ย้อนคำพูด "เจ๊ติ๋ม" กับอนาคตที่สดใสของทีวีดิจิตอล


ย้อนอดีต "เจ๊ติ๋ม" พูดถึงอนาคตที่สดใสของช่องทีวีดิจิตอลหลังเบี้ยวจ่ายค่าประมูล เจ้าตัววาดฝันขึ้นที่ 1 ใน 3 ปีฟันกำไรเหนาะๆ เดือนละ 200 ล้าน พร้อมโวเปิดบริษัทลูกให้เจ๊งเท่าไหร่ก็ได้เพราะกำไรเยอะมาก    
       
         กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับการยืนยันที่จะไม่จ่ายเงินค่าประมูลสัมปานทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 เป็นจำนวนเงินกว่า 288.472 ล้านบาท พร้อมๆ กับการยื่นหนังสือแจ้งความจำนงไปยังกสทช.ในการขอยกเลิกใบอนุญาตและการประกอบกิจการช่อง "ไทยทีวี" และ "LOCA" ของบริษัท ไทยทีวี จำกัด
       
         โดยในรายละเอียดต่างๆ นั้นทางนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือที่รู้จักกันดีในนามของ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ก็เตรียมที่จะแถลงข่าวให้ได้รับทราบกันในช่วงเย็นของวันนี้
       
         ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในปี 2556 บริษัท ไทยทีวี จำกัด ของเจ๊ติ๋ม ได้สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมากหลังมีการทุ่มเม็ดเงินจำนวน 1,976 ล้านบาทประมูลช่องทีวีดิจิตอลมาไว้ในกำมือถึง 2 ช่อง โดยในครั้งนั้นผู้บริหารไทยทีวีฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านนสพ.ประชาชาติธุรกิจอย่างมั่นอกมั่นใจตั้งเป้าไว้อย่างอลังการสวยเลิศหรูว่าจะทำให้ช่อง "ไทยทีวี" (ทีเอชวี) ภายใต้การบริหารของตนเองติดหนึ่งใน 5 ของทีวีดิจิตอลกันเลยทีเดียว
       
         พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังแจงรายละเอียดด้วยว่าจะทำให้ธุรกิจทีวีคืนทุนได้ในปีแรกที่เริ่มออกอากาศ และจะคุ้มทุนภายในปีที่ 2 ส่วนปีที่ 3 จะเป็นปีที่มีกำไรเข้ามา ก่อนจะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นใน 5 ปีซึ่งหมายความว่าปีที่ 5 ธุรกิจทีวีจะต้องมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% และกลายเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท ไทยทีวี จำกัด กันเลยทีเดียว
       
         "คู่แข่งของทีเอชวีไม่ใช่ช่องข่าวด้วยกัน แต่เป็น 24 ช่องธุรกิจ โดยเฉพาะช่อง 3 และช่อง 7 ที่เจาะกลุ่มตลาดแมสเหมือนกัน..."
       
         "ในส่วนของราคาโฆษณา เบื้องต้นวางไว้ที่ 1 แสนบาทต่อนาที ปีแรกคาดว่าธุรกิจทีวีจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากทั้ง 2 ช่อง ปัจจุบันมีการขายโฆษณาไปแล้ว ประมาณ 200-300 ล้านบาท..."
       
         ทว่าหลังออกอากาศไปได้ไม่นานช่องไทยทีวีก็มีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อ "บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)" ในเครือบางกอกโพสต์ ซึ่งรับหน้าที่ผลิตรายการข่าวป้อนให้กับช่องไทยทีวีได้ประกาศยุติการร่วมงานกับช่องไทยทีวี ท่ามกลางกระแสข่าวว่า บริษัทโพสต์ไม่พอใจที่ช่องไทยทีวีผิดข้อตกลง และบีบให้โพสต์เช่าเวลา หลังเห็นว่าโฆษณาวิ่งเข้ามาทางบริษัทโพสต์มากกว่าช่องไทยทีวีนั่นเอง
       
         โดยในครั้งนั้นนอกจากทางเจ๊ติ๋มจะออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกับ "เอ๋ นรินทร ณ บางช้าง" ผู้อำนวยการไทยทีวี ด้วยการดึง "ออม ปรีชา วศะกุลพนิต" อดีตคนข่าวของ TNN มานั่งเก้าอี้บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าวดูแลการทำข่าวให้แล้วเจ้าตัวยังได้บอกย้ำถึงอนาคตที่สดใสของช่องไทยทีวีอีกครั้งว่า จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 5 ปี ตอนนี้ขอแค่ 3 ปีพอในการที่จะทำให้ช่องไทยทีวีขึ้นเป็นที่ 1
       
         "ตอนแรกเราตั้งเป้าไว้ที่ 5 ปีเราจะต้องเป็นอันดับ 1 ของช่องดิจิตอล แต่ตอนนี้ขอแค่ 3 ปีพอ ได้กำไรแน่นอน มั่นใจว่าสู้ได้เรามีความพร้อมอยู่แล้ว ตอนที่ประมูลทีวีดิจิตอลทุกคนรอบข้างถามว่าเราโง่หรือเปล่า มีเงินสดๆ เก็บไว้ 2-3 พันล้านจะเอาไปลงทุนขนาดนั้นทำไม แต่เราคิดว่าเงิน 7 หมื่นล้านที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด และยังขึ้นอยู่ทุกปี แต่ไปอยู่ที่ช่อง 3 และช่อง 7 ซะ 80% แล้ว ช่อง 5 กับช่อง 9 อีก 20% อนาล็อกต้องจบลงแน่ในเร็วๆ วันนี้"
       
         "และถ้าเขาจบลงเมื่อไหร่ วันนั้นงบ 7 หมื่นล้านจะไปอยู่กับ 24 ช่องดิจิตอล และหารกันก็ตกช่องละ 2900 ล้านต่อช่องต่อปี เดือนหนึ่งก็ตกประมาณ 200 กว่าล้าน ทำงานสบายๆ กำไรเยอะมาก จะเปิดบริษัทลูกให้มันเจ๊งเท่าไหร่ยังได้เลยเพราะกำไรเยอะมาก และคิดว่าจะมีเงินเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านภายใน 3 ปีนี้แหละ"
       
         "ซึ่งเป้าหมายของเราคือต้องเป็นที่ 1 ให้ได้ เป็นที่ 1 ของดิจิตอลทั้ง 24 ช่องให้ได้ภายใน 3 ปี ตอนแรกเราตั้งไว้ 5 ปีนะ แต่ตอนนี้เรามีทั้ง เอ๋ นรินทร มีทั้ง ออม ปรีชา ก็เลยมั่นใจว่าเราทำได้..." (อ่านรายละเอียด“ติ๋ม ทีวีพูล” มั่นใจช่อง 3, 5, 7, 9 เจ๊งแน่ ตั้งเป้าดัน “ไทยทีวี” เป็นอันดับที่ 1 ฟันเงินหมื่นล้าน)
       
         อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าตัวคาดการณ์ไว้นั้นทุกอย่างกลับผิดพลาดไปหมด เพราะนอกจากจะไม่สามารถดันช่องไทยทีวีให้ขึ้นไปเป็นแนวหน้าของทีวีดิจิตอลได้แล้ว ในด้านของเนื้อหาสาระของช่องเองยังถูกวิจารณ์อีกต่างหาก เช่น กรณีสาวผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศแต่งตัววาบหวิว ฯ และนั่นเองที่เป็นที่มาของข่าวคราว ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ขณะที่ทางกสทช.ก็ยืนยันแล้วว่าแม้ทางไทยทีวีฯ จะไม่ทำช่องดิจิตอลที่ประมูลไปแต่ก็ต้องจ่ายเงินที่ค้างอยู่มาให้หมดเสียก่อนอยู่ดี
       
         ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร?

ข่าวจาก  :  ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060151
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่