Salve! สวัสดีครับ!


เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสหนีอากาศร้อนแตะเลขสี่สิบของกรุงเทพฯไปเที่ยวที่ประเทศอิตาลีมาครับจึงอยากจะมาลองรีวิวเพื่ออุทิศให้เป็นประโยชน์แด่คนที่มีความสนใจ

อิตาลีนั้นจัดเป็นประเทศอันดับต้นๆที่ใครๆก็อยากไป เพราะประเทศนี้นั้นมีชื่อเสียงด้านศิลปะรวมถึงความติสต์ที่ติดเป็นสันดานตั้งแต่สมัยชาวโรมัน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกถึงสองแห่ง แถมด้วย Designer's brand นับไม่ถ้วน(ถึงแม้จะมีเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่เราอ่านชื่อมันออก) และอาหารหลากหลายแบบที่เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยยังไม่ตั้งไข่ ทั้งหมดนี้ทำให้ประเทศแหล่งชุมโจรนับล้านกับระบบสาธารณูปโภคห่วยแตกขนาดที่กรุงเทพฯนั้นกลายเป็นสวรรค์ไปเลย เป็น Tourist destination อันดับต้นๆที่ทุกคนอยากจะเยือนเป็นบุญตาสักครั้ง

Prologue:
เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณพ่อคุณแม่อยากไปเที่ยวยุโรปปีนี้ครับ มีเวลาให้2อาทิตย์ อยากได้แค่ประเทศเดียวก็เลยให้ผมเป็นคนเลือกประเทศ
และจากความบ้าส่วนตัวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ อารยธรรมโรมัน ปาร์มาแฮมและนิยายของแดนบราวน์ ก็เลยสรุปได้ทันทีว่าจะไปอิตาลีภายในเวลาไม่ถึงพริบตาเดียว
พอสรุปได้ว่าจะไปเที่ยวประเทศนี้คุณพ่อก็เลยให้ผมแพลนที่เที่ยวทั้งหมดว่าจะไปเมืองไหนบ้าง ส่วนคุณแม่รับหน้าที่ขอวีซ่า จองโรงแรม ตั๋วเครื่องบินและรถไฟ
หลังจากนั่งคิดวิเคราะแยกแยะแผนที่ของสาธารณรัฐอิตาลีเพื่อดูตำแหน่งเมืองที่น่าสนใจ ตามที่ท่องเที่ยวสำคัญทั้งหมดจากหนังสือนำเที่ยว รีวิวตามอินเตอร์เนต ก็สรุปแพลนดังนี้...
ชิ้ง...

Day
1. นั่งเครื่องบินไปลง Milan (Mon. 7th April)
2. Milan (Tue. 8th April)
3. Lake Como (Wed. 9th April)
4. Milan->Verona->Venice (Thu. 10th April)
5. Venice (Fri. 11th April)
6. Venice->Bologna->Florence (Sat. 12th April)
7. Florence (Sun. 13th April)
8. Florence/Pisa (Mon. 14th April)
9. Florence->Rome (Tue. 15th April)
10. Rome (Wed. 16th April)
11. Rome (Thu. 17th April)
12. Rome/Pompeii/Naples (Fri. 18th April)
13. Rome (Sat. 19th April)
14. นั่งเครื่องบินกลับจาก Rome (Sun. 20th April)

รายละเอียดของแต่ละวัน จะสนุกตื่นเต้นเร้าใจขนาดไหนรอต้องติดตามเองครับ (ขอเวลาไปเขีนก่อนละกัน)
ปล. การเดินทางระหว่างเมืองจะใช้รถไฟของ Trenitalia เอานะครับ ไม่ได้ใช้เครื่องบินหรือรถบัสเลย
แผนที่ประกอบ


ครบ14วันถ้วน แพลนอาจจะดูแปลกเล็กน้อยเพราะเห็นหลายท่านจะชอบเริ่มจากโรมก่อนแล้วไล่ขึ้นบนไปจบที่มิลาน เนื่องจากมีคนเตือนมาว่าโรมนั้นนอกจากจะเป็นเมืองหลวงของอิตาลีแล้วยังเป็นเมืองหลวงแหล่งรวมพลของมิชฉาชีพหลายรูปแบบ ในขณะที่มิลานจะมีโจรกบดานอยู่น้อยกว่าเพราะฉะนั้นหากต้องการจะ"ซ้อม"รับมือการปล้นอันแสนจะครีเอทีฟของโจรประเทศนี้ ก็ควรจะเริ่มจากมิลานซึ่งโจรที่นี่สกิลยังไม่แกร่งกล้าเท่าโจรในส่วนล่างของประเทศเท่าไหร่นัก

ในส่วนของเครื่องบิน ผมนั่งเครื่องบินของสายการบิน Emirates ทั้งขาไปและขากลับ (ที่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ) ระยะเวลาก็ Bangkok-Dubai ประมาณ 6 ชม. ส่วน Milan/Rome-Dubai ก็อีก 6 ชม. ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นสายการบินที่โอเคนะครับ อาหารอร่อยใช้ได้(น้ำมะม่วงอร่อยมากกกกกก) หนังบนเครื่องก็ค่อนข้างจะใหม่ ที่นั่งไม่แคบเกิน ส่วนแอร์แอบจะ All about that bass ไปนิด55555
จ่ายเงินไป (4คน,ไปกลับ) ก็ 136,905 บาท
เครื่องขาไปจะลงที่สนามบิน Milan Malpensa Airport เวลาท้องถิ่น 8.30 ครับ
เครื่องขากลับจะดีพาร์ตจากสนามบิน Leonardo Da Vinci-Fiumicino Airport ใกล้ๆ Rome กลับสู่สุวรรณภูมิ เวลาท้องถิ่น 15.30 ครับ

จากแพลนด้านบน จะได้ว่าเราจะต้องหาที่ซุกหัวนอนในอิตาลีดังนี้คือที่มิลาน2คืน เวนิซ2คืน ฟลอเรนซ์3คืน และโรมอีก3คืน ก็จัดหาโรงแรมโดยมีไครทีเรียคือ 1.สถานที่ตั้งสะดวกต่อการเดินทาง 2.ราคาเหมาะสม 3.รีวิวพอใช้ได้ 4.ความพึงพอใจของตัวผม ก็ได้โรงแรมทั้งหมดดังนี้

1. Milano: Best Western Atlantic Hotel (ให้คะแนน 4/5)
จากแผนที่ มันใกล้กับสถานี Centrale มากๆ เดินแค่ 5 นาทีถึง ห้องนอนก็ปกติครับ หน้าตาประมาณนี้ ไม่มีวิว มีแต่ตึก (รูปจากเน็ต ลืมถ่ายรูป)

ส่วนบริการต่างๆกับอาหารเช้าถือว่าดีงามมากๆ

จานผมเองครับ (ซ้าย: ครัวซองแบบอิตาเลียนเบรคฟัสทานกับชีส อร่อยมากๆ ขวา: จับฉ่ายแบบใส่ทุกเมนู หน้าตาเหมือนอาหารหมาแต่อร่อยครับ)


ราคาสำหรับ 1 triple room + เตียงเสริม สิริรวม 2 คืน = 444 euro = 15,732.06 บาท (City tax included)

2. Venezia: Hotel Becher (3.5/5)

โรงแรมนี้ ไม่ได้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหลักของเวนิซ (Venezia Santa Lucia) แต่อยู่ใกล้กับ Piazza San Marco ที่เที่ยวไฮไลต์ เดิน5นาทีถึง ทุกครั้งที่อยากไปดู Piazza San Marco ไม่ว่าจะตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงห้าทุ่ม สบายๆ (ส่วนตัวไปเดินเล่นขำๆมาแล้ว 7 รอบ555555)
บรรยากาศในเนเบอร์หูดของโรงแรม ช่างงดงาม


โรงแรมนี้เล็กมากครับ เพดานก็เตี้ยๆ ประมาณว่าพวก180upจะต้องชี้หน้าด่าป้ายโรงแรม แต่ตกแต่งเวอร์สุดๆ ส่วนห้องนอนผมนี่อลังจนนอนไม่หลับ

มีรูปหอระฆังเป็นพร็อพ แสดงถึงปริมาณโบสถ์ทั่วทุกๆหนึ่งหน่วยพื้นที่ ที่อิตาลีเขายังใช้ระฆังตีบอกเวลาอยู่นะครับ ครบชั่วโมงเมื่อไหร่เสียงเหง่งหง่างได้แทรกสอดเรโซแนนซ์กันมันเลย

วิวจากห้องอาหารยามเช้า

อาหารเช้าเหมือนโรงแรมที่แล้วเลย ยังนึกว่าสั่งขนมปังจากโรงงานเดียวด้วยซ้ำ
ราคา 2 คืน 1 triple room + เตียงเสริมก็ 542.8 euros = 17,792.74 บาท
ตามด้วย City tax อีกคนละ 3.5 euros/คน/คืน (เด็กต่ำกว่า18ไม่คิด) ก็เป็น 21 euros = 750 บาท


3. Firenze: Hotel Duomo (5/5)
ชื่อก็บอกแล้ว ว่า Duomo โรงแรมนี้จะอยู่ติดกับ Cattedrale di Santa Maria del Fiore หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า Il Duomo และอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Firenze Santa Maria Novella (Firenze S.M.N.) แค่ 15 นาทีเท่านั้น ถือว่าโลเคชั่นดีสุดๆ
ตอนขอห้องได้รีเควสทางอีเมลไปแล้วว่าอยากได้แบบ "Duomo View" ก็คืออยู่ห้องที่มองออกจากหน้าต่างจะเห็น Duomo เลย ผลก็คือ

อันนี้ผมไม่ได้ชะเง้อขอบหน้าต่าง ปีนตึก หรือไต่ระเบียงออกไปถ่ายนะครับ รูปนี้ได้ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง
ตามด้วยภาพแรกที่เห็นตอนตื่นนอน

ส่วนเตียงกับอเมนิตี้ส์อื่นๆก็ปกติครับ เหมือนโรงแรมทั่วไป รูปจากเนตครับ

ปล. ตอนผมพักอยู่เขาย้ายโต๊ะเก้าอี้ออกแล้วใส่เตียงเสริม(ที่ผมนอน)แทน ตอนนอนก้เปิดหน้าต่างดูโดมวิหาร ฟิน

ระเบียงจากล็อบบี้ตอนเช้า

เนื่องจากเราเจอแดดมาพอแล้ว ขอไปกินในร่มละกัน อันนี้อาหารเช้าครับ มีคนชงกาแฟให้ด้วย


ส่วนราคา 3 คืน 1 triple room + เตียงเสริม ก็ 783.82 euros = 27,770 บาท
อย่าลืม!!! City tax อีก 3 euros/คน/คืน = 27 euros = 960 บาท

4. Roma: Hotel Amalfi (3.5/5)
ที่เลือกโรงแรมนี้ เพราะว่าที่ตั้งเนี่ย ใกล้กับสถานี Roma Termini มาก เดิน15นาทีถึง แถมยังอยู่ติดกับมหาวิหาร Santa Maria Maggiore และ Piazza della Repubblica อีกสองที่เที่ยวชื่อดังของโรม
ห้องนอนที่นี่ก็ปกติครับ ไม่ได้ใหญ่หรือหรูหรามาก เลยไม่ได้ถ่ายไว้5555555 (รูปจากเน็ต)

ส่วนอาหารเช้าโอเคครับ อร่อย ปกติ กาแฟเข้มดี5555
บริการอื่นๆถือว่าโอเคมากๆครับ พนังงานต้อนรับที่นี่สปีคอิงลิชคล่องมากๆ ฟังง่ายดี
ปิดท้ายด้วยวิวจากหน้าต่างห้องครับ เห็นโบสถ์ชัดมาก

ราคา 1 triple room + เตียงเสริม จำนวน 4 คืน = 850 euros = 31,354.10 บาท
ตามด้วย City tax 3.5 euros/คน/คืน ก็อีก 42 euros = 1,503.6 บาท (แพงจังวะ5555)

จะเห็นได้ว่าโรงแรมทุกที่จะต้องมีค่า City tax ที่เก็บเพิ่มเพื่อเป็นค่าซุกหัวนอนในเมืองของเขาอ่ะครับ ไม่ต้องตกใจเวลาเจอละกัน55555

ส่วนราคาของโรงแรมหากจะไปพักจริงๆก็ควรจะเช็คอีกที เพราะมันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูอยู่แล้วครับ

จบเรื่องที่อยู่อาศัยเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็ขอกราบลาเป็นอิตาเลียนว่า Arrivederla และขออวยพรให้ทุกท่าน Buona giornata ครับ ขอบคุณครับ
*ขออภัยหากกระทู้นี้ยังมีข้อผิดพลาดหรือไม่ถูกใจผู้อ่านบางท่าน ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ และจะเป็นพระคุณอย่างสูงหากจะช่วยเสนอแนะหรือตักเตือนครับ, mille grazie!!*

อย่าลืมติดตาม Day1 : A first look of Milan's lux กันนะครับ ;)
http://ppantip.com/topic/33733640/comment1