Simple life,The single life's letter(จดหมายจากฉันที่โสด) - Letter1. (ตอนที่1) /โดย G.

อยากลองเขียนเรื่อง ที่เอามาจากชีวิตจริงโดยใช้รูปแบบของการเขียนจดหมายเล่าให้เพื่อนฟัง โดยที่ทุกตอนจะพยายามแทรก ฮาวทูอะไรเล็กๆไว้ด้วย
ความจริงก็เคยเขียนนิยายมาบ้าง แต่พอมาเป็นรูปแบบนี้ ก็ยังจับทางไม่ค่อยถูก พยายามใช้ภาษาให้ดูสนิทกันที่สุดแต่ไม่น่าเกลียด
อย่างไงก็ฝากติชมไว้ด้วยนะครับ
......................

พอกันที! กับ อาการดราม่าเพราะความรัก

พอกันที! กับอาการเหี่ยวเฉาเพราะความรัก

พอกันที! พอกันที! พอกันที!

ถึง G.

นี่เป็นจดหมายจากเราที่จะแชร์วิถีคนโสดขี้นอยด์แบบเรา ที่พยายามจะเป็นสุขให้ได้ และเราต้องทำให้ได้
ในสามร้อยหกสิบห้าวันนี้และต่อจากนั้น เราจะทำตัวเองให้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
มาร่วมให้กำลังใจเรา และ เป็นเพื่อนโสดอย่างมีความสุขไปด้วยกันเถอะนะ G.

เมื่อเช้านี้
    วันนี้เราตื่นขึ้นมา อัพเดทสเตตัสดราม่าในfacebookเป็นอย่างแรกเหมือนกับทุกๆวัน  ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแปลกใหม่กับชีวิต แต่ แต่ แต่ แต่ แต่ เดี๋ยวนะ เรารู้สึกเวียนหัวและอยากจะอ้วกขึ้นมาเฉยๆตอนที่เลื่อนไทม์ไลน์ไปเจอโพสของอดีตเพื่อนสนิทที่เคยชอบ  มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเป็นเอฟเฟคจากรูปและชื่อเจ้าของโพสนั้นจริงๆก็ไม่รู้เหมือนกัน  เราวิ่งไปอ้วกแล้วกลับมานั่งสงบสติอารมณ์บนเตียงแบบเดิม เชี่ยยยยยยย

ย้อนไปเมื่อวีคที่แล้ว
    แฟนเก่าเราไลน์มาถามเรื่องงาน  เห็นไลน์เด้งแล้วแทบไม่อยากจะเปิด ถ้าถามว่ายังรักอยู่ไหม คงตอบได้เต็มปากเลยว่า ไม่เหลือเยื่อใยแล้วล่ะ แต่พอเห็นชื่อเห็นรูป ในหัวมันก็ปั่นป่วนไปหมด เอ๊ะ หรือเราจะยังคงมีเยื่อใยอยู่เล็กๆ อันนี้ก็ไม่รู้  ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เลยลองโยนหินขอนัดกินข้าวกับเขาไป ไอ้บ้านี่ก็ดันตอบรับอีกแน่ะ ที่เลวร้ายคือมันขอเอาแฟนมาด้วยนี่ดิ มันเอิ่มมมม

บ่ายของวันต่อมาเมื่อวีคที่แล้ว
    นิสัยส่วนตัวเราไม่ใช่คนที่จะมาตามนัดตรงเวลาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรามาช้าไปเกือบชั่วโมง ตามนัดที่ร้านกาแฟกลางห้างดัง เราเดินมั่นๆเข้ามา แว่นก็ไมได้ใส่ เห็นภาพพร่ามัวไปหมด สุ่มๆเดินดุ่มๆเข้าไปจนสุดโต๊ะใน นั่นไง! เขายังเหมือนเดิมเลย ชอบโต๊ะที่หลบมุมสุดในร้าน แต่… ไหนวะแฟน เอ้า ไหนว่าจะเอาแฟนมาด้วยไง เราแค่สงสัยในใจแต่ไม่ได้ถามอะไรออกไป การทักทายกันประโยคแรกทำให้เราหน้ามืดเบาๆ นี่เราอาจมีปัญหาสุขภาพแล้วหล่ะ เราคอนโทรลร่างกายให้ดูปกติที่สุด แล้ววานให้เขาไปสั่งของกินให้ เขาบอกว่าแฟนเขาจะไม่มานั่งกินด้วย แต่จะมารับตอนเย็นๆ เรากระอักกระอ่วน ถึงขนาดลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นคนชอบถ่ายรูปเซลฟี่เวลาเข้าร้านอาหาร นี่แทบไม่แตะโทรศัพท์เลยในตอนนั้น  เราหยิบแว่นออกมาใส่ หยิบสมุดจดออกมาวาดรูป ในใจก็คิดนะว่านี่เรานัดกันมาทำไมวะ เรื่องงานก็คุยจบไปตั้งแต่ในโทรศัพท์แล้ว เราเหลือบหันไปเห็นเด็กผู้หญิง ม ปลาย มองมาที่เขาด้วยท่าทีสนใจ มันแสดงออกได้ชัดเจนมากกกกกกกกกกกกกด้วยกิริยาที่ชัดเจนในแบบของเด็กยุคนี้  แต่ด้วยความที่แฟนเก่าเราคนนี้เป็นคนที่จัดอยู่ในหมวดหมู่คนหล่อเลยแหละ ขาว ไหล่หนา สูง ตี๋ ครบทุกคุณสมบัติที่ชะนีไทยจะชอบ เราสะกิดบอกแฟนเก่า มันบอกว่า ชินแล้วหล่ะ หื้มมมมม อะไรนะ  ชินแล้วเหรอ คือรัศมีความหล่อแกมันแสดงอิทธิฤทธิ์มาหลายรอบแล้วสินะ สักพักเราเริ่มเล่นกันถึงตัวจนเรารู้สึกว่า เกินไปแล้ว นิสัยมุ้งมิ้งๆของเราหลายหนมันคาบเส้นอยู่กับการอ่อย เราถอยห่างออกมาแล้วขอตัวกลับ เขาก็ทำหน้างงๆ คือเมนหลักของวันนี้ไม่มีอะไรเลย เหมือนการนัดมีตติ้งที่ไม่มีประเด็นอะไรจะพูดคุย ความจริงที่นัดมานี่ก็แค่คิดถึงคนเคยรักมั้ง

    เรานั่งอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศ รู้สึกได้เลยว่าหน้าเรากำลังยิ้มอยู่ เหมือนหัวใจพองโตเต็มที่อีกครั้ง แต่สุดท้ายมันก็ฟีบเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วเหมือนลูกโป่งที่มีรู  เมื่อเพื่อนเก่าที่เราแอบชอบกดลีฟกลุ่มไลน์ออกไป  ไอ้ ยิ้ม! เราแทบจะอุทานออกมาตอนนั้น เกิดไรขึ้นวะ เราไล่ดูแชตในกรุ๊ปไลน์ก่อนหน้า ส่วนใหญ่แชตก่อนหน้าในกลุ่มไลน์ก่อนที่เขาจะลีฟออกไป มีแต่การเวิ่นเว้อ เหงาๆ ของเรา  เราตาลีตาเหลือกรีบอัพสเตตัสดราม่าไปก่อนตามนิสัยเรา ที่มีอะไรก็ต้องอัพเดทบอกผู้คน ก่อนที่จะรีบแชตถามเพื่อนคนอื่นทันที เพื่อนก็ไปถามมันต่ออีก ได้คำตอบมาว่า มันรำคาญรวมๆเพราะในกลุ่มมีแต่คนขี้เหงา โอ้โห!..... รำคาญรวมๆทุกคน หรือรำคาญเราคนเดียวแบบรวมๆกันแน่  ณ ตอนนี้มันไม่ใช่อาการผิดหวังในแบบอกหักอีกต่อไป มันคือความโกรธมาก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า โกรธในลิมิตที่ไม่เคยโกรธมาก่อน แอม ฟัคกิ้ง เฮด ยู!!!  คำถามคือ ไปโกรธอะไรเขาขนาดนั้น ก็ไม่รู้สิ  คงพาลที่เขาไม่รักมั้ง


......เกิดคำถามใช่มั้ยว่าตกลงผู้ชายที่พัวพันกับเรามีใครบ้าง

ก็มี แฟนเก่าเรา
เพื่อนสนิทที่เราชอบ
เพื่อนสนิทที่เพื่อนบอกว่าเราชอบ
เพื่อนเก่าที่เข้ามาจีบเรา

คนพวกนี้ยังมีอิทธิพลกับเราอยู่ในปัจจุบัน ทุกคนนี้ทำให้เราสับสนวุ่นวาย โลกหยุดหมุนได้ในทุกครั้งที่มีปฎิสัมพันธ์
ในตอนนี้เราขอเกริ่นถึงคนพวกนี้ให้ครบทั้งหมดก่อนได้มั้ย  ต้องได้สิ ถ้าG.รู้เรื่องผู้ชายพวกนี้คร่าวๆแล้วช่วยเราเลือกด้วยนะ ว่าสุดท้ายแล้วเราควรปัดตกให้หมดทุกคนเลยหรือเปล่า

เมื่อสามเดือนก่อน
    มีเบอร์มือถือของเพื่อนเก่าคนนึงโทรมาหาเรา แล้วบอกเราว่ามีคนอยากคุยด้วย เราก็รอที่จะคุยกับคนที่ว่า ไม่นานเขาก็ทักทายมา เอาจริงๆ ถึงผ่านมาหลายปีขนาดไหน แต่เราก็ไม่เคยลืมเสียงนี้เลย เป็นเอกลักษณ์มาก ตอนนั้นแปลกใจและตกใจมาก คือเราไม่ได้เจอกันเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่แม้แต่จะติดต่อกับผ่านทางโซเชี่ยลไหนๆ  เขาทักเราว่า เป็นไงบ้าง ก็ถามสารทุกข์สุกดิบกันปกติ สองสามวันผ่านไปเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเพื่อนคนนี้มาก จนมีแอคเคาท์facebook แปลกๆแอดมาหา พร้อมกับline และig follower ที่ชื่อเหมือนกันเด๊ะ  ทุกรูปก็ไม่มีหน้าตาเจ้าของแอคเคาท์เลย เราตัดสินใจทักไปในlineเป็นที่แรก เขาหัวเราะมาและแนะนำตัว คืนนั้นเราคุยกันทั้งคืนในline ตลกดีเนอะ คนที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันมาเกือบสิบปี ต่างคนต่างเปลี่ยนไปมาก แต่กลับมาคุยกันได้สนิทแบบเดิม อย่างไม่มีช่องว่างอะไรเลย แต่แล้วมันก็ไม่ใช่แบบที่คิดเลย พอในอีกไม่กี่วันต่อมา เขาแวะมาหาเราแถวที่พัก มันพอดีกับที่เรากำลังนั่งแท็กซี่กลับห้อง เลยแวะหาเขาสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร  นาทีที่เราเข้าไปเจอเขาในร้าน มันไม่เป็นแบบที่คิดไว้จริงๆ ที่เห็นชัดๆเลยคือ เขาไม่หล่อเหมือนแบบตอนเด็กแล้ว เรามาหาใครกันเนี่ย นี่มันไม่ใช่ผู้ชายคนที่เด็กสาวและหนุ่มในยุคนั้นแทบฆ่ากันตายเพื่อที่จะได้เขามา  พอเลยพอเลย เอาจริงๆตอนนี้ถ้าตานี่ยังหล่อเหมือนเดิม มันก็จะเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้เรามาก  แต่ตอนนี้ความรู้สึกเรามันหล่นวูบ จากที่ว่าจากเพื่อนเก่าที่อาจจะมีการพัฒนาไปมากกว่านั้น มาถึงจุดนี้เราลบความคิดนั้นออกไปจนหมด  ไม่มีคำว่าmaybeมีแต่คำว่า can’t  เรานั่งกินแค่พอเป็นพิธี เค้กชิ้นเล็กๆกับชาร้อนเบาๆ ก่อนรีบขอตัวกลัว เรารีบมากไปจนน่าเกลียดจริงๆ เจ้าตัวดูมีความสุขมากที่ได้เจอกันอีกครั้ง แต่ถามเรานะ เรารู้สึกผิดหวังมาก จากการที่คุยกันทั้งคืนในแชต จะว่าไปเราดูเป็นคนที่ทัศนคติแย่จังเนอะ

ในคืนเดียวกัน
    เรากลับเข้ามาที่ห้อง พร้อมเค้กช็อคโกแลตกล่องเล็ก มีเสียงทีวีเปิดอยู่ กะจะตะโกนเรียกเพื่อนที่พักอยู่ด้วยกัน แต่พอหันไปมองที่โซฟา มีคนอยู่มากกว่าจำนวนปกติ อ้าว เพิ่มมาหนึ่งคนจากไหน อีตาคนนี้คือ เพื่อนเราเอง เพื่อนที่คนมักจะล้อเสมอว่าเป็นอะไรกัน เรายอมรับว่าเราห่างกันออกมามากตั้งแต่กระแสรุนแรง เรื่องชอบไม่ชอบกัน ที่ห่างออกมาก็ไม่ใช่อะไร กลัวใจตัวเองนั่นแหละ ความจริงอีตานี่เป็นผู้ชายแรดคนนึงเลยนะ หน้าตาจัดว่าพื้นๆ ตัวก็เตี้ย บุคลิกบ้านนอกๆ เหมือนคนเพิ่งเข้ากรุงเทพใหม่ๆตลอดเวลา แต่เวล้เราเมาเราจะมองมันเป็นคนหล่อคนดีที่สุดเสมอ แต่นั่นแค่ตอนที่เราเมา เรียกว่าไงดีล่ะ เหมือนเราจะตกหลุมรักอีตานี่เข้าจริงๆ แค่ตอนที่เราเมาแค่นั้น สร่างมาก็หาย  เราเก้เก้กังกังที่จะเข้าไปนั่งร่วมวงด้วยที่โซฟา ความสนิทสนมที่เคยมีมันจางๆไปบอกไม่ถูก

ปีก่อน
    เรามาเที่ยวผับกับเพื่อนๆ รวมถึงอีตาเพื่อนสุดจิ้นของเรานี่ด้วย ทุกอย่างเดินไปตามเวลาของมันปกติ จนในช่วงที่ทุกคนเริ่มเมา สมองทุกคนเริ่มเบลอ ทำไมจู่ๆเราก็รู้สึกว่า ผู้ชายเพลนๆคนนี้ มีอะไรโดดเด่นออกมาจากเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ เราเริ่มบังคับตัวเองไม่ได้เพราะอิทธิฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เราเดินเข้าไปนั่งข้างมันอย่างปกติ ทุกคนเริ่มเต้นกันสนุกสนาน ไม่มีใครทันที่จะหันมาสนใจ เราขโมยจุ๊บแก้มมันไปหนึ่งที มันหันมามองแบบอึ้งๆ แล้วทำหน้าตกใจ ด้วยท่าทาทางของมันก็ดูมึนๆไม่น่าจะต่างกับเรามาก มันแค่เอามือปัดๆรอยจูบนั่น แล้วหันไปกินเหล้าต่อ เราได้แต่นั่งนิ่งสมองชาๆ เออ ก็รู้สึกดีแฮะ ณ ตอนนั้นนะที่รู้สึกดี แต่พอมานึกถึงอีกทีตอนหายเมา ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปจากเมื่อคืนที่ว่าฟิน ที่ว่ารู้สึกดี คืออยากย้อนเวลากลับไปไม่ทำอีก ขนลุกบอกไม่ถูก

กลับมาในปีนี้ วันนี้ ตอนนี้เลย
    เราคิดว่ากำลังไม่สนุกกับความโสดแบบที่เป็นอยู่ เรากำลังไม่สนุกกับทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกดาวน์ที่เกิดจากคนพวกนี้ และเพราะความเหงา กำลังบั่นทอนชีวิตเราลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไมได้  เราต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นการใหญ่ ใหญ่จริงๆสักที เราต้องมีความสุข เราต้องไม่ผะอืดผะอม ไม่รู้สึกปั่นป่วนในทางลบ  เราจะทำอย่างไงดี ?  เราต้องเริ่มจากอะไร สิ่งแรกที่คิดได้และทำง่ายที่สุดคือ การนั่งสมาธิ
การนั่งสมาธิสำหรับเราเป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยความที่เราพักอยู่กับเพื่อน บรรยากาศในห้องจะดูวุ่นวายไปหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ วิธีการนั่งสมาธิในแบบของเรา ง่ายๆเลย คือ

1. อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้รู้สึกสดชื่น สะอาด มันเป็นเรื่องของความรู้สึก หลังอาบน้ำตัวจะเบาๆ สมองโปร่งๆ
2. หามุมเหมาะๆ ซึ่งเราเลือกข้างเตียงเนี่ยแหละ ปูเบาะรองนั่งสักหน่อย
3. นั่งลงแล้วพยายามสงบจิตใจ จะคิดถึงพระพุทํพระธรรมอะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเราไม่ได้ยึดถือศาสนาใดๆ เราก็คิดถึงพ่อแม่ ครู อะไรแบบนี้มากกว่า เหมือนscopeความคิดให้มันอยู่ในจุดเล็กลง ให้ไม่ฟุ้งไปหลายเรื่อง
4. หลับตาไปเลย หลับตาเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจอะไรรอบตัว จะได้ไม่วอกแวก พยายามกำหนดจิตให้อยู่ที่ตัวเรา เราจะเพิ่งจิตไปที่หว่างคิ้วอ่ะ คนอื่นก็อาจจะมีวิธีของแต่ละคน แต่เราทำแบบนี้ และก็เวิร์ค
5. ด้วยความที่เราไม่ใช่คนที่จะมีเวลามากมาย เราจึงจำเป็นต้องตั้งเวลาปลุกไว้ กลัวนั่งแล้วยาวเดินไป ส่วนใหญ่ก็ตั้งประมาณ 15-25นาที แล้วแต่วัน
6.ความจริงหลังนั่งสมาธิเสร็จ ลองยืดเส้นยืดสาย โยคะสักท่าสองท่าก็ดีนะ

    G.ลองเอาๆไปทำตามดูสิ สมาธิไม่ใช่เรื่องเฉิ่มเชยนะ แล้วยังเป็นเรื่องที่สากลมาก เราเคยอ่านเจอว่า ทางวิทยาศาสตร์มีการทำการทดลองเกี่ยวกับสมาธิด้วย โดยระหว่างที่เรานั่งสมาธิเนี่ย คลื่นสมองแกมม่าจะปรับระดับสูงขึ้นมาก ซึ่งระดับคลื่นสมองแกมมาซึ่งคลื่นสมองแกมมาเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่เชื่อมโยงความทรงจำ ระดับการเรียนรู้ ระดับสมาธิและการมองโลกในแง่ดี คือทุกอย่างมันเป็นบวกและที่สำคัญมันรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำจริงๆ

    ถามว่าแล้วสมาธิเกี่ยวอะไรกับการอยู่เป็นโสดอย่างมีความสุข เกี่ยวแน่นอน เกี่ยวเต็มๆ เพราะเราปฎิเสธไมได้หรอกนะว่า ความโสดทำให้เราฟุ้งซ่าน และสมาธิทำให้เราลดความฟุ้งซ่านลงได้ แม้ว่าอาจไมได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ เพราะแค่การนั่งสมาธิไม่ได้จะทำให้ทุกคนมีความสุขได้  มันต้องอาศัยองค์ประกอบอะไรในชีวิตอีกเยอะแยะไปหมด


    ตายแล้ว! พอดีแฟนเก่าเราทักlineมา น่าจะเรื่องงานแหละ เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวจะส่งจดหมายมาเล่าให้ฟังใหม่  ฉบับหน้าเราจะเล่าเรื่องแฟนเก่าให้ฟัง G.เคยโดนบอกเลิกเพราะผิวดำเกินไปไหมล่ะ ตลกดีนะ ไปก่อนนะ อย่าลืมเก็บจดหมายเราไว้ในกล่องเหล็กลายหอไอเฟลด้วยล่ะ.

                                                                                                                                              Later,Laters,Catch you later.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่