.........เดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายทั้งกระดาน............

กระทู้สนทนา
........
หนึ่งปีผ่าน....นับตั้งแต่วันที่แม่ทัพตู้ได้เชื้อเชิญเจ้าสำนักและเหล่าจอมยุทธ์จากทุกสำนักทั่วยุทธภพมานั่งเจรจาในโรงเตี๊ยมที่จัดไว้  การเจรจาดำเนินไปเพียงไม่อึดใจแม่ทัพตู้ก็ลุกขึ้นประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนว่าเขาขอยึดอำนาจ   และก้าวขึ้นครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพต่อจากแม่นางปู้ที่ยังรักษาการอยู่ตอนนั้น    กว่าทุกคนจะรู้ตัวว่ากำลังหลงกลยุทธ์ “ปิดประตูตีแมว” ของแม่ทัพตู้ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว     พลันสิ้นเสียงประกาศของแม่ทัพใหญ่  เหล่าทหารพร้อมศาสตรวุธก็กรูเข้ามาควบคุมตัวเจ้าสำนักและจอมยุทธ์ทุกคน   กระนั้นก็ไม่วายมีเสียงบ่นเล็ดลอดจากเจ้าสำนักแม่ธรณีบีบมวยผมเข้าหูเจ้าสำนักคนอื่นในน้ำเสียงตำหนิ  “ข้าเคยเตือนพวกท่านแล้วๆ “



นับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น    ยุทธภพที่เคยคราครั่งไปด้วยเหล่าจอมยุทธ์น้อยใหญ่ก็พลันเงียบเหงาลงถนัดตา    แน่ล่ะ...ย่อมไม่มีใครหน้าไหนที่จะอาจหาญท้าทาย “อาญาสิทธิ์ ม.๔๔” ของแม่ทัพตู้ได้     ใต้หล้าทั่วยุทธภพในยามนี้  ไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินแม่ทัพตู้ไปได้   “อาญาสิทธิ์ ม.๔๔” ให้อำนาจเขาล้นฟ้า  ชนิดที่แม้สั่งผีลุกจากโลงมาโม่แป้งก็ยังได้!!


ความมืดมิดของราตรีครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณ   เห็นจะมีก็แต่โรงเตี๊ยมหลังเล็กๆ ที่ชายทุ่งที่ยังจุดโคมประทีปสว่างจ้าอยู่  เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกล่าวต้อนรับบุรุษสามคนที่ปรากฏกายอยู่ที่หน้าประตู  พร้อมกับกล่าวเชื้อเชิญให้เข้าข้างใน
“เสี่ยวเอ้อ  หาสุราชั้นดีมาต้อนรับสหายของข้าเร็วเข้า”   เสี่ยวเอ้อหายไปหลังโรงเตี๊ยมสักพักก็กลับมาพร้อมกับเหล้าสามไห
“พวกข้ารู้สึกเกรงใจเถ้าแก่   เกรงว่าการมาพบปะครานี้อาจจะนำภัยมาให้ท่าน”  หนึ่งในสามบุรุษลึกลับกล่าวหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้
“พวกท่านไม่ต้องเกรงใจ  เพื่อสำนักเผื่อไท้และพี่น้องชาวยุทธ์ของเรา  ข้ายินดีๆ”  เถ้าแก่กล่าวอย่างจริงใจ  อา...ที่แท้บุรุษทั้งสามและเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมก็คือศิษย์สำนักเผื่อไท้นี่เอง!!      ไม่แปลกที่พวกเขานัดพบกับในยามวิกาลที่โรงเตียมชายทุ่งเช่นนี้   หาไม่แล้วแม่ทัพตู้คงจะส่งคนสะกดรอยตามพวกเขาทุกฝีก้าว
“พี่ใหญ่ ....พี่ว่าท่านผู้อาวุโสเชาจะมาไหม?”  หนึ่งในสามคนถามขึ้น
“ท่านรับปากเราสามพี่น้องไว้แล้ว  ท่านต้องมาน้องเล็กไม่ต้องกังวล”     ยังไม่ทันจะสิ้นประโยค....เสียงเคาะประตูที่หน้าโรงเตี๊ยมก็ดังขึ้น    จอมยุทธ์ทั้งสามรีบคว้ากระบี่ขึ้นมากำชับเตรียมพร้อม    แต่พอเถ้าแก่ไปเปิดประตูร่างของผู้อาวุโสที่พวกเขาทั้งสามกำลังรอคอยก็ปรากฏอยู่ต่อหน้า
“ท่านผู้อาวุโสเชา!   พวกเราทั้งสามขอคาราวะ”  ทั้งสามรีบคำนับผู้พึ่งมาเยือน   พร้อมกุลีกุจอเชื้อเชิญให้ท่านไปนั่งร่วมโต๊ะ   หลังจากทักทายและร่วมดื่มไปได้สักพัก    พี่ใหญ่ของจอมยุทธ์ทั้งสามได้กล่าวขึ้นอย่างเคร่งเครียดว่า
“สำนักเผื่อไท้ของพวกเราในยามนี้ไร้ผู้นำ  ยุทธภพเองตกอยู่ใต้อำนาจแม่ทัพตู้  ไม่มีใครกระดุกกระดิกได้  ในยามนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าผู้อาวุโสเชาที่จะเข้ามาฟื้นฟู้ยุทธภพแล้ว   ขอท่านผู้อาวุโสไตร่ตรองให้รอบคอบ”     ผู้อาวุโสเชานั่งฟังอย่างสงบและนิ่งไปนาน   นานจนสามพี่น้องเริ่มมีสีหน้าวิตก    นัยว่า..ถ้าหากผู้อาวุโสเชาไม่รับปากตามที่ขอร้องแล้ว   และหากเรื่องในคืนนี้รู้ไปถึงหูแม่ทัพตู้.....เขาทั้งสามย่อมตกอยู่ในอันตรายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าขอคิดดูก่อน  อีกสองราตรีข้าจะให้คำตอบ”  ผู้อาวุโสเชาตอบพร้อมกับตบไหล่ของสามพี่น้องก่อนจะกล่าวต่อ “ นี่ก็ดึกแล้ว   พวกเราไม่ควรจะอยู่ที่นี่นาน   แม่ทัพตู้มีหูตากว้างไกล   ควรแยกกันเสียแต่ตอนนี้”    กล่าวเสร็จทุกคนก็ผุดลุกขึ้น  กล่าวคำอำลากับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเสร็จก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานหายไปในความมืด   คล้อยหลังไม่นานแสงไฟจากประทีปในโรงเตี๊ยมก็ถูกดับลง



สองวันผ่าน   ผู้อาวุโสเชาสั่งคนใช้ให้นำหีบเก่าไปให้เขาที่ห้องสมุดในบ้าน     เขาเพ่งมองหีบใบนั้นอย่างลังเล   คราบฝุ่นที่จับบอกให้รู้ว่าหีบใบนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานาน    เขาเอื้อมมือไปเปิดมันช้าๆ .......จากนั้นก็คว้า แผ่นกระดาษปึกใหญ่ในหีบที่มีตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือกำกับไว้อย่างชัดเจน  “ตำราพิชัยยุทธ ๓๓/๖๖”!!!.......ที่แท้หีบเก่าใบนี้ก็เป็นที่เก็บตำราพิชัยยุทธ ๓๓/๖๖ ที่เลื่องลือในยุทธภพเมื่อสามสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เอง     เป็นตำราพิชัยยุทธ์ที่สร้างชื่อให้กับเขา   ฉายา “ขงเบ้ง”  ที่ชาวยุทธ์ตั้งให้เพราะตำราเล่มนี้        ผู้อาวุโสเชาวางตำราลง   แล้วหันไปสั่งคนรับใช้
“ อีกสามวันข้าจะไปเยี่ยมถามข่าวทุกข์สุกดิบชาวนาที่เมืองเก่า   เจ้าช่วยไปจัดการตระเตรียมการให้เสร็จก่อนสามวันก่อนข้าเดินทาง”


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่