The Normal Heart (Ryan Murphy,2014)
The Normal Heart เป็นหนังที่ออกฉายทางช่อง HBO เมื่อปีที่ผ่านมา มันบอกเล่าเรื่องราวในยุค 80 ที่เหล่าบรรดาชายรักร่วมเพศประกาศ การมี "ตัวตน" และแสดงจุดยืนว่าการเปิดเผยว่าพวกเขาเป็น "ชายรักชาย" ผ่านการมีเซกส์ การร่วมเพศและการจัดปาร์ตี้ที่มีชายหนุ่มมาเสพย์ความสุขร่วมกันโดยไม่ต้องปิดบังกันอีกต่อไป
ท่ามกลางสภาพการเมืองที่บรรดาคนในสภาเป็นพวก "อนุรักษ์นิยม" กันอยู่แล้วจึงมีสายตาที่มองชายรักร่วมเพศเป็นเนื้อร้ายอยู่แล้ว การมาถึงของมะเร็งประหลาดในหมู่เกย์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทางการนิ่งนอนใจจนโรคที่ถูกเรียกว่า "เอสด์หรือ HIV" เนื้อเริ่มแพร่ระบาดอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งโยนความผิดให้ว่าเกย์นั้นเป็นตัวแพร่โรคระบาดนี้
หนังโฟกัสไปที่ชีวิตจองเน็ด(มาร์ค รัฟฟาโล่) นักเขียนหัวรั้น ที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย นิสัยชอบจิกกัด โผงผาง อารมณ์ร้อนไม่ยอมคนทำให้เขาโสดมานานหลายปี จนกระทั่งเขาได้พบกับฟีลิกซ์ เทอร์เนอร์(แมทท์ โบเมอร์) หนุ่มคอลัมนิสต์ที่ทำงานในนิวยอร์กทามส์ ซึ่งแอบชอบเน็ดมาตั้งแต่ที่เขาเคย "มีอะไร" กับเน็ดตั้งแต่พบกันในซาวน่าเมื่อนานมาแล้ว เน็ดตกหลุมรักฟีลิกซ์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความรักของทั้งคู่กำลังเบ่งบานท่ามกลางสถานการณ์ที่เชื้อเอสด์ระบาดอย่างหนัก เช่นเดียวกับความพยายามของดร.เอ็มมา(จูเลีย โรเบิร์ต) แพทย์ที่ป่วยเป็นโปลิโอตั้งแต่ช่วงล่างลงไป เธอพยายามช่วยเหลือชีวิตบรรดาเกย์ที่ล้มป่วยด้วยโรคนี้และต่อสู้เพื่อของบประมาณในการรักษาจากกระทรวงสาธารณะสุขที่ดูจะ "เพิกเฉย" ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ทุกอย่างก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆเมื่อฟีลิกซ์พบว่าเขาติดเชื้อร้ายนี้และเหมือนวันตายก็ใกล้จะถามหาเขาทุกปี ทุกปี
ท่ามกลางตัวละครที่ปูพื้นมาอย่างมีมิติ เราจึงไม่รำคาญความงี่เง่าของเน็ด ที่ดูโผงผาง เลือดร้อนจนหลายอย่างบานปลายเกินควบคุม ในขณะที่ฟิลิกซ์ก็เหมือนเป็นน้ำแข็งที่คอยประคบเน็ดอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางความระส่ำระสาย ทั้งสองได้โชว์ฉากโรแมนติก ฉากระเบิดอารมณ์ และฉากที่ทั้งชวนซาบซึ้งน้ำตาไหลในตอนท้ายจนคนดูไม่อาจจะสะกดกลั้นอารมณ์อีกต่อไป เช่นเดียวกันกับจูเลีย โรเบิร์ตที่พร้อมระเบิด "ความเคียดแค้น โมโห" ในความที่รัฐบาลไม่สนใจชีวิต "ผู้ป่วย" เพียงแต่เลือกปฏิบัติว่าคนที่กำลังจะตายนั้นเป็นแค่ "คนรักร่วมเพศ" หาใช่เทียบเท่าชายจริงหญิงแท้คนอื่นๆในสังคม
ตัวละครอีกตัวที่เราค่อนข้างชอบมากก็คือทอมมี่(จิม พาร์สัน) หน่มเลขาประจำองค์กรในการให้คำปรึกษาผู้ป่วย เขามีความอ่อนโยนเข้าใจความสูญเสีย ฉากที่เขากล่าวคำอำลาหน้าศพเป็นอีกหนึ่งฉากที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างน่าตื่นตะลึงเช่นกัน
ในยุคที่ HIV ยังเป็นโรคที่ทุกคนหวาดกลัวและ "ไม่รู้" ว่ามันเป็นโรคอะไร การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์เรียกได้ว่ามีฉากที่น่า "สะเทือนใจ" ไม่แพ้กัน อีกทั้งมันยังเป็นยุคที่คนรักเพศเดียวกันพยายามต่อสู้กับตัวตนทางสังคม โรคร้าย และภาครัฐเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาพึงจะได้
The Normal Heart ไม่เป็นเพียงแค่หนังรักของคนเพศเดียวกัน แต่มันยังเป็นการแสดงถึงการต่อสู้เพื่อให้มาซึ่งความเท่าเทียม และโอกาสในการ "รอดชีวิต" ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
หนังออกแผ่นดีวีดีในบ้านเราแล้วนะครับ ถ้าใครอยากดูการแสดงดีๆ บทโดนๆ ลองไปหามาดูนะครับ ^ ^
เมาท์มอยเรื่องหนัง อ่านบทวิจารณ์เพิ่มเติมได้ที่ >>
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
[CR] [Review หนังรักสาย Y ที่ไม่ควรพลาด] The Normal Heart ร่างกายแพ้แต่หัวใจไม่แพ้
The Normal Heart (Ryan Murphy,2014)
The Normal Heart เป็นหนังที่ออกฉายทางช่อง HBO เมื่อปีที่ผ่านมา มันบอกเล่าเรื่องราวในยุค 80 ที่เหล่าบรรดาชายรักร่วมเพศประกาศ การมี "ตัวตน" และแสดงจุดยืนว่าการเปิดเผยว่าพวกเขาเป็น "ชายรักชาย" ผ่านการมีเซกส์ การร่วมเพศและการจัดปาร์ตี้ที่มีชายหนุ่มมาเสพย์ความสุขร่วมกันโดยไม่ต้องปิดบังกันอีกต่อไป
ท่ามกลางสภาพการเมืองที่บรรดาคนในสภาเป็นพวก "อนุรักษ์นิยม" กันอยู่แล้วจึงมีสายตาที่มองชายรักร่วมเพศเป็นเนื้อร้ายอยู่แล้ว การมาถึงของมะเร็งประหลาดในหมู่เกย์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทางการนิ่งนอนใจจนโรคที่ถูกเรียกว่า "เอสด์หรือ HIV" เนื้อเริ่มแพร่ระบาดอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งโยนความผิดให้ว่าเกย์นั้นเป็นตัวแพร่โรคระบาดนี้
หนังโฟกัสไปที่ชีวิตจองเน็ด(มาร์ค รัฟฟาโล่) นักเขียนหัวรั้น ที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย นิสัยชอบจิกกัด โผงผาง อารมณ์ร้อนไม่ยอมคนทำให้เขาโสดมานานหลายปี จนกระทั่งเขาได้พบกับฟีลิกซ์ เทอร์เนอร์(แมทท์ โบเมอร์) หนุ่มคอลัมนิสต์ที่ทำงานในนิวยอร์กทามส์ ซึ่งแอบชอบเน็ดมาตั้งแต่ที่เขาเคย "มีอะไร" กับเน็ดตั้งแต่พบกันในซาวน่าเมื่อนานมาแล้ว เน็ดตกหลุมรักฟีลิกซ์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความรักของทั้งคู่กำลังเบ่งบานท่ามกลางสถานการณ์ที่เชื้อเอสด์ระบาดอย่างหนัก เช่นเดียวกับความพยายามของดร.เอ็มมา(จูเลีย โรเบิร์ต) แพทย์ที่ป่วยเป็นโปลิโอตั้งแต่ช่วงล่างลงไป เธอพยายามช่วยเหลือชีวิตบรรดาเกย์ที่ล้มป่วยด้วยโรคนี้และต่อสู้เพื่อของบประมาณในการรักษาจากกระทรวงสาธารณะสุขที่ดูจะ "เพิกเฉย" ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ทุกอย่างก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆเมื่อฟีลิกซ์พบว่าเขาติดเชื้อร้ายนี้และเหมือนวันตายก็ใกล้จะถามหาเขาทุกปี ทุกปี
ท่ามกลางตัวละครที่ปูพื้นมาอย่างมีมิติ เราจึงไม่รำคาญความงี่เง่าของเน็ด ที่ดูโผงผาง เลือดร้อนจนหลายอย่างบานปลายเกินควบคุม ในขณะที่ฟิลิกซ์ก็เหมือนเป็นน้ำแข็งที่คอยประคบเน็ดอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางความระส่ำระสาย ทั้งสองได้โชว์ฉากโรแมนติก ฉากระเบิดอารมณ์ และฉากที่ทั้งชวนซาบซึ้งน้ำตาไหลในตอนท้ายจนคนดูไม่อาจจะสะกดกลั้นอารมณ์อีกต่อไป เช่นเดียวกันกับจูเลีย โรเบิร์ตที่พร้อมระเบิด "ความเคียดแค้น โมโห" ในความที่รัฐบาลไม่สนใจชีวิต "ผู้ป่วย" เพียงแต่เลือกปฏิบัติว่าคนที่กำลังจะตายนั้นเป็นแค่ "คนรักร่วมเพศ" หาใช่เทียบเท่าชายจริงหญิงแท้คนอื่นๆในสังคม
ตัวละครอีกตัวที่เราค่อนข้างชอบมากก็คือทอมมี่(จิม พาร์สัน) หน่มเลขาประจำองค์กรในการให้คำปรึกษาผู้ป่วย เขามีความอ่อนโยนเข้าใจความสูญเสีย ฉากที่เขากล่าวคำอำลาหน้าศพเป็นอีกหนึ่งฉากที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างน่าตื่นตะลึงเช่นกัน
ในยุคที่ HIV ยังเป็นโรคที่ทุกคนหวาดกลัวและ "ไม่รู้" ว่ามันเป็นโรคอะไร การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์เรียกได้ว่ามีฉากที่น่า "สะเทือนใจ" ไม่แพ้กัน อีกทั้งมันยังเป็นยุคที่คนรักเพศเดียวกันพยายามต่อสู้กับตัวตนทางสังคม โรคร้าย และภาครัฐเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาพึงจะได้
The Normal Heart ไม่เป็นเพียงแค่หนังรักของคนเพศเดียวกัน แต่มันยังเป็นการแสดงถึงการต่อสู้เพื่อให้มาซึ่งความเท่าเทียม และโอกาสในการ "รอดชีวิต" ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
หนังออกแผ่นดีวีดีในบ้านเราแล้วนะครับ ถ้าใครอยากดูการแสดงดีๆ บทโดนๆ ลองไปหามาดูนะครับ ^ ^
เมาท์มอยเรื่องหนัง อ่านบทวิจารณ์เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.facebook.com/EntertainmentBite