"ฝี" ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ. . ประสบการณ์ผ่าตัดกรีดฝีที่ก้น

นี่เป็นกระทู้แรกค่ะ จริงๆ แล้วก็อายนะคะที่ต้องมาเล่าประสบการณ์ที่เกิดกับส่วนล่างของร่างกาย อีกอย่างเราก็ไม่ใช่หมอหรือมีความรู้ทางการแพทย์มากมาย แต่หลังจากพยายามหาข้อมูลตอนที่เป็นฝีแรกๆแล้วพบว่าขนาดในอินเทอร์เน็ตยังมีข้อมูลเรื่องนี้น้อยมาก เชื่อว่าคนที่เจอปัญหาแบบเดียวกันก็ต้องพยายามหาข้อมูลด้วย เราเลยอยากช่วยแชร์เพิ่มเป็นวิทยาทานช่วยเหลือคนที่ต้องการข้อมูลและคำปรึกษาในเรื่องนี้ ละก็อยากให้คนที่มีประสบการณ์มาร่วมกันแชร์ความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ เพราะเห็นความคนไทยเราก็เป็นกันเยอะ เป็นกันทุกเพศทุกวัย เป็นได้ทุกที่ บางคนเป็นซ้ำเป็นซาก และพอเป็นในที่แบบนี้(เช่นบริเวณก้นหรือไกล้ส่วนลับ)ก็พากันอาย ไม่กล้าไปหาหมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเราๆ

เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

เราอายุอายุประมาณ 20 ต้นๆ กำลังเรียนอยู่ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ต่างประเทศและประสบการณ์นี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ เลย เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่เอง..
ปดติเราเป็นคนที่ทานอาหารครบห้าหมู่แล้วก็ออกกำลังกายบ้าง ไม่เคยมีอาการท้องผูก แต่ชอบทานอาหารรสจัด เน้นเผ็ดเปรี้ยว เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็เคยเป็นฝี แต่เป็นเม็ดเล็กๆ ใช้กอเอี๊ยะแปะดูดฝีออกไม่กี่วันก็หาย แล้วมันก็ทิ้งช่วงยาวไปหลายปี รอบนี้พอมาเป็นอีกทีก็เป็นเรื่องเลยค่ะ

วันแรกที่รู้สึกตัวคือ ตื่นเช้ามาแล้วขับถ่ายปกติ แต่พอขับถ่ายแล้วเรารู้สึกมันแสบๆตึงๆที่ทวารหนัก ทีแรกก็คิดว่าปกติเพราะเราชอบกินเผ็ด ตอนถ่ายมันแสบอยู่แล้ว(ลืมเอะใจไปว่าช่วงนั้นก็ไม่ค่อยได้กินเผ็ด) แต่พอผ่านไป 2-3 ชั่วโมง เอ๊ะ ไอ้ที่แสบๆตึงๆมันไม่หายแฮะ.. เริ่มกังวล เลยลองเข้าเน็ตหาข้อมูล เจอแต่โรคริดซี่.. เอาล่ะสิ สงสัยเป็นริดซี่.. รึจะเป็นลำไส้เป็นแผล.. รึจะเป็นมะเร็ง ไปกันใหญ่เลยทีนี้!! ผ่านไป 5 ชั่วโมงก็ยังแสบและตึงอยู่ แต่ก็ไม่ได้กลัวมากมาย คิดว่ารอดูพรุ่งนี้ไม่หายก็ค่อยหาวิธีอื่นรักษาดู วันนั้นงดอาหารเผ็ดไปเลยค่ะ

วันต่อมาไอ้ตรงที่ตึงมันเริ่มลามแฮะ แต่ก็ยังไม่เจ็บมาก ขับถ่ายได้ปกติ นั่งได้ปกติ แค่ตึงๆ คันๆ แต่พอตกบ่ายมามันเริ่มปวด เลยคลำๆดู จับได้เป็นก้อนบวมเล็กๆ ขนาดประมาณ 1.5 ซม. อยู่ที่แก้มก้นด้านในฝั่งขวา ข้างๆรูทวารหนัก เยื้องลงมาทางฝีเย็บนิดหน่อย เราก็สงสัย เอ๊ะมันคืออะไร เลยลองปรึกษาแม่ดู แม่บอกมันอาจจะเป็นริดซี่ แต่เรายังไม่เชื่อเพราะเราขับถ่ายปกติ ไม่มีเลือดออก แต่สงสัยอยู่ว่าอาจจะเป็นแผลที่ลำไส้ละมันบวมออกมาข้างนอกรึเปล่า ลองกินยาแก้อักเสบกันไว้ก่อน ลองเซิร์ชดูอีกทีก็พบข้อมูลเกี่ยวกับ "ฝีคัณฑสูตร" (อ่านชื่อมันละก็งง มันคืออะไรวะคะ ใคร๊มันตั้งชื่อฝี ขนาดคนไทยแท้ๆอ่านยังไม่ make sense เลย) ซึ่งเป็นฝีที่เกิดจากกการอักเสบในลำไส้แล้วหนองเซาะเนื้อออกมา ทำให้เกิดท่อหนองจากลำไส้ต่อออกมาข้างนอกเพื่อระบายหนองออก ส่วนใหญ่ก็เกิดเป็นฝีอยู่ที่ก้น รอบๆรูทวารเนี่ยแหละ อ่านๆไปก็เริ่มกลัว เพราะในข้อมูลบอกมีวิธีรักษาแค่วิธีเดียวคือต้องผ่าตัดเอาท่อฝีออกละต้องรอให้แผลหายหลายเดือน ตายๆๆ ละเรื่องเรียนเราจะทำยังไง หาข้อมูลเรื่องริดซี่ ในข้อมูลบอกว่า มันจะเป็นเนื้อเยื่อยื่นออกมาจากรูทวาร เราก็พยายามหลอกตัวเองว่าการกินเผ็ดก็ทำให้เป็นริดซี่ได้นะ อาจจะเป็นแค่ริดซี่ก็ได้ ทั้งๆที่ในความรู้สึกก็คิดว่า มันคงเป็นฝีเนี่ยแหละ และวันนั้นก็งดกินเผ็ดไปอีก 1 วันค่ะ รอดูอีกวันว่ามันคืออะไรกันแน่ ตอนกลางคืนเริ่มนอนไม่หลับเพราะมันเจ็บมากขึ้น

วันที่สามเจ็บหนักกว่าเดิม เดินแทบไม่ได้เลย คลำๆ ดู แม่เจ้า!!!! มันใหญ่กว่าเดิม ปกติเป็นคนมักสังเกตตัวเองอยู่แล้ว ลองล้วงดูเลยละกันว่ามันจะเจ็บข้างในรึเปล่า(ใช่ค่ะ เอานิ้วทะลวงเข้าไปในรูทวารเพื่อสังเกตตัวเอง) พบว่าข้างในมันไม่เจ็บเว๊ย  ไม่ใช่ริดซี่แล้วล่ะ ไอ้ตรงปูดมันอยู่ข้างนอก ล้วงดูอีกรอบเพื่อความมั่นใจ ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย เจ็บจนเดินลำบาก ลองปรึกษาแม่อีกที แม่บอกว่าเป็นฝีแน่แล้ว ไปหากอเอี๊ะมาเปะ แต่ฟ้าดินกลั่นแกล้ง ประเทศนี้มีกอเอี๊ยะขายด้วยเรอะ?? ตกเย็นมาเลยลองเดินไปซื้อยามาทาน ตอนเดินทรมานมากค่ะ แต่ต้องกัดฟันทน เพราะเราอยู่คนเดียว ไปร้านยาก็เจอแต่ยาริดซี่ พอบอกเภสัชว่าเจ็บที่ไกล้ๆรูทวารเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นริดซี่ ยัดเยียดยาริดซี่ให้อย่างเดียว สุดท้ายเราก็ได้ยาแก้อักเสบมาอีกสามชุด กินยาแทนข้าวเลย ข้าวปลาก็กินไม่ลงแล้วค่ะ เพราะมันเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ไปเรียนก็ไม่ไหว เริ่มนั่งลำบาก เลยตัดสินใจว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะไปหาหมอ

วันที่สี่ ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปตรวจดูให้แน่ชัด ตอนนี้มันบวมเพิ่มเป็น 3 ซม.แล้ว เวลาเดินต้องแอ่นตูดไปข้างหลังเดินเพื่อลดการเสียดสี กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลของมหา'ลัย ทำเอาแทบหมดแรง ไปถึงก็ต้องไปรอตรวจค่ะ ฟ้ากลั่นแกล้งอีก เพราะหมอเฉพาะทางไม่อยู่ หมอโรคทั่วไปมาดูให้ ก็ต้องเปิดก้นให้หมอดู ถึงหมอจะเป็นผู้หญิงแต่เราก็อายมาก แต่ก็ทนเจ็บไม่ไหว หมอก็จับๆส่องๆแล้วพูดว่า เป็นริดสีดวงทวาร O_O!!!!! พระเจ้าช่วย!!!! เอาจริงเรอะ?? หมอบอกว่าเป็นริดสีดวงทวารแล้วถามว่า ขับถ่ายปกติมั้ย? มีเลือดออกมั้ย? เราตอบว่า ขับถ่ายปกติทุกวัน ถ่ายสะดวกดี ไม่มีเลือกออกค่ะ หมอทำหน้างงๆแล้วก็บอกว่า ริดสีดวงนั่นแหละ O_O!!!! นี่ หัวเราะ ถ่ายปกติ ถ่ายสะดวก ไม่มีเลือดนะคะหมอ สาเหตุของโรคคืออารายยยยย(คิดในใจ) หมอไม่บอกสาเหตุของโรคค่ะ(หมอกาก)แค่บอกว่าให้มาใหม่พรุ่งนี้เพราะหมอเฉพาะทางมาพรุ่งนี้ จะให้ยาแก้อักเสบมาอีก เราเลยบอกว่า ไม่เอาเพราะไปซื้อมาเยอะละ หมอก็อือๆ แล้วไล่กลับ เราเองก็เริ่มโมโห ถึงจะอยากเป็นอะไรที่มันเล็กน้อยอย่างริดซี่ก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่อ่ะ.. คุยกับแม่อีกที แม่บอกว่า มันต้องใช่ฝีแน่ๆ เพราะเราเคยเป็นมาก่อน คนที่เคยเป็นแล้วมักจะเป็นซ้ำ ถ้าไม่ไหวก็กลับมาตรวจที่บ้าน รักษาที่ต่างประเทศไม่มีคนดูแล ค่ารักษาก็แพง เราเลยบอกแม่ว่า ขอดูอีกวัน ลองกินยาดู ถ้าไม่ไหวก็กลับ คืนนั้นเจ็บจนนอนไม่หลับเลย

วันที่ห้า ไม่ไหวแล้วค่ะ เจ็บมาก แบบตูดกระจาย นั่งไม่ได้แล้ว ตัดสินใจกลับบ้าน ณ ตอนนั้นเลย ของเขิงไม่เก็บ จับไรได้ก้อยัดๆลงกระเป๋าแล้วออกเดินทางเช้าวันนั้นเลย ตั๋วไม่จงไม่จองละ ถึงสนามบินค่อยว่ากัน เรารีบเดินทางเลยไปสนามบิน วันนี้ฟ้าดินคงมีธุระเลยไม่มากลั่นแกล้งเราอีก เราซื้อตั๋วได้ในนาทีสุดท้ายพอดี แบบซื้อตั๋วแล้วขึ้นเครื่องเลย ระหว่างเดินทางมันก็ทรมาน กว่าจะถึงบ้านก็ค่ำแล้ว แต่พอถึงบ้านแม่ก็เตรียมรถรอเรียบร้อย เราไปอาบน้ำเตรียมตัว เสร็จแล้วก็บึ่งไปโรงพยาบาล ไปถึงโรงพยาบาลขึ้นฉุกเฉินเพราะดึกแล้ว นอนรอหมออยู่ประมาณ 20 นาทีหมอก็มาดู ถามว่าเป็นอะไร ทำอะไรมา มีอาการแบบไหน..
เราไม่มีไข้ แต่เจ็บตรงที่บวมมาก เดิน นั่ง นอนลำบากมาก หมอขอเปิดดู อายอีก หมอเป็นผู้หญิงค่ะ อายอยู่ แต่เริ่มชาละ(หน้าน่ะ) หมอที่ไทยบอกเป็นฝี เดี๋ยวเรียกหมอศัลย์มาดูอีกทีเพราะอาจจะต้องผ่าตัดกรีดฝี O_O!!!!! แม่เจ้า!!! ถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยเรอะ?? หมอโทรเรียกกันมา ซักพักหมอศัลย์ก็มาถึง คราวนี้เป็นหมอผู้ชายค่ะ  อมยิ้ม24อมยิ้ม24อมยิ้ม24 ม่ายยยย!!!!! ทำไมต้องเป็นหมอผู้ชายยยย สิ่งที่ปกปิดไว้มาแสนนานต้องมาโดนผู้ชายคนนี้ค้นพบเรอะ?!! (พอละ เลิกดราม่า หมอก็คือหมอ เขาทำตามหน้าที่ ใช่ว่าเขาอยากดูของเราหรอก ก็แค่ตูดป่วยๆ) หมอมาเปิดดูแล้วก็ถามคำถามเดียวกันกะหมอคนตะกี๊ หมอบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นฝีคัณฑสูตรจริงๆ แต่เท่าที่ดูมันยังไม่หนัก คือหัวฝียังไม่ขึ้น ถ้าผ่าตัดแผลมันจะใหญ่เกินความจำเป็นและมีโอกาสที่จะยุบลงได้โดยการทานยา หมอถามว่าจะผ่าเลยมั้ย รึจะลองกินยาดูก่อน เราก็บอกหมอว่าอยากรีบหาย จะได้กลับไปเรียน หมอบอกใครก็อยากรีบหาย แต่เรื่องแบบนี้มันเร่งกันไม่ได้ เราต้องคิดถึงสุขภาพเราก่อน(หมอใจดี) เราเลยบอก โอเค ลองกินาดูก่อน ถ้าหายก็ดีไป ไม่หายก็จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วล่ะ หมอสั่งให้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบให้มา 1 ชุดแล้วนัดมาดูอีกสามวันถัดไป เราขอพยาบาลว่า ขอยาแก้ปวดแรงๆ หน่อย เพราะเราเจ็บมาก นอนไม่ได้มาหลายวันแล้ว พยาบาลใจดีมาฉีดยาให้ รู้สึกจะได้มอร์ฟีนเลย เพราะอาการปวดมันบรรเทาลงไปมากหลังจากฉีดยาไปแล้ว

วันที่หก ตอนเช้ายาแก้ปวดที่ฉีดมาเมื่อคืนยังอยู่ เราก็เริ่มได้ใจ ได้นอนเต็มอิ่มแล้ว สงสัยมันจะดีขึ้น เดินค่ะ แต่พอถึงประมาณ  9 โมง ความเจ็บปวดมันก็เริ่มมา ตายไปเลยยยยยยย!!!! เดินไม่ไหวแล้ว เราก็ทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่ได้มา ตอนอาบน้ำก็สังเกตฝีดูว่าขาดมันเล็กลงมั้ย เอากระจกส่องดูว่ามันดีขึ้นมั้ย  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังเจ็บและบวมอยู่ ไม่มีไข้ แค่เดิน นอน และนั่งลำบาก ตอนกลางคืนเจ็บมาก นอนไม่หลับเลย ต้องกินยาแก้ปวดตลอด เวลาขับถ่ายก็ล้างก้นปกติแล้วเอาทิชชู่ซับให้แห้ง เวลาเจ็บระหว่างวันก็ใช้ทิชชู่เช็ดก้นเด็กแบบไม่มีน้ำหอม เช็ดเอา มันจะรู้สึกเย็นๆ บรรเทาได้บ้างแล้วรู้สึกไม่อับชื้น เป็นแบบนี้อยู่ทั้งวันที่เจ็ดและวันที่แปด

วันที่ 9 ฝีแตก
ตอนกลางวันจองวันที่แปดก็เจ็บปกติค่ะ แต่ตกค่ำมันเริ่มไม่ไหว แฟนบอกว่าให้ลองประคบร้อนดู ทีแรกเราไม่เชื่อ ไม่ยอมทำเพราะกลัวเจ็บ แต่พอถึงตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว เลยลองทำดูก่อนนอน มันรู้สึกดีขึ้นนะ คือไม่เจ็บมาก เราสามารถนอนได้ แต่พอตกดึกตอนประมาณตีสาม มันเจ็บขึ้นมาใหม่ เราลองประคบร้อนอีกที แต่ไม่หายและรู้สึกเหนียวๆ เลยเอาทิชชู่เช็ดก้นเด็กเช็ดดู เลือดออก!!!!!! เราปลุกแม่เลย บอกแม่ฝีแตก วันนั้นพอดีตรงกับวันหมอนัด เราไข้ขึ้นนิดหน่อยแล้วก็มีอาการหน้ามืด เรารีบบึ่งไปโรงพยาบาลเลย พอไปถึงก็ขึ้นฉุกเฉินเหมือนเดิม หมอชุดเดิมที่เคยมาดูรอบที่แล้ว(หมอศัลย์คนเดิม) แล้วหมอก็บอก โอเคฝีแตกแล้ว แต่ก็ยังต้องผ่าเอาหัวฝีออกอยู่ดี ให้รอผ่าตอน 9 โมงเช้า (เราไปรอตั้งแต่ตี 4) หมอก็ทำการเจาะเลือด ให้ยาแก้ปวด เก็บตัวอย่างเลือดและหนองที่แผลฝีแตก ละให้เราไปนอนรออยู่ในห้องฉุกเฉินจน 8 โมงเช้า ทีมหมอศัลย์ก็มามุงๆ เปิดๆ ส่องๆ ละก็บอกว่า โอเค แอดมิดเลยนะ ผ่าเช้านี้เลย เราต้องไปล้างแผลก่อน เพื่อเตรียมผ่า เข้าห้องล้างแผล หมอมือหนักมากกกกกกก บอกเจ็บนิดนึงนะ มันไม่นิดเลยหมอ!! จิกหมอน กัดฟัน เกร็งไปหมด หมอบอกมันก็เจ็บปกติแหละ เพราะส่วนนี้เส้นประสาทมันเยอะ เราเห็นหมอเอาสำลีเสียบไม้จุ่มไอโอดีนเข้าไปปั่น(ผู้อ่านไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น) จากนั้นก็ปิดก๊อซแล้วส่งเราไปห้องผ่าตัด..

เดี๋ยวมาต่อค่ะ พักแปป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่