เรียนถามท่านเตช และ มมม. เพื่อเป็นความรู้ครับ
เพราะทั้งสองท่าน ไม่เชือเรื่องหนือธรรมชาติ อภินิหาร ...เรื่องนี้การเกิดในครรภ์มารดาพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไรครับ
หรือว่ามีการแต่งภายหลัง
สัปดาห์ที่ ๑ เป็น กลละ มีลักษณะใสดุจน้ำมันเนย มีขนาดเล็กมากเท่าหยดน้ำมันงาที่นำปลายขนจามรีมาจุ่มและสลัดออก ๗ ครั้ง กลละจะมีขนาดเท่าหยดที่ ๗ ซึ่งเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
สัปดาห์ที่ ๒ เป็น อัพพุทะ มีลักษณะข้นขึ้น ดุจน้ำล้างเนื้อ
สัปดาห์ที่ ๓ เป็น เปสิ มีลักษณะเป็นชิ้นเนื้อ
สัปดาห์ที่ ๔ เป็น ฆนะ มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ มีสัณฐานดังไข่ไก่
สัปดาห์ที่ ๕ เป็น ปสาขะ มีลักษณะแตกออกเป็น ๕ ปุ่ม คือ ศีรษะ ๑ แขน ๒ ขา ๒ เรียกว่า ปัญจสาขา
สัปดาห์ที่ ๖ เป็น ปริปากะ เป็นปัญจสาขาที่แก่ตัว คือเจริญเต็มที่
สัปดาห์ที่ ๗ เกิด จักขุปสาท มีการเจริญทางประสาทตา
สัปดาห์ที่ ๘ เกิด โสตปสาท มีการเจริญของประสาทหู
สัปดาห์ที่ ๙ เกิด ฆานปสาท มีการเจริญของประสาทจมูก
สัปดาห์ที่ ๑๐ เกิด ชิวหาปสาท มีการเจริญของประสาทลิ้น
ถามท่านเตช และ คุณมุมมองไหม่ พระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร
เพราะทั้งสองท่าน ไม่เชือเรื่องหนือธรรมชาติ อภินิหาร ...เรื่องนี้การเกิดในครรภ์มารดาพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไรครับ
หรือว่ามีการแต่งภายหลัง
สัปดาห์ที่ ๑ เป็น กลละ มีลักษณะใสดุจน้ำมันเนย มีขนาดเล็กมากเท่าหยดน้ำมันงาที่นำปลายขนจามรีมาจุ่มและสลัดออก ๗ ครั้ง กลละจะมีขนาดเท่าหยดที่ ๗ ซึ่งเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
สัปดาห์ที่ ๒ เป็น อัพพุทะ มีลักษณะข้นขึ้น ดุจน้ำล้างเนื้อ
สัปดาห์ที่ ๓ เป็น เปสิ มีลักษณะเป็นชิ้นเนื้อ
สัปดาห์ที่ ๔ เป็น ฆนะ มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ มีสัณฐานดังไข่ไก่
สัปดาห์ที่ ๕ เป็น ปสาขะ มีลักษณะแตกออกเป็น ๕ ปุ่ม คือ ศีรษะ ๑ แขน ๒ ขา ๒ เรียกว่า ปัญจสาขา
สัปดาห์ที่ ๖ เป็น ปริปากะ เป็นปัญจสาขาที่แก่ตัว คือเจริญเต็มที่
สัปดาห์ที่ ๗ เกิด จักขุปสาท มีการเจริญทางประสาทตา
สัปดาห์ที่ ๘ เกิด โสตปสาท มีการเจริญของประสาทหู
สัปดาห์ที่ ๙ เกิด ฆานปสาท มีการเจริญของประสาทจมูก
สัปดาห์ที่ ๑๐ เกิด ชิวหาปสาท มีการเจริญของประสาทลิ้น