมิติ นักแสดงเล่นแข็งจนดูตลก โดยเฉพาะพ่อหนุ่ม ฮิวโก้ จอห์นสโตน เบิร์ท ในบท เบน มองไม่เห็นสเน่ห์ใดๆในตัวเขาเลย ส่วน เดอะร็อค พยายามชวนเขาราโหมดซึ้งตลอด ทว่าภารกิจเหินฟ้าบุกนํ้าลุยไฟเพื่อช่วยลูกสาวคนเดียวก็ดูเหนือจริงซะจนเรายากจะเชื่อ (อีกนิดเดียวคงแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่) และพลอยไม่อินกับปมในใจแบบฉาบฉวยไปด้วย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนดูจะพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันคงหนีไม่พ้นความสวยเซ็กซี่ของ อเล็กซานดรา ดาแดริโอ นักแสดงสาววัยรุ่นที่เล่นเป็น เบลก จะบอกว่าบทส่งเธอก็ไม่ใช่ซะทีเดียว น่าจะเป็นคอสตูมกับมุมกล้องจงใจขายหน้าอกของเธอมากกว่า ขณะที่ ไคลี มิโนก ในบทเมียเก่าของว่าที่สามีใหม่เอมมา สร้างคำถามในหัวผู้ชมว่า เธอโผล่ไปทำไม

แบรด เพย์ตัน ผู้กำกับดูจะมีปัญหากับการทำหนังเนื้อหาซีเรียส เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมาอย่าง Journey 2 และ Cats & Dogs The Revenge of Kitty  Galore สิ่งที่เขานำมาใช้ได้ดีคือการทำภาพซีจีกับซาวนด์ประกอบ สองอย่างนี้บางทีอาจดูสมจริงกว่าความรู้สึกตัวละครในหนังซะอีก
นอกจากนี้หนังยังมีความเป็นมนุษย์นิยมค่อนข้างสูงกับประโยคในช่วงท้ายที่ว่า เราจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ รวมถึงเชิดชูอเมริกันชนในแง่ไม่ว่ายามที่เจอภัยพิบัติร้ายแรงเพียงใด พวกเขาก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาติอื่น

San Andreas เป็นหนังภัยพิบัติที่มุ่งเน้นงานโปรดักชั่นมากเกินไปหน่อย จนละเลยบทที่เป็นหัวใจของภาพยนตร์ ไม่ต้องไปเทียบกับ The Day After Tomorrow ซึ่งทำได้ดีกว่าหลายเท่า เพราะแม้แต่ 2012 ที่หลายคนไม่ชอบ ก็ยังมีความน่าจดจำมากกว่าหนังเรื่องนี้

คะแนน 6/10

โดย นกไซเบอร์

เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่